แบงค็อก ยูไนเต็ด หนึ่งในตัวเต็งฟุตบอลไทยลีก ทว่า ฤดูกาล 2024-25 นิ่งเงียบผิดปกติกว่าทุกๆ ซีซั่นที่ผ่านมา ต้องรอดูกันว่ามาดใหม่จะไฉไลกว่าเก่าหรือเปล่า!?
ในขณะที่บรรดาสโมสรใหญ่ต่างลงฟาดแข้งอุ่นเครื่องกันด้วยฟอร์มอันดุดัน ไล่ตั้งแต่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี และ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ต่างถลุงตาข่ายคู่แข่งแบบยับเยินแทบทุกเกม ทว่า แบงค็อก ยูไนเต็ด หนึ่งในตัวเต็งกลับนิ่งเงียบผิดปกติกว่าทุกๆ ซีซั่นที่ผ่านมา
บียู อาจจะจบด้วยตำแหน่งแชมป์ เอฟเอ คัพ 2023-24 ซึ่งเป็นถ้วยใบแรกของสโมสร นับตั้งแต่เปลี่ยนจากชื่อเดิมอย่างมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในปี 2009 แต่ความปรารถนาที่พวกเขาต้องการคือถ้วย ไทยลีก ต่างหาก
ทัพแข้งเทพใกล้เคียงที่จะขึ้นสู่โพเดี้ยมอันดับ 1 มาหลายต่อหลายครั้ง เอาแค่ 8 ซีซั่นหลังสุด พวกเขาจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ไปถึง 4 ครั้ง มากกว่าทุกทีมของประเทศเทียบเท่า ชลบุรี เอฟซี ที่ได้จำนวนเท่ากัน
จริงๆ แล้ว ฤดูกาลที่ผ่านมา แบงค็อก ควรจะบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ เพราะยืนเป็นจ่าฝูง 12 จาก 17 สัปดาห์แรก ก่อนจะค่อยๆ แผ่วปลายเหมือนที่เคยเป็นมาโดยตลอด ซึ่งจุดนี้แหละเป็นปัญหาใหญ่ที่ยอดทีมแห่งจังหวัดปทุมธานี ยังแก้ไม่ตกสักที
ทุกๆ ซีซั่น พวกเขาถูกคาดหมายให้เป็นหนึ่งในทีมที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเขย่าบัลลังก์ ไทยลีก แต่จนแล้วจนรอด ก็เป็นได้เพียงพระรองเท่านั้น ปล่อยให้ เชียงราย ยูไนเต็ด กับ บีจี ปทุม มาท้าชิงความเป็นจ้าวจาก บุรีรัมย์ และ เมืองทอง ไปแทน
ทว่าจุดสังเกตของฤดูกาล 2024-25 ที่จะเปิดฉากในเดือนสิงหาคมคือการที่บียูไม่เปิดเผยความเคลื่อนไหวเหมือนเก่าก่อน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ทีมแข้งเทพตั้งใจให้เป็นไปเช่นนั้น เนื่องจากต้องการโฟกัสกับฟุตบอลเพียงอย่างเดียว เพื่อเป้าหมายที่รออยู่ข้างหน้า
ทีมชุดปัจจุบันอาจจะไม่มี วานแดร์ ลุยส์ ที่อยู่กับทีมมานาน รวมไปถึง วิลเลน โมต้า ดาวซัลโวของทีมในซีซั่นล่าสุด แต่ขุมกำลังหลักในส่วนอื่นๆ ยังอยู่ครบครัน
ผู้รักษาประตู ปฏิวัติ คำไหม มือหนึ่งทีมชาติไทย คนปัจจุบัน เขาแก่กล้าวิชาป้องกันขึ้นเรื่อยๆ ไม่พลาดง่าย ใช้เท้าได้ดี แถมยังเปิดบอลได้แม่นยำอีกต่างหาก
แนวรับกัปตัน เอแวร์ตอน ยังอยู่ โดยคู่ขาอย่าง สุพรรณ ทองสงค์ ก็พัฒนาตนเองอยู่เสมอ ซึ่งคู่หูคู่นี้นี่แหละที่ทำให้ทีมเสียประตูน้อยที่สุดในลีกเมื่อฤดูกาล 2023-24 ทั้งยังมี มานูเอล ทอม บีร์ห ที่พร้อมลงเล่นได้ทุกเมื่อ
ฟูลแบ็กสองฝั่ง นิติพงษ์ เสลานนท์ กับ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ก็ดีกรีทีมชาติทั้งคู่ หรือจะคนที่สแตนด์บาย บุญทวี เทพวงศ์ และ วันชัย จารุนงคราญ ก็ถือเป็นกองหลังที่ไว้ใจได้
ส่วนแผงมิดฟิลด์ นี่คือ 'จุดเด่น' ของ แบงค็อก เลยก็ว่าได้ เพราะมีทั้ง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กองกลางตัวหลักของทัพช้างศึกยุค มาซาทาดะ อิชิอิ รวมไปถึง ปกเกล้า อนันต์, วิศรุต อิ่มอุระ และ ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร
เท่านั้นไม่พอ พวกเขามีข่าวดีสุดๆ เมื่อ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามแล้ว
เรียกได้ว่านี่คือจุดยุทธศาสตร์ที่บียูดูเหนือกว่าทุกทีมในลีกเลยจริงๆ ยิ่งถ้า วีระเทพ สามารถปรับตัวเข้ากับระบบได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลบวกต่อ แบงค็อก มากเท่านั้น เนื่องจากหมอนี่คือนักเตะที่กำหนดเกมได้ด้วยบอลเพียงจังหวะเดียว
ขณะที่แดนบน พวกเขาได้นักเตะใหม่เข้ามา 3 ราย โดยเป็นโควตาต่างชาติล้วนๆ ไล่ตั้งแต่ มูห์เซน อัล-กาสซานี่ (โอมาน), ลูก้า อัดซิช (เซอร์เบีย) และ ริไชโร ซิฟโควิช (คูราเซา)
อาจจะยังไม่สามารถการันตีได้ว่าผู้เล่นเหล่านี้จะเฉิดฉายใน ไทยลีก ได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในเกมรุกให้กับทีมได้พอสมควร เพราะแข้งที่มีอยู่ทั้ง มะห์มูด ไอด์ กับ รุ่งรัตน์ ภูมิจันทึก ก็ยังอยู่ในมาตรฐานของตัวเองทั้งสองคน
องค์ประกอบโดยรวมของ แบงค็อก ถือว่าดูดีมีราศีแชมป์ทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่ที่ว่า ธชตวัน ศรีปาน ผู้เป็นกุนซือจะกำกับทีมให้รักษาผลงานได้ตลอดทั้งฤดูกาลหรือเปล่า เพราะเท่าที่ผ่านมา เวลาสะดุด มักจะฟอร์มตื้อไปดื้อๆ เลย
ทีมแข้งเทพมีคุณสมบัติที่จะเป็นแชมป์ลีกมาตลอด เพียงแต่ยังขาดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทาง มันเลยทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที
ดังนั้นการที่พวกเขาเงียบงันในช่วงปรี-ซีซั่น บางทีอาจจะมีทีเด็ดซ่อนอยู่ก็เป็นได้ เพราะในขณะที่สโมสรอื่นๆ ต่างก็อึกทึกครึกโครม แต่บียูกลับนิ่งสนิทแบบผิดปกติกว่าทุกๆ ปี
แบงค็อก มาดใหม่จะไฉไลกว่าเก่าหรือเปล่า!?
ชิกกะด้าว