ไทยลีก ฤดูกาล 2023-24 ใกล้ปิดฉากไปทุกขณะ เรื่องของตำแหน่งแชมป์คงหนีไม่พ้น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่น่าจะไม่พลาดเป้า กับการมีคะแนนนำ แบงค็อก ยูไนเต็ด ถึง 5 แต้ม โดยมีเกมการแข่งขันเหลือเพียง 2 นัดเท่านั้น
ดังนั้นโฟกัสของลีกสูงสุดจึงอยู่ที่ ชลบุรี เอฟซี อดีตเจ้าของโทรฟี่เมื่อปี 2007 ที่มีโอกาสหล่นชั้นสูงมาก เพราะตามหลังโซนสีเขียวถึง 4 คะแนน เลยทีเดียว และจากสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากตัวเองจะต้องชนะรวด ยังต้องลุ้นให้ทีมอื่นแพ้ด้วยเช่นกัน
เรียกได้ว่าสุ่มเสี่ยงสู่การไปเล่น ไทยลีก 2 จริงๆ
ส่วน ไทยลีก 2 ก็ใกล้จะได้บทสรุปแล้ว เพราะทีมขึ้นชั้นเป็น นครราชสีมา เอฟซี และ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ตกไปซีซั่นเดียว ก่อนจะคัมแบ็กได้ในทันที
ทว่ายังเหลืออีก 1 ที่นั่ง ที่จะต้องห้ำหั่นกันระหว่าง นครศรี ยูไนเต็ด กับ ระยอง เอฟซี ที่จะแข่งขันแบบเหย้า-เยือนในวันที่ 18 และ 25 พฤษภาคม 2024
เกมนี้มีความสำคัญมากๆ ต่อทั้งสองสโมสร เพราะมันคือตั๋วเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของพวกเขา ดังนั้นความสนุกและตื่นเต้นระดับ 5 ดาว จึงรอคุณอยู่ข้างหน้าแบบห้ามกะพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว
แม้จะเป็นการแข่งขันในลีกรอง แต่รับประกันได้เลยว่า นครศรี กับ ระยอง พร้อมที่จะใส่กันแบบไม่มีเม้ม เพราะผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นจะได้ไปต่อ
นครศรี คือทีมเต็งที่จะเลื่อนชั้นก่อนเปิดซีซั่น 2023-24 กับตัวผู้เล่นที่โชกโชนด้วยประสบการณ์ผ่าน ไทยลีก มามากมาย ไม่ว่าจะเป็น กระกิต ดีพร้อม, แซมมวล ป. คันนิงแฮม, วันเฉลิม ยิ่งยง, เพชรรัตน์ โชติปาละ รวมไปถึงแข้งต่างชาติอย่าง ควอน แด-ฮี
นอกจากนี้ยังไปยืม เจษฎากร ขาวงาม มาจาก แบงค็อก ยูไนเต็ด และ กุสตาฟ ซาห์ลิน กับ นันทวัฒน์ สวนแก้ว สองนักเตะของ การท่าเรือ เอฟซี มาเพิ่มความแข็งแกร่งอีกต่างหาก
จากศักยภาพผู้เล่น ทำให้มังกรแดนใต้เป็นจ่าฝูงของ ไทยลีก 2 นานอยู่ถึง 10 สัปดาห์เลยทีเดียว ในช่วงกลางฤดูกาล ซึ่งนั่นทำให้กูรูลูกหนังสยามประเทศต่างเชื่อว่าพวกเขามีโอกาสที่จะไต่สู่ลีกสูงสุดในบั้นปลาย
จุดเด่นของอดีตอันดับ 3 ไทยลีก 3 ซีซั่น 2021-22 คือเกมรุกที่ดุดัน โดยเฉพาะ โรดรีโก้ มารันเญา กับ วัลโด้ ที่กดรวมกันไปถึง 28 ประตู ทั้งยังมี นันทวัฒน์ สวนแก้ว ที่ยิงได้ 12 ลูก อีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม พอผ่านช่วงแมตช์เดย์ที่ 23 ผลงานของ นครศรี ดร็อปลงอย่างชัดเจน กับการไม่ชนะใครเลย 4 เกมติดต่อกัน โดยเป็นความพ่ายแพ้ไป 2 นัด จนถูก หนองบัว พิชญ แซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงแทนในที่สุด
