ไม่ใช่หนแรก! ย้อนเรื่องวุ่นในฟุตบอลชายของ โอลิมปิก เกมส์

ไม่ใช่หนแรก! ย้อนเรื่องวุ่นในฟุตบอลชายของ โอลิมปิก เกมส์
แค่วันแรกก็เกิดดราม่าแล้วสำหรับการแข่งฟุตบอลชายของศึก โอลิมปิก เกมส์ 2024

เมื่อเกมระหว่าง โมร็อกโก กับ อาร์เจนตินา มีทั้งการทดเวลานาน 15 นาที, การประท้วงแบบรุนแรงของแฟนบอล โมร็อกโก, การที่กรรมการสั่งพักการแข่งขันไปพักใหญ่ และการริบประตูของ อาร์เจนตินา พร้อมกับการกลับมาเตะกันต่ออีกราว 3 นาที ก่อนที่ โมร็อกโก จะชนะไป 2-1

แน่นอนว่า ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เทรนเนอร์ของ อาร์เจนตินา โมโหสุดๆ จนบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามเป็นเรื่องที่ฉาวโฉ่ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดประเด็นร้อนในการแข่งฟุตบอลชายของ โอลิมปิก เกมส์ เช่นกัน ซึ่งเรื่องที่เรากำลังจะบอกเล่าต่อไปนี้คือตัวอย่างในประเด็นนั้น

- เบลเยียม vs เช็กโกสโลวาเกีย : โอลิมปิก เกมส์ 1920

ครั้งนั้นเมืองอันท์เวิร์ปของประเทศเบลเยียมได้เป็นเจ้าภาพของ โอลิมปิก เกมส์ ทำให้พวกเขาตั้งเป้าที่จะคว้าเหรียญทองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งนั่นรวมถึงจากกีฬาฟุตบอลด้วย และทีมฟุตบอลของ เบลเยียม ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจจนเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยคู่แข่งคือ เช็กโกสโลวาเกีย

ทั้งนี้ เบลเยียม นำไป 2-0 ตอนผ่านไป 30 นาที แต่พอถึงนาทีที่ 39 บรรดานักเตะของ เช็กโกสโลวาเกีย ก็ตัดสินใจรวมตัวกันเดินออกจากสนาม เพราะไม่พอใจกับการตัดสินของ จอห์น ลูอิส กรรมการชาวอังกฤษที่ไล่ คาเรล สไตเนอร์ แบ็กซ้ายของทีมออก หลังจาก สไตเนอร์ มีจังหวะเข้าสกัดใส่ โรแบร์ต ก็อปปี กองหน้าของ เบลเยียม

ท้ายที่สุดแล้วฝ่ายจัดการแข่งขันก็ตัดสินใจให้ เบลเยียม ชนะฟาวล์จนทำให้เจ้าภาพได้เหรียญทอง แถมยังมีการขับ เช็กโกสโลวาเกีย ออกจากการแข่งขันด้วย นั่นหมายความว่าเกมนัดก่อนๆ ของพวกเขาก็ถือเป็นโมฆะไปโดยปริยายจนทำให้ เช็กโกสโลวาเกีย ไม่ได้แม้กระทั่งเหรียญเงิน และต้องมีการจัดทัวร์นาเมนต์แบบเฉพาะกิจเพื่อหาชาติที่จะได้เหรียญเงินกับเหรียญทองแดงขึ้นมา

- อิตาลี vs สหรัฐอเมริกา : โอลิมปิก เกมส์ 1936

หลังจากไม่มีการบรรจุกีฬาฟุตบอลชายใน โอลิมปิก เกมส์ 1932 ที่ ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ เกมลูกหนังก็ได้กลับมาเข้าสู่ โอลิมปิก เกมส์ ในปี 1936 ที่มีเจ้าภาพคือกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

