ผลเสมอกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด 1-1 ทำให้ แบงค็อก ยูไนเต็ด มีแต้มตามหลังจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึง 11 คะแนน
เป็นอีกครั้งที่ทีมแข้งเทพทำท่าว่าจะมาดี แต่สุดท้ายก็น่าจะคว้าน้ำเหลวอีกเช่นเคย
พวกเขาเปิดฉากฤดูกาล 2022-23 ด้วยชัยชนะ 4 นัด ติดต่อกัน อีกทั้งยังไม่เสียประตูเลยสักลูก
แถมผลงานการเจอกับทีมใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น การท่าเรือ เอฟซี, เชียงราย ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พวกเขาก็ไร้พ่าย แถมยังชนะ 2 ใน 3 ของเกมบิ๊กแมตช์อีกต่างหาก
แฟนฟุตบอลชาวไทย หลายๆ คน ทั้งที่เป็นสาวกทัพแข้งเทพ รวมไปถึงกองเชียร์เฉพาะกิจต่างก็คิดว่าซีซั่นนี้ แบงค็อก 'มาแล้วล่ะ'
ทว่าการเก็บได้เพียง 5 คะแนน จาก 5 นัด หลังสุดทำให้ตอนนี้คงจะกาชื่อของบียูออกจากทีมลุ้นแชมป์ได้แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์
ในทางทฤษฎียังมีอีก 45 คะแนน จาก 15 เกม ในเลกที่สองให้ได้เก็บเกี่ยว แต่เมื่อเหลียวไปดูฟอร์มที่สม่ำเสมอสุดๆ ของ บุรีรัมย์ ก็ต้องบอกว่ายากยิ่งที่ แบงค็อก จะเบียดแซงได้สำเร็จ
ปัจจัยที่ทำให้พวกเขามีผลงานที่ตกต่ำในช่วงหลังน่าจะมาจากการที่ผู้เล่นตัวหลักต่างทยอยกันบาดเจ็บกันเรื่อยๆ
อย่างเกมล่าสุดที่บุกไปเสมอ เมืองทอง - บียูขาดนักเตะที่เล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟอาชีพถึง 2 คน ทั้ง มานูเอล ทอม บีร์ห และ สุพรรณ ทองสงค์ ขณะที่ พุทธินันท์ วรรณศรี แนวรับอีกคนที่มักจะถูกหุขเข้ามายืนเป็นปราการหลังตัวกลางก็ไม่มีชื่อแม้กระทั่งบนม้านั่งสำรอง
มันจึงเป็นเหตุให้ในครึ่งแรก แบงค็อก ต้องเล่นระบบ 3-5-2 โดยใช้ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ซึ่งเป็นแบ็กซ้าย กับกองกลางตัวรับอย่าง ทัศนพงษ์ หมวดดารักษ์ มายืนหลังร่วมกับ เอแวร์ตอน
พอมันผิดธรรมชาติ ก็เลยกลายเป็นกิเลนผยองที่ครองบอลบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งปรับมาเล่น 4-3-3 นั่นแหละที่รูปเกมถึงกระเตื้องขึ้น
นอกจากปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บกันหลายราย เรื่องของแดนบนของทีมแข้งเทพก็น่าเป็นห่วงไม่น้อย
พวกเขามี เฮแบร์ตี้ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ไทยลีก นำทัพ และผสมกับ วานแดร์ ลุยส์ จอมลากเลื้อย, มะห์มู๊ด ไอด์ ปีกร่างโย่ง แต่ทักษะและเซ้นส์ฟุตบอลเหลือร้าย บวกกับ วิลเลน โมต้า ศูนย์หน้าที่เฉียบขาดในกรอบเขตโทษ
แต่ละคนคือแนวรุกระดับพระกาฬของ ไทยลีก ทั้งนั้น และก็คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธเช่นกันว่าทุกทีมต่างต้องหวาดหวั่น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับรายชื่อข้างบนที่กล่าวไป
ทว่าฟุตบอลยุคปัจจุบัน เรื่องของ 'แท็กติก' ช่วยขยับช่องว่างระหว่างที่ที่เหนือกว่ากับทีมที่เป็นรองให้ใกล้กันยิ่งขึ้น
รูปแบบการเล่นของคู่แข่งที่ต้องเจอกับ แบงค็อก จึงเล่นด้วยความมีวินัยและอดทน ไม่เปิดโอกาสให้บรรดาตัวรุกของบียูเคลื่อนไหวโดยง่าย อีกทั้งยังใช้การตัดเกมมาชะลอความไหลลื่นอีกต่างหาก
ที่เห็นชัดเจนเลย ไม่ต้องอื่นไกล คือเกมที่พวกเขาบุกไปแพ้ บุรีรัมย์ 0-1
นัดนั้น ออเรลิโอ วิดมาร์ กุนซือ แบงค็อก ให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันในเชิงเหน็บแนมทีมปราสาทสายฟ้าว่า 'เล่นฟุตบอลโบราณ'
มันไม่ผิดหรอกที่แชมป์ ไทยลีก 7 สมัย จะใช้แท็กติกนี้สู้ เพราะพวกเขาเองก็คงจะรู้ดีว่าหากเปิดหน้าแลกหมัดกับบียูคงจะไม่ดีแน่ ดังนั้นจึงเลือกที่จะใช้วิธีการในการต่อกรกับทีมแข้งเทพเป็นดีที่สุด
พอเจอกับเกมรับเหนียวๆ มันก็พลอยทำให้ แบงค็อก ไปไม่เป็นเช่นกัน ซึ่งสังเกตได้จากระยะหลังที่พวกเขายิงประตูได้น้อยมาก
สถิติ 10 นัด หลังสุดในลีก มีแค่ 3 เกม เท่านั้นที่ยิงเกิน 2 ลูก ซึ่งตัวเลขที่ออกมาก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่าบียูถูกจำกัดศักยภาพด้วยรูปแบบการเล่นที่รัดกุมและอดทนของคู่แข่ง
ตอนนี้เรื่องลุ้นแชมป์ลีกนั้นถือว่ายากมากๆ แต่ในฟุตบอลถ้วยยังพอมีหวังอยู่ ทว่าถ้าเริ่มต้นเลกที่สองแล้วยังฝืดไม่เลิก บางทีอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในรั้ว ทรู สเตเดี้ยม อีกครั้ง...ก็เป็นได้
ชิกกะด้าว