ฟุตบอลการกุศลของสมาคมกีฬา สเปเชียล โอลิมปิก ระหว่าง เมืองทอง กับ นครราชสีมา จบลงไปแล้ว นอกจากบุญและกุศลที่แฟนๆ ได้ทำร่วมกัน มันยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจหลังจบเกม
ฟุตบอลการกุศลของสมาคมกีฬา สเปเชียล โอลิมปิก แห่งประเทศไทย เพื่อการแข่งขันระดับโลกของนักกีฬาผู้พิการทางสติปัญญาทีมชาติไทย 'Charity Football Match 2024' ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จบลงไปแล้ว นอกจากบุญและกุศลที่แฟนๆ ได้ทำร่วมกัน มันยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจหลังจบเกม ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงคัด 5 ข้อเน้นๆ ถึงประเด็นที่คุณควรรู้ก่อนเปิดฤดูกาล 2024-25!!
[ 1 ] กิเลนผยองยุคใหม่
เมืองทอง ยูไนเต็ด นิยมระบบ 4-3-3 มานับสิบปี เพราะตั้งแต่ยุคที่อยู่ ดิวิชั่น 2 ต่อด้วย ดิวิชั่น 1 และมาถึง ไทยลีก พวกเขามักจะยึดแผนการเล่นที่มีฟูลแบ็กพร้อมกับปีกสองข้างเสมอ
อย่างไรก็ตาม พอเปลี่ยนมาเป็น จิโน่ เล็ตติเอรี่ กุนซือที่เพิ่งเข้ามากำกับกิเลนผยองก่อนเปิดฤดูกาล 2024-25 ดูเหมือนว่าแท็กติกที่เขาใช้จะเป็น 3-5-2
แนวรับ ปรับจากปราการหลังคู่ มาเป็น 3 คน โดยมี อาลี่ ชิสโซโก้ กับ อับบอส โอตาโคนอฟ เป็นตัวชน โดยให้ ธีรภัทร เลาหบุตร ยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวสุดท้าย คอยเก็บกวาดก่อนที่บอลจะไปถึงผู้รักษาประตู
ส่วนริมเส้น เหลือเพียงวิงแบ็กสองฝั่งที่ผลัดกันรับและรุกตามแต่สถานการณ์ของเกมจะดำเนิน ขณะที่พาร์ตเนอร์ในแผงมิดฟิลด์ พิชา อุทรา กัปตันทีมนำทัพ โดยมี จักพัน ไพรสุวรรณ สมาชิกใหม่มาเคียงข้าง พร้อมกับวาง เดนิส บุสน์ญ่า เป็นเพลย์เมกเกอร์
แดนหน้า คคนะ คำยก ซึ่งเป็นมิดฟิลด์ประเภทเบอร์ 10 ถูกวางให้ยืนสนับสนุน ปรเมศย์ อาจวิไล ที่เป็นศูนย์หน้าที่มีอิสระในการเล่นค่อนข้างสูง
ระบบ 3-5-2 ที่ เมืองทอง ใช้ในแมตช์พบ นครราชสีมา ถือว่าเล่นได้ดูดีทีเดียว เพราะเป็นฝ่ายครองบอลคุมเกมได้เกือบตลอดครึ่งแรก ไปจนถึงต้นครึ่งหลัง กระทั่งขยับปรับมาเป็น 4-3-3 ตามถนัดในช่วง 30 นาที สุดท้าย
จากภาพการณ์ที่ออกมา มีโอกาสสูงลิ่วทีเดียวที่กิเลนผยองในยุค เล็ตติเอรี่ จะยึดแท็กติกนี้ในการต่อกรกับคู่แข่ง โดยสามารถยืดหยุ่นได้ตามภาวะของแต่ละเกม
[ 2 ] แข้งยืมจาก บีจี ไฉไลทีเดียว
กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก, จักพัน ไพรสุวรรณ และ เดนิส บุสน์ญ่า คือผู้เล่นที่ เมืองทอง ยืมตัวมาจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด โดยมีออปชั่นซื้อขาดในภายหลัง ซึ่งคาดว่าดีลนี้น่าจะอยู่ในสัญญาการที่ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ หวนคืนถิ่นกระต่ายแก้วคำรบที่สอง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นทีเดียวกับการโยกสู่รั้ว ธันเดอร์โดม ในฤดูกาล 2024-25
ไม่นับรวม กิตติพงษ์ ที่ผลงานอยู่ในระดับมาตรฐานอยู่แล้ว คือพลาดยาก, ยืนตำแหน่งดีและยังมีจังหวะเซฟสวยๆ ให้เห็นสม่ำเสมอ
แต่ในรายของ จักพัน กับ บุสน์ญ่า ดูมีชีวิตชีวากว่าเดิมชัดเจน
จักพัน นั้นคือกองกลางอาชีพ เขาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับมาตั้งแต่ฟุตบอลนักเรียน แต่ด้วยความที่เป็นคนอ่านเกมเฉียบขาด รวมทั้งสกัดบอลได้แม่นยำ มันจึงทำให้ถูกขยับมายืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟแบบถาวรในระยะหลัง
ทว่าเขาเองก็คงไม่ลืมบทบาทเก่าที่เคยฝึกฝนมาในวัยเยาว์
ดังนั้นพอกลับมายืนในแผงมิดฟิลด์ จักพัน จึงทำผลงานได้โดดเด่นเคียงคู่ พิชา อุทรา ที่คอยขับเคลื่อนเกมในแดนกลางของกิเลนผยอง
ขณะที่ บุสน์ญ่า ซึ่งมีตำแหน่งถนัดคือปีก แต่ผลงานกับ บีจี ปทุม ในช่วงที่ย้ายมาเลกที่สองของซีซั่น 2023-24 นั้นค่อนข้างเงียบเชียบ ลงสนามไปเพียง 7 เกม ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เล่นเต็มเกมอีกต่างหาก เพราะเวลารวมคือตัวเลขแค่ 353 นาที เท่านั้น
สถิติดังกล่าวบ่งชี้ได้ชัดเจนว่าผลงานของแนวรุกทีมชาติโครเอเชีย ชุดยู-21 ปี ไม่ค่อยดีนัก
แต่พอมาอยู่กับ จิโน่ เล็ตติเอรี่ ดูเหมือนว่า บุสน์ญ่า จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แม้จะต้องเล่นในบทบาทเพลย์เมเกอร์ก็ตาม แต่เขาสามารถตัดบอลได้หลายครั้ง แถมยังมีจังหวะจ่ายสวนๆ ทั้งสั้นและยาว รวมถึงประตูขึ้นนำ 1-0 ก็เป็นหมอนี่นี่แหละที่ยิงไปติดเซฟ ก่อนที่ พิชา จะตามซ้ำเข้าไป
จากฟอร์มในเกมชนะ นครราชสีมา 2-1 หากว่าทั้ง 3 สมาชิกใหม่จาก บีจี ปทุม รักษามาตรฐานได้แบบนี้ เชื่อเหลือเกินว่าอีกไม่นานสาวกกิเลนผยองก็คงจะลืม วิลเลียน พ็อพพ์ และ เจริญศักดิ์ ไปเลย
[ 3 ] นครราชสีมา พร้อมแล้วสำหรับ ไทยลีก
แม้ว่าการอุ่นเครื่อง 2 เกม ก่อนซีซั่น 2024-25 จะเปิดฉาก - นครราชสีมา จะแพ้รวดทั้งสองนัด แต่ผลการแข่งขันไม่ใช่ตัวตัดสินทุกสิ่งอย่าง เพราะรูปแบบและแท็กติกของทัพแมวพิฆาตถือว่าใช้ได้ดีทีเดียว เพียงแต่พอเจอทีมที่มีความเฉียบขาดกว่า มันจึงพบกับความปราชัย
พวกเขาพ่ายต่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-5 ตามด้วย เมืองทอง ยูไนเต็ด อีก 1-2 แต่ทั้งสองเกม ขุนพลเมืองย่าโมสามารถต่อกรกับฝั่งตรงข้ามแบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีเลย
การมี ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เป็นกุนซือคือการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของบอร์ดบริหาร เพราะเฮดโค้ชคนนี้รู้จักทีมเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีความผูกพันกับสโมสรแบบลึกซึ้ง ดังนั้นเขานี่แหละจะเป็นคีย์แมนสำคัญที่ทำให้ นครราชสีมา อยู่รอดปลอดภัยในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง
แดนกลางเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทัพแมวพิฆาตทำได้น่าดูชม แม้จะเป็นรองทั้ง บุรีรัมย์ และ เมืองทอง ทั้งสองเกม แต่พวกเขาก็กัดฟันสู้ได้แบบไม่เป็นรอง คือด้อยกว่าในเรื่องประสบการณ์ แต่มีลูกหัวใจที่บู๊ไม่มีถอย ซึ่งนั่นคือคุณสมบัติที่จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ต้องการในบั้นปลาย
ตอนนี้เหลือเพียงขันน๊อตเกมรับให้แน่นหนา และต้องพยายามหานักเตะที่สร้างสรรค์เกมรุกให้หลายหลาก เพราะจะหวังพึ่ง เดย์วิซอน หรือ เดนนิส มูริลโล่ มากเกินไป คงไม่ดีในระยะยาว เพราะถ้าถูกจับทางได้เมื่อไหร่ก็จบเห่เช่นกัน
แต่ด้วยผลงานในเกมอุ่นเครื่อง เชื่อได้เลยว่า นครราชสีมา จะมีฤดูกาลที่ดีใน ไทยลีก อย่างแน่นอน
[ 4 ] เมืองทอง มีลุ้นยาวๆ
แม้จะเป็นเพียงเกมกระชับมิตร ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่เดินเครื่องเต็มพิกัด เนื่องจากต้องเซฟพลังงานไว้ใส่ตอนที่ฤดูกาล 2024-25 เริ่มต้น แต่สิ่งที่สะท้อนออกมามันบ่งบอกทิศทางของทีมได้ในระดับหนึ่งเหมือนกัน
โดยเฉพาะฝั่ง เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ดูจะกระหายต่อการกลับมาประสบความสำเร็จให้ได้อีกครั้ง
เรื่องนอกสนามพวกเขาก็มีการเคลื่อนไหวอยู่แทบทุกวัน ทั้งข่าวสารรวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ที่พยายามจะโปรโมตการรับรู้ของทางสโมสรมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องในสนาม นักเตะเก่าย้ายออกไปหลายราย แถมยังเป็นขุนพลระดับคีย์แมนก็จริง แต่สมาชิกใหม่ที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือเฮดโค้ชก็ล้วนแล้วแต่เป็นเชื้อไฟที่พร้อมจะพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จในอนาคต
เกมชนะ นครราชสีมา 2-1 มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็เปลี่ยนไปในทิศบวก
ทั้งนี้เกมนัดเดียวคงจะหวังให้เป็นตัวชี้วัดไม่ได้ เพราะต้องดูในระยะยาว แต่จากรูปแบบการเล่น รวมไปถึงสิ่งที่นักเตะและโค้ชของ เมืองทอง แสดงออกมานั้นค่อนข้างชัดเจนว่าพวกเขาพยายามที่จะไปให้ถึงปลายทางที่ปรารถนานั่นคือตำแหน่งแชมป์
ซีซั่น 2023-24 กิเลนผยองเกือบได้ถ้วย ลีก คัพ มาประดับบารมี ดังนั้นฤดูกาลที่กำลังจะเริ่มต้นนี้่ อาจจะไต่ถึงความเป็นเบอร์หนึ่งใน ไทยลีก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสิทธิ์เลย
การแข่งขันที่เตรียมเปิดฉากในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เมืองทอง อาจจะไม่อยู่ในกลุ่มตัวเต็ง แต่ก็คงจะกาชื่อพวกเขาออกจากสารบบทีมลุ้นแชมป์ไม่ได้เช่นกัน เพราะในโลกของฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
