บังยีแจงแล้วหลังส.บอลจี้รับผิดชอบเคสอีสานยูฯ งงเงินลิขสิทธิ์4พันกว่าล.ยุคตนหายไปไหน

บังยีแจงแล้วหลังส.บอลจี้รับผิดชอบเคสอีสานยูฯ งงเงินลิขสิทธิ์4พันกว่าล.ยุคตนหายไปไหน
"บังยี" วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลฯ ชี้ ผู้บริหารยุคปัจจุบันจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และอยากเชิญมาแถลงข่าวร่วมกัน เพื่อไขข้อข้องใจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวให้ เกิดความกระจ่างต่อสาธารณชน เผยสุดงง เงินรายได้ที่ยุคก่อนทิ้งไว้ไห้หายไปไหนหมด โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ไทยลีกระดับหลายพันล้านบาท

 จากกรณีที่ศาลปกครองอุบลราชธานี ได้อ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งพิพากษาให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพิกถอนมติ หรือคำสั่งของสมาคมที่กำหนดเงื่อนไขให้ นายสมบัติ์ เกียรติสุรนนท์, นายสรศาสตร์ ศรีธัญรัตน์ และนายธเนศ เครือรัตน์ ร่วมกันบริหารสโมสรฟุตบอลของบริษัท อีสาน ยูไนเต็ด จำกัด ผู้ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 และให้ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดี เป็นเงินจำนวน 18.4 ล้านบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 จนกว่าจะชำระเงินเสร็จ โดยเมื่อคำนวณถึงปัจจุบัน จะเป็นเงิน 31 ล้านบาทเศษ   

   ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยสรุปใจความในท่อนสุดท้ายได้ว่า เมือคดีเรื่องนี้ถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในวันที่ 20 กันยายน 2565 สมาคมได้พยายามเจรจาขอผ่อนผันการชำระหนี้ตามคำพิพากษากับ กรรมการบริษัท อีสาน ยูไนเต็ด จำกัด แล้วแต่ไม่เป็นผล ต่อมาเงินของสมาคมฯฝากไว้กับธนาคารถูกอายัด ส่งผลให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จำนวนเงินดังกล่าวไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ ต้องสำรองเงินไว้เพื่อชำระค่าสินไหมทดแทนทั้งหมด จึงมีความจำเป็นที่จะต้องชะลอการจ่ายเงินสนับสนุนของสโมสรสมาชิกในไทยลีกไว้ก่อน เพื่อชำระหนี้ให้กับ บริษัท อีสาน ยูไนเต็ด จำกัด จนครบจำนวนตามคำสั่งศาล 

   สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เคารพและพร้อมดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยจะพยายามแก้ไขให้ดีที่สุด เพื่อให้ฟุตบอลไทยทั้งระบบเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลทีมชาติไทย ฟุตบอลลีกอาชีพ ฟุตบอลยูธลีก การพัฒนาผู้ตัดสิน และผู้ฝึกสอน รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง 

 อย่างไรก็ตาม เหตุดังกล่าวเป็นผลจากการมีมติของสภากรรมการชุดเดิม ที่มี นายวรวีร์ มะกูดี เป็นนายกสมาคมฯ ซึ่งศาลพิพากษาว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นมติที่ก่อให้เกิดความเสียหาย และมิได้เกิดจากการบริหารกิจการของสภากรรมการชุดปัจจุบัน ทั้งนี้สภากรรมการชุดปัจจุบันจำเป็นต้องไล่เบี้ยสภากรรมการชุดเก่าและผู้เกี่ยวข้องต่อไป

    ขณะเดียวกัน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า "จริงอยู่ที่เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นในตอนที่ตนเองเป็นนายกสมาคมฯ ในตอนนั้นตนและสภากรรมการของสมาคมที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการต่อสู้ตามขั้นตอน และทำทุกอย่างตามแนวทางของกฎหมายอย่างถูกต้องทั้งหมด อย่างไรก็ตามในเมื่อคดีมาถึงที่สุดในยุคนี้ ดังนั้นผู้บริหารของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชุดปัจจุบันจึงมิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้

   "อันที่จริงแล้วตนอยากเชิญผู้บริหารของสมาคมกีฬาฟุตบอลยุคปัจจุบันมานั่งแถลงข่าวร่วมกันเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อจะได้เป็นการไขข้อข้องใจให้เกิดความกระจ่างต่อสาธารณชน และจะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต โดยส่วนตัวแล้วตนเกิดความสงสัยเช่นกันว่า ก่อนที่ตนจะหมดวาระการเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ ในยุคนั้นฟุตบอลไทยลีกมีมูลค่าระดับหลายพันล้านบาท สัญญาสุดท้ายที่ทำไว้กับทรูวิชั่นส์มีมูลค่าถึง 4,200 ล้านบาท จึงตกใจว่าเงินจากยุคของตนทิ้งไว้ให้นั้นหายไปไหน"

  "ที่ผ่านมาสมาคมฯยุคนี้ได้แต่ออกข่าวว่าขาดสภาพคล่องมาโดยตลอด ทั้งติดค้าง รวมถึงต้องไปกู้ยืม ตนยังข้องใจว่ารายได้จากยุคของตัวเองสร้างเอาไว้ให้นั้นหายไปไหนหมด" บังยี กล่าวปิดท้าย


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport