ปรเมศย์ อาจวิไล และเบอร์ 10 ของ เมืองทอง ยูไนเต็ด

ปรเมศย์ อาจวิไล และเบอร์ 10 ของ เมืองทอง ยูไนเต็ด
หมายเลข 10 เป็นเบอร์เสื้อที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของผู้สวมใส่ ในระดับโลก เปเล่, ดีเอโก้ มาราโดน่าม ลีโอเนล เมสซี่ และอีกหลายๆ ตำนานนักเตะที่ยิ่งยงต่างก็ใช้หมายเลขนี้

   ขณะที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด สโมสรเบอร์ต้นๆ แห่งสยามประเทศก็มีแข้งที่เก่งกาจอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา เป็นเจ้าของสัมปทานเดิม ก่อนจะผ่องถ่ายสู่คนอื่นๆ กระทั่งล่าสุดเป็น ปรเมศย์ อาจวิไล ที่ครอบครอง ดังนั้น 'SIAMSPORT' จึงขอนำคุณย้อนไปยังอดีตว่ามีใครกันบ้างที่ใช้ 'เบอร์ใหญ่' ของกิเลนผยองมาแล้วบ้าง!!

[ 1 ] ดอส์โซ มามาดู (2007)

   เมืองทอง ส่งทีมเข้าแข่งขัน ดิวิชั่น 2 (ไทยลีก 3 ในปัจจุบัน) โดยพวกเขาใช้โควตาต่างชาติเป็นไอวอรี่โคสต์ แบบยกเซ็ต นำโดย โฟฟาน่า ชิค อาบิบ, โชแอล จูเนียร์ โกคู, ดิยง อุสมัน, ฌอง บัปติสเต้ อากัสซู, มุสซ่า ซาอิบ และ ดอส์โซ มามาดู 

   ในจำนวน 6 คน ข้างต้น มามาดู ได้กลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของกิเลนผยองที่สวมใส่หมายเลข 10 

   แม้ว่าในฤดูกาลนั้นกิเลนผยองจะใช้นักเตะไทย เป็นตัวหลักในแผงมิดฟิลด์ แต่เมื่อใดก็ตามที่ มามาดู ได้ลงสนาม เจ้าตัวก็สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้เสมอ และนั่นเองที่ทำให้ เมืองทอง คว้าแชมป์ ดิวิชั่น 2 ซิซั่น 2007 ได้สำเร็จ พร้อมตั๋วเลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ

[ 2 ] เทวา ศรีธรรมานุสาร (2008)

   ดาวรุ่งผู้โด่งดังมากับโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี ยุคเฟื่องฟู ทั้งยังมีดีกรีทีมชาติไทย ชุดเยาวชนพ่วงท้าย ก่อนจะเริ่มต้นค้าแข้งที่สโมสร อุดรธานี สมัยยังเป็น โปรวินเชียล ลีก (ประมาณปี 2002) 

   ก่อนจะย้ายสู่รั้ว ธันเดอร์โดม - เทวา ไปผจญภัยที่ในเล่นลีกอินโดนีเซีย กับ เปอร์ซิกู กูดู๊ส แล้วก็กลับมาเล่นให้มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ต่อด้วย ธนาคารกรุงเทพ

   พอถึงปี 2008 เมืองทอง ซึ่งเลื่อนชั้นสู่ ดิวิชั่น 1 (ไทยลีก 2 ในปัจจุบัน) ได้ดึง เทวา พร้อมกับกับมอบเสื้อหมายเลข 10 พ่วงด้วยกัปตันทีม โทษฐานที่เล่นตำแหน่งเพลย์เมเกอร์ โดยสไตล์การเล่นของเขา หากเปรียบเทียบในปัจจุบันจะละม้ายคล้ายคลึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง รวมทั้งทีเด็ดในการจ่ายแบบคิลเลอร์พาส

   เด็กหนุ่มชาวนครราชสีมาพา เมืองทอง คว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 (2008) ก่อนจะย้ายไปต่ออีกหลายสโมสร กระทั่งไปแขวนสตั๊ดกับ ปากน้ำโพ เอ็นเอสอาร์ยู ในวัย 31 ปี

[ 3 ] ธีรศิลป์ แดงดา (2009-2019)