[ 5 ] ฟุตบอลไทย ควรเริ่มพฤศจิกายนและไปจบที่พฤษภาคม
ตามกำหนดการเดิม เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ นครราชสีมา เอฟซี จะต้องห้ำหั่นกันในเวลา 18:30 น. แต่ด้วยพระพิรุณที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า ทำให้น้ำเจิ่งนองไปทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร แน่นอนว่าที่สนาม ธันเดอร์โดม ก็ฉ่ำไปด้วยฝนที่กระหน่ำมาไม่มีเม้ม
ด้วยเหตุนี้เอง การแข่งขันจึงต้องเลื่อนออกไปอีกราวชั่วโมงกว่าๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปรับพื้นหญ้าให้พร้อมสำหรับเกมที่จะเริ่มต้น
ยังดีหน่อยที่ทาง เมืองทอง ซึ่งมีบทเรียนกับเรื่องนี้มาพอสมควร ก่อนจะจัดการกับน้ำทั้งในและนอกสนามได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว มันจึงทำให้การแข่งขันดำเนินต่อได้แบบไหลลื่น
แต่เมื่อคิดในมุมกลับกัน หากไม่ได้รับการจัดการแบบมืออาชีพ เกมระหว่าง เมืองทอง กับ นครราชสีมา ก็คงจะต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก หรือไม่ก็ยกเลิกแมตช์ไปเลย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ 'ฝน' ทำพิษกับเกมฟุตบอลไทย เพราะก่อนหน้านี้ในทุกๆ ซีซั่นก็มักจะเป็นปัญหาทั่วทุกพื้นที่ของสยามประเทศ
ฟ้าฝนกับเกมลูกหนังเป็นอะไรที่ไม่คล้องจองอย่างรุนแรง
- ฝนมา การแข่งขันก็ไม่สนุก อรรถรสในการชมก็เลือนหาย เพราะหลายๆ สนามไม่สามารถระบายนำได้ทันท่วงที ดังจะเห็นได้ในหลายๆ เกมที่ต้องหวดกันท่ามกลางน้ำที่เจิ่งนองเป็นจุดๆ แต่ก็ต้องจำใจเตะให้จบ 90 นาที
- ฝนมา ก็เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ เพราะนักเตะกะจังหวะบอลไม่ถูก บ้างก็ลื่นไถลจนไปทำฟาวล์เพื่อนร่วมอาชีพแบบไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ก็ประสบอุบัติเหตุในสนามด้วยตนเอง
- ฝนมา แฟนฟุตบอลไม่กล้ามา เนื่องจากว่าถ้ามาก็เสียทั้งเวลาบนท้องถนน เพราะการจราจรติดขัด แถมพอถึงสนามก็ต้องตัวเปียก เสี่ยงต่อการไม่สบายอีก
นี่คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของการเตะท่ามกลางหน้าฝน เพราะมันเป็นห้วงเวลาที่ไม่เหมาะกับฟุตบอลไทย สักเท่าไหร่นัก ซึ่งก็จ้องอย่านำไปเทียบกับอังกฤษ เนื่องจากสนามแข่งขันของที่นั่นอยู่ในมาตรฐานระดับโลก มีระบบการระบายน้ำที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งอิงลิชชนนั้นคุ้นชินกับการที่หนึ่งวันมีหลายฤดูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ดังนั้นหากปรับช่วงการเปิดซีซั่นมาเป็นพฤศจิกายน แล้วไปจบเอาปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นต้นของฤดูฝน น่าจะทำให้การแข่งขันดูสนุกขึ้น อีกทั้งก็หลีกเลี่ยงความชุ่มฉ่ำที่แฟนๆ และนักเตะจะต้องเผชิญได้ด้วยเช่นกัน