“จริงๆหนูอยากมาโอลิมปิกเกมส์อีก แต่ก็ต้องดูอีกที ต้องดูหลายอย่าง โดยเฉพาะอายุ และถ้ามาแล้วเจอเรื่องแบบนี้ คนเป็นนักกีฬามันก็ท้อ”
ี่คือคำพูดเปิดใจของ ”เฟี้ยว“ จุฑามาศ จิตรพงศ์ หนึ่งในนักชกตัวความหวังของทีมกำปั้นหญิงไทย ในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงสุดผิดหวัง หลังพ่ายให้กับนักชกจากโมร็อคโก วิดัด เบอร์ทัล ไปอย่างหวุดหวิด 2-3 เสียง ตกรอบ 16 คนสุดท้าย มวยสากล รุ่น 54 กก.หญิง ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส เมื่อ 30 ก.ค.2567
ในมุมของ “เฟี้ยว“ มองว่าการชกไฟต์นี้ ตนเองคู่ควรที่จะเป็นผู้ชนะ โดยเฉพาะในยกที่สาม ซึ่งเจ้าตัวมั่นใจว่าออกหมัดเข้าเป้า ไม่ต่อยวืดชกลม และมองว่าในยกที่ 3 ที่เป็นยกชิงดำ หลังจบ 2 ยก กรรมการให้ทั้งคู่ชนะ 20-18 ฝั่งละ 2 เสียง โดยมีกรรมการอาร์เจนตินา ที่ให้เสมอกันที่ 19-19 เป็ตัวแปร
”เกมยกที่สาม ค่อนข้างมั่นใจค่ะ ว่าเราทำได้ดีกว่า หนูมั่นใจว่าเราต่อยได้ ต่อยโดนเขา แล้วอีกอย่าง ตอนยกที่สาม เขาเดินเข้ามา ก็โดนเราต่อยตลอด เราพยามออกหมัดเยอะมาก มั่นใจว่าด้วยว่าออกชัดเจนกว่า ออกได้ยาวกว่า ส่วนเขาเข้ามา เขาต่อยถากๆ ไม่ค่อยโดน ถึงโดนก็ไม่ได้เข้าเป้า ต่อยลมเยอะเหมือนกัน“
ความฝันพังทลาย หลังจบ 3 ยก กรรมการบนเวทีเป็นฝ่ายชูมือให้กับนักชกโมร็อคโกเอาชนะ 3-2 เสียง ทำให้ “เฟี้ยว” ยุติเส้นทางในศึกโอลิมปิกเกมส์ “ปารีส 2024” เอาไว้ที่รอบ 16 คนสุดท้าย และถือเป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวไม่สามารถสานฝันของตัวเองได้สำเร็จ หลังในศึกโตเกียว 2020 เจ้าตัวก็ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ
ย้อนกลับไปในโอลิมปิกครั้งนั้น ซึ่งถือเป็นโอลิมปิกครั้งแรกของ จุฑามาศ หลังเจ้าตัวได้ส้มหล่น คว้าโควตาเข้าชิงชัยแทนที่ นักกีฬาเกาหลีเหนือที่ถอนตัว แต่แม้ประสบการณ์จะน้อยและยังไม่เจนจัดมากนัก แต่ ”เฟี้ยว“ ก็ใช้ความสดบวกลูกฝือเข้าสู้อย่างสุดใจ โดยผ่านนักชกแอลจีเรีย ในรอบ 32 คน และนักชกฟิลิปปินส์ ในรอบ 16 คน
น่าเสียดายที่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นรอบชิงเหรียญทองแดง จุฑามาศ มาพ่ายให้กับ บุส นาซ คาลิโรกลู รองแชมป์โลก ปี 2019 จากตุรกี ไป 0-5 เสียง วืดเหรียญทองแดงที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมไปอย่างน่าเสียดาย โดยสาวแดนไก่งวงเข้าไปคว้าเหรียญเงินได้ด้วยในโอลิมปิกคราวนั้น
วันและเวลาช่วย ”เฟี้ยว“ ให้เก่งและแกร่งขึ้น เจ้าตัวคว้ารองแชมป์โลก ในปี 2022 ที่ตุรกี ก่อนจะมาได้เหรียญทองแดงในศึกชิงแชมป์โลก 2023 และคว้าโควตาเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ 2024 ด้วยมือของตัวเองในทัวร์นาเมนต์คัดเลือก ที่อิตาลี
การมาโอลิมปิก “ปารีส 2024” ของ “เฟี้ยว” จึงมีพร้อมทั้งเรื่องคุณวุฒิ ที่ผ่านการคว้าเหรียญรางวัลจากเวทีระดับนานาชาติมาอย่างต่อเนื่อง และก็ทำให้หลายฝ่ายคาดหมายว่าเจ้าตัวจะก้าวไปถึงความฝันครั้งนี้ได้
สุดท้าย ความฝันต้องพังทลายลงอีกครั้ง จุฑามาศ พ่ายแพ้ให้นักกีฬาจากโมร็อกโก 2-3 ในแมตช์ที่เจ้าตัวเองก็ยังสงสัยและเคลือบแคลงใจกับผลการตัดสิน โดยเฉพาะในยกที่ 3 ซึ่งเจ้าตัว ก็มั่นใจว่า ทำได้ดีกว่าและต่อยเข้าเป้าอยู่หลายหน แต่สุดท้ายก็เป็นกรรมการ ที่ชี้ขาดให้โมร็อกโก ทำให้เจ้าตัวอกหักอีกหนเป็นครั้งสอง
ความพ่ายแพ้ในแมตช์ดังกล่าวของ “เฟี้ยว” ยังกลายเป็นกระแสดราม่าในโลกออนไลน์ โดยแฟนกีฬาต่างก็แสดงความคิดเห็นในมุมที่แตกต่างกันออกไป โดยมีทั้งในมุมที่ให้กำลังใจ เห็นด้วยกับเจ้าตัว และไม่เห็นด้วย
ในมุมที่เห็นด้วยกับ “เฟี้ยว” ยังแคลงใจกับผลการตัดสินชี้ขาดที่ออกมา ส่วนบางคนที่เห็นต่าง ก็มองว่าคู่นี้สูสี และมีโอกาสที่ผลการแข่งขันจะออกได้ทุกหน้า พร้อมมองเรื่องสไตล์การชกของนักมวยไทย อาจทำให้เจอเมื่อเจอสถานการณ์ที่ก้ำกึ้งในการชี้ขาด เรามีสิทธิ์แพ้และชนะ และออกได้ทุกหน้า
สำหรับนักชกไทย เกือบทั้งหมดเป็นมวยที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นมวยจังหวะฝีมือโดนธรรมชาติ เน้นดักต่อย ชิงจังหวะสองต่อย รวมถึงยังไม่ค่อยเห็นหมัดชุด ซึ่งก็ถือเป็นอาวุธสำคัญในการทำคะแนนของการมวยสากลสมัยใหม่ เรื่องนี้แฟนกีฬาหลายคนอยากให้ปรับ
สำหรับอนาคตของ ”เฟี้ยว“ กับเส้นทางการแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ยังไม่ชัวร์จะกลับมาบรรจบกันอีกหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ยังไม่กล้าพูดเต็มปากว่าจะสู้ต่อหรือไม่ในโอลิมปิกสมัยหน้า ปี 2028 ที่สหรัฐอเมริกา หลังผิดหวังกับผลงานในครั้งนี้ ถึงขั้นออกมาตัดพ้อหลังเกม
อย่างไรก็ตามแฟนกีฬาหลายคนต่างส่งกำลังใจ พร้อมกับเชียร์ให้ “เฟี้ยว”กลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง เพื่อลบฝันร้าย และลองสู้อีกสักตั้งเพื่อปลดล็อคความฝันและความสำเร็จ รวมถึงพิสูจน์ตัวเองกับสิ่งที่ยังค้างคา เหมือนกับที่รุ่นพี่กำปั้นไทย อย่าง สมจิตร จงจอหอ ที่ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าในโอลิมปิกเคยทำได้ หลังไม่ยอมแพ้ ล้มแล้วลุก กลับมามุ่งมั่นสู้ต่อ จนสามารถว้าเหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์ 2008