   แรกเริ่มและเดิมที ธีรศิลป์ ในวัย 18 (ปี 2007) นั้นสวมใส่หมายเลข 29 ให้กับ เมืองทอง ซึ่งเจ้าตัวเล่นให้กิเลนผยองตั้งแต่ยังอยู่ใน ดิวิชั่น 2 (ไทยลีก 3 ในปัจจุบัน) โดยคาบเกี่ยวระหว่างที่เขาได้โอกาสไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วมกับ สุรีย์ สุขะ และ เกียรติประวุฒิ สายแวว

   พลันที่ภารกิจผจญภัยในยุโรป เสร็จสิ้น เขากลับสู่รั้ว ธันเดอร์โดม ในปี 2009 พร้อมกับรับเบอร์ 10 ไปครองแบบยาวๆ โดยช่วงลัดฟ้าสู่การค้าแข้งในสเปน (อัลเมเรีย 2014) และญี่ปุ่น ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิมะ (2018) หมายเลขของเขาถูกเว้นวรรคไว้ชั่วคราว

   แม้จะไปๆ มาๆ ตามนโยบายกิเลนผยองที่ต้องการผลักดันนักเตะไทย ให้โบยบินสู่อีกระดับ ทว่าถึงอย่างนั้น ธีรศิลป์ ก็มีส่วนกับแชมป์ ไทยลีก ทั้ง 4 สมัยของ เมืองทอง โดยที่ตนเองคว้า 'ดาวซัลโว' ไปในฤดูกาล 2012 อีกด้วย

   เขาแยกทางกับยักษ์ใหญ่แห่งย่านแจ้งวัฒนะในปี 2020 หลังถูก ชิมิซึ เอส-พัลส์ ซื้อตัวไปร่วมทัพ กระทั่งปัจจุบันก็ย้ายกลับมาค้าแข้งในสยามประเทศกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด โดยยังใช้เบอร์ 10 เหมือนเดิมอย่างที่เคยใช้มานานนับทศวรรษ

   ส่วนในทีมชาติ ธีรศิลป์ อาจจะเริ่มต้นที่ 21 ต่อด้วย 11 แต่พลันขึ้นปี 2009 พี่แกก็ครอบครองหมายเลข 10 มาอย่างยาวนานกระทั่งถึงปัจจุบัน

[ 4 ] ซาร์ดอร์ มีร์ซาร์เยฟ (2020-2023)

   ตอนเล่นให้ โลโคโมทีฟ ทาชเคนท์ สโมสรในลีกสูงสุดอุซเบกิสถาน - มีร์ซาเยฟ มาพร้อมหมายเลข 8 แปะข้างหลัง กระทั่งการย้ายมา เมืองทอง ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อ-ขายนักเตะ ก่อนเปิดฤดูกาล 2020-21 นั่นแหละที่เขาได้รับมอบเบอร์ 10 ต่อจาก ธีรศิลป์ แดงดา

   แน่นอนว่าการใส่หมายเลขนี้ย่อมมาพร้อม 'ความคาดหวัง' ที่สูงลิ่ว ซึ่งช่วงแรกที่เขาเล่นในเมืองไทย นั้นถูกวิพากษ์-วิจารณ์พอสมควรว่าไม่น่าจะไปรอด เนื่องจากฟอร์มการเล่นค่อนข้างจะฝืดพอสมควร

   อย่างไรก็ตาม พออะไรต่างๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง มีร์ซาเยฟ ก็ค่อยๆ สำแดงเดชทีละนิด จนกลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทีมในซีซั่นแรกที่ย้ายมา และก็เป็นคีย์แมนสำคัญที่ทำให้ เมืองทอง จบอันดับ 4 ของตาราง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ก่อนจะหมดสัญญาและย้ายกลับไปค้าแข้งที่บ้านเกิดอีกครั้ง

[ 5 ] ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร (2023-2024)อยู่กับ เมืองทอง: 2023

   ธนวัฒน์ ย้ายมา เมืองทอง แบบสุดเซอร์ไพรส์ โดยพกดีกรีทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 16 และ 17 ปี สมัยที่เล่นให้ น็องซี่ ก่อนจะย้ายไป เลสเตอร์ ซิตี้ แล้วมาจอดที่สถานี ธันเดอร์โดม 

