เกษตรศาสตร์ เอฟซี แถลงข้อเท็จจริง ตอบโต้กรณี โค้ชจุ่น ร้อง กกท. ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการยกเลิกสัญญา ระบุเงินที่ค้าง ทั้งค่าเซ็นสัญญาและเงินเดือนล่วงหน้า 1 เดือน รวม 650,000 บาท สโมสรได้เคลียร์ให้หมดแล้ว แต่โค้ชจะไปร้องเพื่อเอาเงินเดือน 6 เดือนจากเหตุยกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม รวม 1,800,000 บาท คงไม่ใช่ ยืนยันว่าเป็นการการสมัครใจที่จะแยกทางกัน พร้อมงัดหลักฐานไล่ไทม์ไลน์เป็นการสมัครใจที่จะแยกย้าย ไม่มีการบังคับตามที่ฝั่งโค้ชออกข่าว
เมื่อวันศุกร์ 20 ต.ค.66 เกษตรศาสตร์ เอฟซี นำโดย ไพรัตน์ ทิพย์รส ที่ปรึกษาประธานสโมสร พร้อมด้วย นิติพัฒน์ ลิลิตลือชา ฝ่ายกฏหมายและ อ.มาโนช สุวรรณศิลป์ ผู้จัดการทีม ได้เดินทางมาที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ตามหนังสือเชิญที่ กองบริหารงานและประเมินผลกีฬาอาชีพ คณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ การกีฬาแห่งประเทศไทย เชิญสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการยกเลิกสัญญาจ้างโดยไม่เป็นธรรมจากการยื่นคำร้องของ "โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ศรีเกิด เมื่อวันที่ 5 ต.ค.66
การเข้าพบ กกท. ในครั้งนี้ของสโมสรเกษตรศาสตร์ ได้มีการนำหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการแยกทางกับ "โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ซึ่งทางสโมสรต้องการยืนยันด้วยเอกสารหลักฐานทั้งหมด แต่การเชิญมาครั้งนี้ทาง กกท. ต้องการมาถามว่า จะจ่ายเงินเดือนที่ยังค้างในสัญญาให้กับคู่กรณีหรือไม่ รวม 6 เดือน เดือนละ 300,000 บาท เป็น 1,800,000 บาท ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับที่สโมสรต้องการจะชี้แจง
ไพรัตน์ ทิพย์รส ที่ปรึกษาประธานสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า "กกท. เรียกสโมสรให้เรามาชี้แจงข้อเท็จจริง ปรากฏว่า เราจะมาชี้แจงตามหัวข้อ ก็คือ ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องการยกเลิกสัญญา แต่พอเราจะชี้แจง เขาก็รับฟัง พอเราจะให้ดูหลักฐานทั้งเรื่องของคลิปต่างๆ แต่เขาก็บอกว่า เขาไม่ฟังแล้ว เขาอยู่ในขั้นตอนไกล่เกลี่ย ไกล่เกลี่ยทำนองที่ว่า คุณจะช่วยค่าใช้จ่ายการที่คุณยกเลิกสัญญาได้ไหม เราก็ตอบเขาเลยว่า มันเลยขั้นตอนที่จะจ่ายไปแล้ว เป็นลักษณะต่างคนต่างจากกันด้วยดีไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่โค้ชเขาเอาไปพูด บางทีมันไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเท่าไหร่ ทั้งนี้ทั้งนั้นทางสโมสรก็คงจะต้องสงวนสิทธิ์ สิ่งไหนที่มันไม่จริงแล้วทำให้เกิดความเสียหาย เราก็คงจะต้องใช้สิทธิ์ของเราในการที่เราถูกพาดพิงที่เราโดนพูดแล้วเกิดความเสียหาย"
"ครั้งนี้ที่เรามาชี้แจงกับ กกท. ในส่วนของสโมสรแล้วนั้น ในส่วนของทีมงานโค้ชเขาเองก็ได้มาชี้แจงกับ กกท.ด้วย ฝั่งเขาก็มาชี้แจงที่เป็นข้อมูลว่า ทางสโมสรไม่ได้ให้เขาออกฝ่ายเดียว แต่เป็นเรื่องต่างคนต่างสมัครใจแยกทางกัน ซึ่งทีมงานฝั่งของโค้ชเขาเองเป็นคนทำเอกสารขึ้นมาเพื่อให้โค้ชจุ่นเซ็นด้วย เอกสารการแยกทางต่างๆ ไม่ใช่เราเตรียมมานะครับ เป็นเอกสารที่เกิดจากฝั่งเขาเองทั้งหมด ซึ่งเมื่อผลการแข่งขันมันไม่ได้จริงๆ เราก็ไม่ได้ประเมินเขา ส่วนใครจะผิด ใครจะถูก เราไม่พูดกัน เขาก็แค่ขอเงินที่ค้างอยู่ เราก็แค่หาเงินมาจ่ายให้ครบ ซึ่งเป็นค่าเซ็นสัญญาที่ค้างอยู่ และก็ต้องบอกว่า ตั้งแต่ที่ก่อตั้งสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี มา มีการจ้างโค้ชมา ไม่เคยมีค่าเซ็นสัญญา ยกเว้นโค้ชคนนี้คนเดียวที่มีค่าเซ็นสัญญา พอมีค่าเซ็นเราค้างเขาโอเคเรายอมรับ ประธานสโมสรก็ออกมายอมรับเนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจ แต่เราก็หามาจ่ายเขา ซึ่งในวันประชุมกันเขาก็บอกว่าถ้าหาเงินมาจ่ายเขาครบ เขาก็พร้อมที่จะลาออก"
