การแต่งตั้ง ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก เข้ามาเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ ของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เพราะกุนซือวัย 55 ปี คนนี้คือหนึ่งในเทรนเนอร์ที่เก่งกาจมากที่สุดของเมืองไทย
โดยเฉพาะเรื่องการพาทีมอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุด เขาคือ 'คนที่ใช่' แบบไม่ต้องมองหาใครอื่น
สระบุรี เอฟซี (2015), ซูเปอร์ พาวเวอร์ สมุทรปราการ (2016) และ สุโขทัย เอฟซี (2017) คือผลงานการันตีฝีมือของกุนซือที่ผู้คนในวงการลูกหนังสยามประเทศเรียกขานว่า 'โค้ชเบ๊'
แค่นัดแรกของการประเดิมคุมทัพจงอางผยองกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่กำลังอยู่ในฟอร์มอันร้อนฉ่า 3 นัด หลังสุด (ในทุกรายการ) ยิงไปถึง 17 ประตู แต่ก็ต้องมาจอดสนิทเมื่อเจอแท็กติกของ ไพโรจน์
'โค้ชเบ๊' เป็นกุนซือที่มีความยืดหยุ่นสูง เขาศึกษาคู่แข่งแบบละเอียดยิบอยู่เสมอ และมักจะมีแผนการเล่นแบบเกมต่อเกม โดยขึ้นอยู่ที่ว่าฝั่งตรงข้ามจะมีจุดแข็งหรือจุดอ่อนอย่างไร
ในเกมกับ "กิเลนผยอง" จะเห็นได้ชัดว่าแท็กติกของ ขอนแก่น คือการไม่ปล่อยให้ เมืองทอง ได้ต่อบอลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้ผลดีชะงัด จนทำให้อดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย ต้องพบกับความผิดหวังกลับบ้านไป
ลูกทีมของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ โดนเบรกเกมด้วยการฟาวล์เล็กๆ แต่มันก็ทำให้ความปะติด-ปะต่อของการเล่นถดถอยลงไป จุดเด่นอย่างการเซตเกมจากแดนหลัง แทบไม่มีให้เห็น เพราะถูกบีบพื้นที่ทั้ง 90 นาที
ผลที่ออกมาจึงกลายเป็นการแชร์แต้มไปฝั่งละ 1 คะแนน แต่ดูเหมือนว่าจะเพิ่มความมั่นไปให้กับ ขอนแก่น อยู่พอสมควร
แม้จะเป็นแค่เกมนัดแรก ทว่าอย่างน้อยก็มั่นใจได้เลยว่าจงอางผยองจะมีอนาคตที่ดีขึ้นในวันหน้า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บทพิสูจน์ของพวกเขายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะอีก 3 เกม ที่เหลือในเลกแรกจะต้องเจอศึกหนักทั้งนั้น
ไล่ตั้งแต่บุกไปเยือน ลำพูน วอร์ริเออร์ส คู่แข่งโซนท้ายตาราง ที่กำลังต้องการแต้มเพื่อความอยู่รอด
ตามด้วยเปิดบ้านรับมือ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่ผลงานดีพอตัวและเหนียวแน่ แพ้ยากในซีซั่นปัจจุบัน
ปิดท้ายด้วย หนองบัว พิชญ เอฟซี อีกทีมที่อยู่ในกลุ่มสีแดงเช่นกัน
3 เกม ต่อจากนี้จึงสำคัญมากๆ สำหรับ ขอนแก่น และก็ต้องดูกันต่อว่า 'โค้ชเบ๊' จะสามารถพาจงอางผยองไปได้ไกลเพียงใด
แต่ที่มั่นใจได้เลย คือการที่ฤดูกาล 2022-23 คงจะไม่มีชื่อของพวกเขาหล่นสู่ลีกรองแน่นอน
-ชิกกะด้าว-