จากกรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวที่นักเตะสโมสรปราจีนบุรี ซิตี้ ในไทยลีก3โซนภาคตะวันออก "อับดุลกอดีรี ฮามิต" กองหน้าลูกครึ่งไทย-กาน่า วัย 22 ปี ที่โพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลมีเดียว่าถูกผู้ตัดสินอย่าง สมศักดิ์ ภูสมนึก พูดเหยียดผิวในระหว่างเกมที่ ปลวกแดง ยูไนเต็ด ชนะ ปราจีนบุรี ซิตี้ 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค.66 ซึ่งประเด็นดังกล่าวทาง ส.บอลฯ ได้ออกมาคาดโทษผู้ตัดสินรายนี้ด้วยการดร็อปไม่ให้ทำหน้าที่จนกว่าจะสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้แล้วเสร็จ
ล่าสุดทีมงานฟุตบอลสยามรายวัน สอบถามไปยังผู้ตัดสิน สมศักดิ์ ภูสมนึก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่ง เปาสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า
"ผมไม่ได้มองว่านักฟุตบอลคนดังกล่าวจะเป็นลูกครึ่งไทย หรือพูดไทยได้ หรืออะไรก็ตาม ที่ผมพูดออกไป ก็ไม่ได้จะสื่อถึงการเหยียดผิว หรือ บูลลี่ ตามที่เป็นข่าวแบบนั้น"
"อย่างแรกคือ ผมก็ตัวดำ เป็นคนผิวดำ เมื่อก่อนเล่นฟุตบอลอาชีพ ผ่านการเล่นกับนักเตะผิวสีมามากมาย ชื่อเล่นจริงๆผมชื่อ แฝด แต่คนก็เรียกผมดำ ผมก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมาเหยียดอะไรผม"
"ผมเล่นฟุตบอลกับนักเตะผิวสีที่เล่นกันมาเป็น 10 ปี อย่าง ซานโจ , แฟร้งค์ หรือ อัลเฟรด แรกๆผมก็เรียกเขาดำ เพราะยังไม่สนิทกัน แต่พอได้มารู้จักกัน ก็เรียกชื่อ เขาก็เข้าใจว่าเราไม่ได้เหยียดเขา ความตั้งใจของผม ผมจะไปเหยียดเขาเรื่องอะไรครับ อยากให้ไปถามพวกเขาได้เลย ว่าจิตใจผมเป็นคนแบบที่ถูกกล่าวหาจริงหรอ"
"ที่เรียกแบบนั้น เพราะไม่รู้จักชื่อ และจังหวะที่นักเตะปราจีนบุรี ซิตี้คนนั้น เขาเจ็บอยู่ ผมก็ได้ไปคุยกับเขา ผมไม่ได้ไปบูลลี่หรือเหยียดผิวอะไรเขา แต่ถ้าสังคมเข้าใจว่าผมไปบูลลี่ไปเหยียดอะไรแบบนั้น ผมต้องขอโทษที่ทำให้เข้าใจแบบนั้น"
สมศักดิ์ ภูสมนึก ยังบอกอีกว่า "ผมเป็นอดีตนักฟุตบอลเก่า น้องชายผม ชื่อ ดำรงค์ ภูสมนึก ที่เป็นอดีตนักฟุตบอล-นักฟุตซอล ราชนาวี ที่เสียชีวิตไป ก็ตัวดำ ผมก็ตัวดำ แล้วผมก็เลิกเล่นมาสอบเป็นผู้ตัดสิน ทุกวันนี้รับราชการ นย. อายุ 45 ปี คนอื่นๆก็เรียกผม "จ่าดำ" ผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขา ผมไม่มีเรื่องการเหยียดผิวอะไรอยู่ในความคิดเลย ถ้าจะเหยียด ผมเป็นคนขาว แล้วไปเหยียดผิวแบบนั้น ก็ว่าไปอีกเรื่องนึง"
ภาพจาก : เพจ Pog Dul