"ส่วนไทม์ไลน์ในการแยกทางครั้งนี้ หลังจากที่มีการประชุมกันเสร็จ ต่อด้วยหลังจบเกมฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพเมื่อวันพุธที่ 4 ต.ค.66 เรามีคลิปที่โค้ชเขาอำลานักเตะแล้ว หลังจากที่เขาพูดเสร็จ ช่วงนั้นน่าจะประมาณ 20.00 น. พอพูดเสร็จหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ประมาณ 20.37 น. เพจสโมสรก็ขึ้นขอบคุณโค้ชทันที ก็แค่นี้เอง จบเรื่องราว เขาได้ไปลาออกกับรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่มีตำแหน่งรองประธานสโมสร ระบุว่าเขาลาออกแล้ว แต่เขามาพูดทำนองว่าเขาไม่ได้ลาออก ผมว่าก็คงไม่น่าจะใช่"
ไพรัตน์ ทิพย์รส ยังเผยอีกว่า "กกท. เขาฟังเราแล้วเหมือนว่า โค้ชพูดอย่างนึง เราพูดอีกอย่างนึง แต่พอ กกท.เขาได้ฟังจากที่ทีมงานโค้ชเขาพูดเอง เขาก็ตกใจ มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ซึ่งทาง กกท. ก็ถามว่าเราว่าจะช่วยค่าใช้จ่ายโค้ชได้ไหม เขาจะขอ 6 เดือน เราคงจะไม่ให้ตามที่เข้าเรียกร้องมา กรณีที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม แต่เป็นการสมัครใจที่จะยุติในการร่วมงานกัน"
"แต่จริงๆครั้งนี้ก็ไม่ต้องเรียกเรามาถึง กกท. ก็ได้ เพราะดูเหมือนว่าจะเสียเวลากันหมด เพราะพวกผมมาก็ไม่ได้ชี้แจงตามหัวข้อที่เชิญมา ก็แค่ถามมาเลยว่าจะจ่ายเขาไหม 6 เดือนตามที่เขาร้องมา เราจะได้ตอบเป็นหนังสือ ไม่ต้องเรียกมา เดินทางมา เสียเวลากันทุกฝ่าย พอคุยกันคนละเรื่องก็กลายเป็นว่าจะมีอารมณ์กันขึ้นมาอีก ผมก็คิดว่าวิธีนี้ไม่น่าจะใช่ ถ้าไม่มีอำนาจตัดสินใจก็ไม่ต้องทำแบบนี้ แค่มีหนังสือชี้แจงเพื่อให้เราตอบกลับไปก็น่าจะดีกว่า"
นิติพัฒน์ ลิลิตลือชา ฝ่ายกฏหมายสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี เปิดเผยด้วยว่า "นี่ไม่ใช่การเลิกจ้างแบบไม่เป็นธรรม ที่เขามาร้องเรียนเพราะว่าทางสโมสรเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ถ้าเลิกจ้างไม่เป็นธรรมก็ต้องจ่ายค่าชดเชยกับเขา แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมันเป็นการสมัครใจที่จะแยกย้ายกัน แล้วก็จบลงด้วยดีตามที่ทั้งสองฝ่ายเรียกร้อง ดังนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องจ่ายต่อกัน วันนี้เมื่อมันไม่มีการจ่าย ตรงนี้ก็เลยยุติไป ส่วนขั้นตอนที่เขาจะไปดำเนินการต่ออย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา อาจจะเข้าสู่กระบวนการศาลไหม อันนี้ก็แล้วแต่เขา"
"เรื่องการประชุม 2 ฝ่ายก่อนที่จะแยกทางกันด้วยดี ฝั่งผมมี 3 ราย ฝั่งโค้ชเขาก็มี 3 ราย เราคุยกันว่าเราจะไม่พูดถึงเรื่องข้อกฏหมาย เราจะไม่พูดเรื่องข้อสัญญา แต่ว่าเราจะมาหาทางออกกัน ว่าให้จบกันยังไงเพื่อให้ดูดีทั้งสองฝ่าย ซึ่งทางฝ่ายเขาก็เสนอมาว่า ถ้าจบก็น่าจะจบแบบนี้คือขอเงินค่าเซ็นที่ค้างอยู่ รวมทั้งเงินเดือนของเขาที่ค้างอยู่ ซึ่งรวมแล้วทั้ง 2 ส่วนจะรวมเป็นเงิน 650,000 บาท ทาง ไพรัตน์ ทิพย์รส ได้รับเอาไว้พิจารณา และก็ตกลงว่าจะจ่ายตามนั้น ก็เป็นที่ยุติว่าจะแยกย้ายกัน ดังนั้นที่เขาอ้างว่าถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการสมัครใจที่จะเลิกสัญญากัน"