ครั้งนั้น อิตาลี ถือเป็นตัวเต็งแชมป์ เพราะถึงแม้ขุมกำลังของพวกเขาจะไม่ใช่ชุดที่ได้แชมป์ ฟุตบอลโลก 1934 แต่กุนซือของทีมชุด โอลิมปิก ในปี 1936 ก็คือ วิตโตริโอ ปอซโซ่ คนเดียวกับที่ทำให้ "อัซซูรี่" ได้แชมป์โลกเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านั้น

อิตาลี ลงเล่นนัดแรกด้วยการเจอกับ สหรัฐอเมริกา พร้อมกับชนะไป 1-0 แต่ไฮไลต์ของเกมนั้นคือเรื่องที่ อชิลเล่ ปิชชินี่ นักเตะของ อิตาลี เล่นงานแข้งชาวอเมริกันอย่างหนัก 2 คน จนถึงขั้นที่อีกฝ่ายไม่สามารถเล่นต่อได้ แต่ทาง ปิชชินี่ กลับไม่โดนไล่ออกจากสนาม

ที่จริงตอนแรกกรรมการชาวเยอรมันวิ่งมาตั้งใจจะลงโทษ ปิชชินี่ แล้ว แต่จู่ๆ นักเตะหลายคนของ อิตาลี เข้าไปห้อมล้อมเชิ้ตดำ, เอามือปิดตาอีกฝ่าย พร้อมกับล็อกแขนกรรมการเอาไว้ด้วย

บทสรุปก็คือ กรรมการไม่ได้ไล่ ปิชชินี่ ออกจากสนามและปล่อยให้เกมเล่นกันต่อไปจนจบ ส่วนสาเหตุที่ว่าเป็นเพราะเขาช็อก, หวาดกลัวจากการโดนข่มขู่ หรืออะไรนั้นคงต้องให้แต่ละคนตัดสินกันเอาเอง โดยสุดท้ายครั้งนั้น อิตาลี ก็ได้เหรียญทองไปครองด้วย

- เปรู vs ออสเตรีย : โอลิมปิก เกมส์ 1936

เปรู กับ ออสเตรีย โคจรมาเจอกันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งตอนที่กรรมการเป่านกหวีดจบการแข่งขันนั้นผลก็คือ เปรู ชนะไป 4-2  ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และพวกเขาน่าจะชนะด้วยสกอร์ที่ขาดลอยกว่านั้นด้วย ถ้าไม่โดนริบประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษไปถึง 3 ลูก

อย่างไรก็ตาม ตอนจบเกมนั้นมีแฟนบอล เปรู บางส่วนที่ลงไปในสนาม พร้อมกับทำร้ายร่างกายนักเตะของ ออสเตรีย ซึ่งสมัยนั้นการมีแฟนบอลวิ่งลงไปในสนามถือว่าผิดกฎแบบร้ายแรง แถม ออสเตรีย ยังอ้างว่านักเตะบางคนของ เปรู แสดงความประพฤติแบบก้าวร้าวอีก จนทำให้พวกเขาฟ้องร้องกับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า)

ทั้งนี้ ฟีฟ่า ยอมรับคำร้องของ ออสเตรีย พร้อมกับสั่งให้เกมนี้ต้อง "เริ่มเตะกันใหม่ตั้งแต่ต้น" โดยที่จะไม่มีแฟนบอลเข้าชมในสนามแม้แต่คนเดียว ซึ่งพอรับทราบถึงเรื่องนั้น ออสการ์ เบนาวิเดส ประธานาธิบดีของ เปรู ในตอนนั้น ก็สั่งไม่ให้ทีมฟุตบอลของประเทศกลับไปเตะกับ ออสเตรีย ใหม่

ท้ายที่สุดแล้วเกมดังกล่าวก็ถูกตัดสินให้เป็นโมฆะ พร้อมกับทำให้ ออสเตรีย ชนะฟาวล์และได้เข้าสู่รอบต่อไป โดยมันบานปลายจนถึงขั้นทำให้ เปรู กับ โคลอมเบีย ถอนตัวจากการแข่ง โอลิมปิก 1936 ในกีฬาชนิดอื่นๆ เพื่อเป็นการประท้วงเลย


- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X