เท่านั้นไม่พอ พวกเขายังสะดุดพอสมควรในโค้งสุดท้าย เพราะเก็บได้เพียง 5 คะแนน จาก 6 เกม ก่อนซีซั่น 2023-24 จะปิดฉากลง แต่ด้วยความที่ตุนคะแนนมาพอสมควร มังกรแดนใต้จึงประคองตัวจนอยู่ในพื้นที่เพลย์-ออฟได้ในที่สุด
ฟอร์มของ นครศรี ในฤดูกาลนี้นั้นเริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก ก่อนจะมาร้อนฉ่าในช่วงกลาง แต่ก็ค่อยๆ ตกลงเมื่อถึงช่วงปลาย
ผิดกับ ระยอง ที่ค่อนข้างคงเส้น-คงวา โดยเฉพาะการเกาะกลุ่ม 6 อันดับแรกที่อยู่ในพื้นที่นี้ได้ถึง 29 สัปดาห์ จากจำนวน 34 แมตช์เดย์
ตัวผู้เล่นของทัพม้านิลมังกรอาจจะไม่เปรี้ยงปร้างเฉกเช่นทีมอื่นๆ ที่อยู่ในโซนลุ้นเลื่อนชั้นเหมือนกัน แต่สิ่งที่พวกเขาเหนือกว่า คือเรื่องเกมรับและสปิริตนักสู้
ระยอง เสียไปเพียง 34 ประตู เท่ากับ เชียงใหม่ เอฟซี ซึ่งเป็นอันดับ 2 ของลีก เป็นรองเพียง นครราชสีมา สโมสรเดียวเท่านั้น
พวกเขาเป็นทีมที่เล่นด้วยความเหนียวแน่นรัดกุม แพ้ยาก จนเป็นที่ขยาดต่อฝั่งตรงข้ามเสมอ สกอร์ยอดฮิตของทัพม้านิลมังกรคือ 1-0, 1-1 กับ 2-1 นั่นเอง แต่ก็มีที่น่าประหลาดใจหน่อยตรงเกมที่ถล่ม สมุทรปราการ ซิตี้ 8-4 เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาเท่านั้นที่ทั้งได้และเสียเยอะมโหฬารบานตะไท
แต่ที่เหลือคือตัวเลขที่หืดจับทั้งนั้น แม้กระทั่งในรอบเพลย์-ออฟที่ชนะ อยุธยา ยูไนเต็ด ผลการแข่งขันก็จบลงด้วยสกอร์ 2-1 (รวม 2 นัด เสมอกัน 3-3) ก่อนที่ ระยอง จะมายิงช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 2 ลูก จนผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศกับ นครศรี นั่นเอง
สถิติการเผชิญหน้ากันของทั้งคู่ หากเป็นซีซั่นปัจจุบัน ดูเหมือนว่ามังกรแดนใต้จะทำได้ดีกว่า เพราะบุกไปเสมอ 1-1 ก่อนจะกลับมาเอาชัยในบ้านตนเองได้ 3-1
ทว่าตัวเลขดังกล่าวคงไม่สามารถนำมาใช้ในรอบเพลย์-ออฟเพื่อหา 1 ทีม เลื่อนชั้นสู่ ไทยลีก 2024-25 ได้แน่
หากว่า นครศรี ชนะ - พวกเขาจะเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
หากว่า ระยอง ชนะ - พวกเขาจะเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง หลังเคยไปโลดแล่นมาแล้วเมื่อฤดูกาล 2020-21
นครศรี หรือ ระยอง กับตั๋ว ไทยลีก ใบสุดท้ายที่ต้องการ
ชิกกะด้าว
ภาพจาก : Nakhonsi United / RYFC - ระยองเอฟซี