   อย่างไรก็ตาม อดีตมิดฟิลด์จิ้งจอกสยามได้รับบาดเจ็บจนต้องใช้เวลารักษาร่างกายนานถึง 17 เดือน ซึ่งรวมถึงเลกแรกของซีซั่น 2023-24 ที่อาจจะเซ็นสัญญากับกิเลนผยอง แต่กลับไม่สามารถลงสนามได้เลยสักนัด

   กระทั่งกุมภาพันธ์ 2024 ที่เจ้าตัวได้ลงสนามอีกครั้งในเกม ไทยลีก กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด แม้จะประเดิมด้วยความพ่ายแพ้ แต่ผลงานโดยรวมถือว่าน่าพอใจ ก่อนจะได้เล่นเรื่อยๆ และมีส่วนร่วมกับทีมเกือบทุกนัดในเลกที่สอง

   จุดเด่นของ ธนวัฒน์ คือการเป็นกองกลางที่จ่ายบอลแม่นยำ, ฉลาดเป็นกรด, แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือจังหวะการเล่นที่ไวมากๆ ซึ่งสร้างประโยชน์ให้ เมืองทอง ได้มากมาย แต่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายตัดสินใจแยกทางกันหลังจบฤดูกาล 2023-24 

   แม้ภาพจำของเขากับยอดทีมแห่งย่านแจ้งวัฒนะจะน้อยนิด แต่สาวกกิเลนผยองต่างก็ชื่นชอบเบอร์ 10 คนนี้ ไม่น้อยเลยทีเดียว

[ 6 ] ปรเมศย์ อาจวิไล (2024-ปัจจุบัน)

   เบอร์ 10 คนใหม่ใสกริ๊งของ เมืองทอง ผู้ผูกพันกับสโมสรตั้งแต่อายุเพียง 15 ขวบ กับการเติบใหญ่ภายใต้สถาบันเยาวชนกิเลนผยอง โดยในช่วงเยาวชน ปรเมศย์ พาทีมฟาดแชมป์ลูกหนังขาสั้นแทบทุกรายการที่เข้าแข่งขัน

   ย้อนเวลากลับไปเมื่อวัยเยาว์เขาคืออดีตนักเดาะบอลระดับโลกผู้สร้างรายได้ให้ครอบครัวตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งเมื่อเทียบเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน คงไม่มีใครหาเงินได้เท่ากับหมอนี่แน่ๆ

   พอมุ่งหน้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ปรเมศย์ ก็มุ่งมั่นตั้งใจ ไม่มีนอกลู่นอกทาง ก่อนจะค่อยๆ ฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง จนตนเองเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถูกดันสู่ทีมชุดใหญ่ในซีซั่น 2018 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุ 19 ปี เท่านั้น 

   เด็กหนุ่มจากคลองเตย อาจจะไม่ใช่ตัวหลักในช่วงแรก แถมบางฤดูกาลก็ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวออกไปพอคุณหมอมากกว่าฟลอร์หญ้า มันจึงทำให้มีบางครั้งคราที่การพัฒนาสะดุดระหว่างทาง

   แต่ด้วยจิตใจที่กร้าวแกร่งบวกกับพรสวรรค์อันเอกอุที่มี - ปรเมศย์ กลับมาลงสนามอีกครั้ง และก็กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของ เมืองทอง ในฤดูกาล 2023-24 พร้อมกับทำสถิติยิงไป 11 ประตู กับอีก 9 แเอสซิสต์ ใน ไทยลีก จนได้รับการโหวตจากแฟนฟุตบอลทั่วประเทศให้คว้ารางวัล 'กองหน้ายอดเยี่ยม' แห่งปี

   นอกจากนี้เขายังก้าวไปติดทีมชาติไทย ได้แบบสม่ำเสมอ ทั้งยังผลงานเจิดจรัสอย่างชัดเจน

   'พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง' แน่นอนว่า 'เบอร์ 10' ที่ได้รับมอบย่อมมาพร้อมความคาดหวังแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง

   แต่ถ้า ปรเมศย์ ก้าวข้ามไปได้ รับประกันเลยว่าในอนาคตอันใกล้นี้ คำว่า 'หัวหอกหมายเลข 1' ของทัพช้างศึกคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport