อย่างที่ทราบ เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกสตาร์ต 15 นัดเลกแรกในศึกไทยลีก 2022-23 ผลงานไม่ค่อยน่าอภิรมย์สาวกกิเลนผยองเท่าไหร่นัก หลังจบอันดับ 10 ของตาราง กับผลงาน ชนะ 3 เสมอ 7 แพ้ 5 เก็บได้เพียง 16 คะแนนท่านั้น
สถานการณ์ตอนนี้ พวกเขานำห่างโซนตกชั้นอันดับ 14 เพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น และในทางกลับกันมีคะแนนตามหลังจ่าฝูงบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่ถึง 23 แต้ม ถือว่าโอกาสการลุ้นแชมป์ซีซั่นนี้ของ "กิเลนผยอง" แทบริบรี่โดยปริยาย
เกมในรังธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ที่พวกเขาเคยเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง เอ็นเตอร์เทนแฟนบอล ได้หายไปในฤดูกาลนี้ โดยช่วงเลกแรกเกมในบ้าน 6 นัด ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 1 อยู่อันดับ 10 เกมในรังเหย้า ซึ่งไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนกับซีซั่นก่อนที่สถิติ 15 นัด (รวมทั้งฤดูกาล) ชนะถึง 10 เสมอ 4 และแพ้แค่เกมเดียวเท่านั้น
แต่สิ่งที่ยังมั่นคง และเปลี่ยนแปลงไม่ได้เสียทีนั่นคือ เกมนอกบ้านของ "กิเลนผยอง" โดยช่วงเลกแรกซีซั่น 2022-23 ออกไปเยือน 9 นัด เก็บชัยชนะได้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น นอกนั้นเสมอ 4 และแพ้ 4 เกม นี่คือปัญหาที่กุนซือใหญ่อย่าง มาริโอ ยูรอฟสกี้ ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน
อีกหนึ่งอย่างที่ "กิเลน" ผลงาน "ไม่ผยอง" ในฤดูกาลนี้ คือเรื่องของการจบสกอร์ของบรรดากองหน้าต่างชาติ ที่มีสถิติลดฮวบลงไปต่างจากปีก่อนหน้านี้ หลังมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของผู้เล่นต่างชาติ ที่ในซีซั่นนี้ได้ เอริก โจฮาน่า มาแทนที่ของ วิลเลี่ยน พอพพ์ แต่ผลงานของแนวรุกชาวเคนย่า ยังดูปรับตัวไม่ค่อยได้เท่าไหร่ โดยสถิติของเขาในไทยลีกเลกแรก ได้รับโอกาสลงสนาม 12 นัด รวม 724 นาที แต่ยิงไปเพียง 3 ลูก 1 แอสซิสต์เท่านั้น
อีกคนที่ฟอร์มดร็อปนั่นคือ "พี่เบิ้ม" เฮนรี่ อานิเยร์ กองหน้าทีมชาติเอสโตเนีย ที่ในช่วงเลกแรกลงเล่นครบ 15 นัด รวม 813 นาที แต่กระทุ้งประตูให้ทีมไปเพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น ซึ่งถือเป็นสถิติน่าเหลือเชื่อของเขาจริงๆ
สไตล์ของ "พี่เบิ้ม" แน่นอนว่าไม่ใช่ศูนย์หน้าที่มีความเร็ว หรือเทคนิคแพรวพราวมากนัก เพราะสไตล์ของเขาเป็นตัวเข้าฮอสจบสกอร์ มากกว่าตะบี้ตะบันแหวก 2-3 คนเข้าไปยิง ซึ่งจุดนี้ยังเหมือนขาดตัวเชื่อมเกมและตัวแทงบอลทะลุช่องไปให้เขา ส่งผลทำให้ฟอร์มของ เฮนรี่ อานิเยร์ ไม่โดดเด่นเอาเสียเลย
อีกประการแม้ว่า "กิเลนผยอง" จะได้ มิโลวาน ราเยวัช อดีตกุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เข้ามาช่วยงาน มาริโอ ยูรอฟสกี้ ในตำแหน่ง เทคนิคอล ไดเรกเตอร์ (technical director) แต่ก็ยังพิสูจน์แบบรวดเร็วอะไรมากไม่ได้ ยังต้องค่อยเป็นค่อยไป พัฒนาไปเรื่อยๆก่อน จุดนี้พอเข้าใจเพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา
ถึงตรงนี้ต้องมาดูกันว่า ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองที่จะเปิดในวันที่ 19 ธ.ค.65 อดีตทีมแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองไทย 4 สมัย จะมีการเสริมแข้งคนไหนบ้าง หลังก่อนหน้านี้ได้ทาง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ มาแล้วหนึ่งราย
เชื่อว่าผลงานช่วงเลกสองของเมืองทอง ยูไนเต็ด จะดีขึ้นมากกว่าเดิม และกลับมาเป็นกิเลนผยองอีกครั้งได้แน่ ไม่เหมือนกับช่วง 15 นัดเลกแรกที่ผ่านมา ซึ่งต้องเรียนตามตรงว่า "สอบไม่ผ่าน" ผิดเป้าหมายที่บอร์ดบริหารฯ ของทีมตั้งเป้าเอาไว้จริงๆ
วันที่ 21 ม.ค.66 เลกสองจะกลับมาฟาดแข้งอีกครั้ง เชื่อว่าถึงตอนนั้น มาริโอ ยูรอฟสกี้ และนักเตะใหม่ ป้ายแดงผนึกกำลังกับผู้เล่นเก่า จะคัมแบ็กรวมพลัง ทุ่มเท มุ่งมั่น เพื่อผลักดันทีมกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
แต่หากผลงานออกสตาร์เลกที่สองสัก 4-5 นัดยังขึ้น ๆ ลงๆ เหมือนเดิม รักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นไม่ได้ และอันดับยังอยู่เกือบโซนท้ายตารางแบบนี้ ทิ้งห่างกลุ่มตกชั้น 3-4 แต้ม คงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งในทีมแน่นอน
ผลงาน 15 นัดเลกแรกของ "กิเลนผยอง" เมืองทอง ยูไนเต็ด | |
---|---|
นัดที่ 1 วันที่ 13 ส.ค.65 | แพ้ ราชบุรี เอฟซี 0-1 (เยือน) |
นัดที่ 2 วันที่ 21 ส.ค.65 | เสมอ ลำปาง เอฟซี 2-2 (เหย้า) |
นัดที่ 3 วันที่ 28 ส.ค.65 | เสมอ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 1-1 (เยือน) |
นัดที่ 4 วันที่ 4 ก.ย.65 | ชนะ สุโขทัย เอฟซี 1-0 (เหย้า) |
นัดที่ 5 วันที่ 11 ก.ย.65 | เสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-1 (เยือน) |
นัดที่ 6 วันที่ 17 ก.ย.65 | แพ้ ชลบุรี เอฟซี 1-5 (เหย้า) |
นัดที่ 7 วันที่ 1 ต.ค.65 | แพ้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 0-3 (เยือน) |
นัดที่ 8 วันที่ 9 ต.ค.65 | เสมอ การท่าเรือ เอฟซี 0-0 (เหย้า) |
นัดที่ 9 วันที่ 16 ต.ค.65 | แพ้ โปลิศ เทโร เอฟซี 1-2 (เยือน) |
นัดที่ 10 วันที่ 23 ต.ค.65 | ชนะ พีที ประจวบ เอฟซี 5-0 (เหย้า) |
นัดที่ 11 วันที่ 30 ต.ค.65 | ชนะ ลำพูน วอริเออร์ 5-0 (เยือน) |
นัดที่ 12 วันที่ 6 พ.ย.65 | เสมอ ขอนแก่น นูไนเต็ด 1-1 (เยือน) |
นัดที่ 13 วันที่ 12 พ.ย.65 | เสมอ หนองบัว พิชญ เอฟซี 2-2 (เยือน) |
นัดที่ 14 วันที่ 19 พ.ย.65 | แพ้ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด 1-3 (เยือน) |
นัดที่ 15 วันที่ 26 พ.ย.65 | เสมอ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-1 (เหย้า) |
" กอล์ฟ เบนเทเก้ "