เปิดตัว E-book “สายไหมสายใยรักจากพระพันปีหลวง” ชี้ทิศวิจัย

เปิดตัว E-book “สายไหมสายใยรักจากพระพันปีหลวง” ชี้ทิศวิจัย
รศ.ดร.พรรณี สวนเพลง จาก ม.สวนดุสิต เผยแพร่นวัตกรรม E-book เส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม "ตามรอยเส้นทางสายไหม สายใยรักจากพระพันปีหลวง" สู่สาธารณชนในงาน Thailand SRI Index 2025 เวทีสำคัญชี้ทิศทางการวิจัยและนวัตกรรมไทย

ณ ห้องนภาลัย แกรนด์บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯรองศาสตราจารย์ ดร.พรรณี สวนเพลง อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร (Hub of Talent in Gastronomy Tourism) มหาวิทยาลัยสวนดุสิต นำนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ด้วยแนวคิด “ตามรอยเส้นทางสายไหม สายใยรักจากพระพันปีหลวง” ในรูปแบบ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เข้าร่วมนำเสนอในงาน “ทิศทางวิจัย x นวัตกรรมไทย 2569 : Thailand SRI Index 2025”

งานดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ ธนาคารโลก โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานให้ความสนใจเยี่ยมชมและศึกษาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

 เผยแพร่พระราชปณิธานฟื้นฟูผ้าไหมอีสาน 4 เส้นทาง

รศ.ดร.พรรณี เปิดเผยว่า การนำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ พระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการฟื้นฟู ผ้าไหมอีสาน การสร้างอาชีพ การยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงแก่ประชาชน ผ่านการจัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพและโครงการพัฒนาต่าง ๆ ทั้งด้านป่าไม้ น้ำ เกษตรกรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น จนเกิดเป็น เส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 4 เส้นทาง ที่สะท้อนเรื่องราวพระมหากรุณาธิคุณและวิถีชีวิตของชุมชนอีสานให้สาธารณชนรับทราบอย่างลึกซึ้ง

เส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทั้ง 4 เส้นทาง ประกอบด้วย:

  1. เส้นทางที่ 1: พื้นที่ทรงงานภูพาน (นครพนม–สกลนคร)

    • เป็นพื้นที่ต้นแบบโครงการพระราชดำริ แก้ปัญหาความยากจน การขาดน้ำ และป่าเสื่อมโทรม ส่งเสริมการเกษตร ปศุสัตว์ และการทอผ้าไหม

    • จุดสำคัญ: ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน, พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์, ศูนย์ศิลปาชีพ และแหล่ง ผ้าย้อมครามดอนกอย

  2. เส้นทางที่ 2: จากน้ำพระทัยสู่ผ้าไหมแพรวา (ขอนแก่น–กาฬสินธุ์–มุกดาหาร)

    • เล่าเรื่องการฟื้นฟู ผ้า “แพรวา” มรดกชาว ผู้ไท ที่ใกล้สูญหายให้กลับมาเป็นผ้าไหมระดับประเทศ

    • จุดสำคัญ: ชุมชนดอนข่า, ศาลาไหมไทย, โครงการแพรวาบ้านโพน, ศูนย์วัฒนธรรมผู้ไท และ หมู่บ้านบ้านภู

  3. เส้นทางที่ 3: เส้นทางผ้าไหมมัดหมี่อีสานใต้ (บุรีรัมย์–สุรินทร์–ศรีสะเกษ–อุบลราชธานี)

    • บอกเล่าเรื่องราวการช่วยเหลือชาวบ้านจากการนำผ้าไปแลกข้าว โดยทรงรับซื้อ ผ้าไหมมัดหมี่ จาก บ้านนาโพธิ์ ฟื้นฟูลวดลายโบราณกว่า 2,000 ลาย จนกลายเป็นสินค้าส่งออก

    • จุดสำคัญ: บ้านนาโพธิ์, พนมรุ้ง, บ้านจันทร์โสมา, ศูนย์คชศึกษา และ ศูนย์ศิลปาชีพบ้านยางน้อย

  4. เส้นทางที่ 4: ผ้าขิดไหมอีสานเหนือ (อุดรธานี–หนองบัวลำภู–หนองคาย)

    • นำเสนอเรื่องราวการฟื้นฟู ผ้าขิด ซึ่งเป็นงานทอที่ใช้เทคนิคซับซ้อนและเคยใช้ในพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ให้กลับมาเป็นแหล่งสร้างรายได้แก่ชุมชน

    • จุดสำคัญ: ตลาดผ้านาข่า, บ้านกุดแห่ และ ตลาดท่าเสด็จ

รศ.ดร.พรรณี กล่าวทิ้งท้ายว่า เส้นทางสายไหมทั้ง 4 เส้นทาง เป็นการท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับทั้งความรู้ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และได้ร่วมสนับสนุนชุมชนที่สืบสานงานผ้าไหมอย่างยั่งยืน

ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport