เมืองทอง ยูไนเต็ด เดินหน้าเสริมทัพแบบไม่หยุดหย่อน ก่อนจะเปิดตัว "จิโน่ เล็ตติเอรี่" คุมทัพ จึงมีบทความที่ 'SIAMSPORT' ใคร่เชิญคุณมาทำความรู้จักกับ เฮดโค้ชชาว อิตาลี ผู้จะทำให้กิเลนกลับมาผยอง!?
สัญชาติ: อิตาลี
อายุ: 57
ตำแหน่ง: เฮดโค้ช
สโมสร: เมืองทอง ยูไนเต็ด
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมืองทอง ยูไนเต็ด ครอบครองพื้นที่ในหน้าสื่อต่างๆ ของเมืองไทย กับการเดินหน้าเสริมทัพแบบไม่หยุดหย่อน ไล่ตั้งแต่ เดนิส บุสน์ญ่า, กิตติพงศ์ ภูแถวเชือก, จักพัน ไพรสุวรรณ, กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์, สรวิทย์ พานทอง (กลับมาจากการยืมตัวที่ โปลิศ เทโร เอฟซี), สก็อตต์ วู้ดส์ และ ยาค็อบ มาห์เลอร์
นักเตะใหม่ที่ย้ายเข้าก็ถือว่าสร้างกระแสในทิศบวกให้กับสโมสรได้มากมาย แต่ที่ดึงดูดให้คอลูกหนังหันมาให้ความสนใจมากที่สุดคือการประกาศแต่งตั้ง จิโน่ เล็ตติเอรี่ เป็นกุนซือในฤดูกาล 2024-25
อดีตมิดฟิลด์คนนี้เกิดที่สวิตเซอร์แลนด์ ทว่าไปเริ่มต้นค้าแข้งในลีกเยอรมัน โดยเล่นให้ทีมดังอย่าง 1860 มิวนิค ก่อนจะระหกระเหินไปหลายแห่ง แต่ก็โลดแล่นบนดินแดนแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์กระทั่งถึงตอนที่แขวนสตั๊ด
เฉกเช่นผู้เล่นคนอื่นๆ ที่หันหน้าสู่ทางโค้ช - เล็ตติเอรี่ เองก็เช่นกัน
เขาถูกดึงไปเป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์ของ แวร์เนอร์ โลร์อันต์ เมื่อปี 1994 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ 1860 มิวนิค กำลังทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเลื่อนชั้นสู่ บุนเดสลีกา แถมยังได้โควตาไปเล่น ยูฟ่า คัพ ในปี 1997 อีกต่างหาก
พอวิชาเริ่มแก่กล้า เล็ตติเอรี่ ก็ขยับตัวเองไปเป็นกุนซือเต็มตัว และก็เริ่มจาก บาเยิร์น ฮอฟ สโมสรในระดับ ลีกา 3 เยอรมัน ตามด้วย เอาก์สบวร์ก ซึ่งทีมนี้นี่แหละที่พี่แกพาไปถึงแชมป์ พร้อมกับเลื่อนชั้นสู่ลีกรอง
อย่างไรก็ตาม เขาเลือกที่จะไม่ไปต่อกับทัพฟักเกิร์ตแดร์เทอร์ ก่อนจะเลือกทำทีมใน ลีกา 3 ตามเดิม
แม้จะอยู่ในลีกล่าง แต่สิ่งที่ เล็ตติเอรี่ สั่งสมกับบารมีมากมาย เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ทีมที่พี่แกคุมมักจะมีผลงานดีขึ้นตามลำดับแบบชัดเจน ด้วยระบบการเล่นที่ยืดหยุ่น บวกกับกลยุทธ์ด้านแท็กติกที่หลากหลาย
กระทั่งปี 2017 ที่เขาโยกออกจากเยอรมัน เป็นหนแรกในชีวิตเฮดโค้ช โดยไปเริ่มต้นในลีกโปแลนด์ กับ โคโรน่า เคียลเซ่
ที่นี่ถือเป็นสถานสร้างชื่อให้ เล็ตติเอรี่ มากมาย โดยเฉพาะการพาทีมเข้าถึงรอบชิงแชมป์ลีกและผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยในประเทศ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือการปลุกปั้นนักเตะของสโมสรจนติดทีมชาติหลายราย ไล่ตั้งแต่ ดิฌิบริล ดิอาว์ (เซนเตอร์ฮาล์ฟ, เซเนกัล), วาโต้ อาร์เวลัดเซ่ (กองกลาง, จอร์เจีย), อิวาน ยูคิช (ปีก, บอสเนีย) และ มาร์ซิน เซบูล่า (กองกลาง, โปแลนด์)
เทรนเนอร์ชาวอิตาลี กลับมาเยอรมัน อีกครั้ง ในช่วงปลายปี 2020 แต่ก็ไม่มีผลงานเด่นชัดมากนัก ก่อนจะออกผจญภัยใหม่ในปี 2021 ที่ลีกกรีซ โดยหนนี้ไปเป็นผู้ช่วยของ อาร์กิริส จิอันนิคิส ที่ เออีเค เอเธนส์ ทีมใหญ่ของที่นั่น
กระทั่งถึงปี 2022 ที่ความสำเร็จพุ่งเข้าหา เล็ตติเอรี่ สักที กับการเซ็นสัญญาเป็นกุนซือให้ ปาเนเวซีส สโมสรในลีกสูงสุดลิธัวเนีย
เพียงซีซั่นแรก (2022) พี่แกนำทีมคว้าอันดับ 3 ของลีก ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเลยทีเดียว แต่สถิตินั้นก็ถูกทำลายในฤดูกาลถัดมา (2023) เพราะได้แชมป์พร้อมตัวเลขแพ้นัดเดียวและเสียไปเพียง 14 ประตู จาก 36 เกม
ปรัชญาการทำทีมของ เล็ตติเอรี่ เริ่มต้นจากสนามฝึกซ้อม เพราะเขาเชื่อว่าถ้าเทรนอย่างหนักและเตรียมตัวที่จะรับมือคู่ต่อสู้จากหลังบ้านได้ดี ผลการแข่งขันที่ต้องการก็จะตามมาเอง ซึ่งนั่นทำให้พี่แกเป็นโค้ชที่ค่อนข้างเฮี๊ยบทีเดียว
ระบบการเล่นที่เขาชื่นชอบคือ 4-1-4-1 โดยมีมิดฟิลด์ตัวรับคอยปัดกวาดก่อนที่บอลจะทะลุถึงพื้นที่สุดท้ายของแผงหลัง พร้อมกับปีกสองข้างที่จัดจ้านไว้โจมตีฝั่งตรงข้าม และใช้ศูนย์หน้าตัวเป้าที่มีความคล่องตัวสูง
อีกหนึ่งจุดเด่นของเทรนเนอร์ผู้เกินที่สวิตเซอร์แลนด์ คือการทำงานร่วมกับแข้งอายุน้อย เพราะประวัติเก่าๆ ในการคุมทีม มีนักเตะวัยรุ่นมากมายที่ได้โอกาสจากเขานั่นเอง
ด้วยรูปแบบการทำทีม บวกกับทรัพยากรที่มีของ เมืองทอง และรวมไปถึงโครงสร้างเยาวชนที่แข็งแรงของอดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย มันจึงเป็นที่มาว่าเหตุใด เล็ตติเอรี่ ถึงตัดสินใจลัดฟ้าสู่ทวีปเอเชีย เป็นหนแรกในชีวิต
27 ปี ในฐานะกุนซือ เขายังไม่เคยออกนอกยุโรป เลยสักครั้ง แต่ความท้าทายใหม่ที่ไทยแลนด์ กำลังรออยู่ในเดือนสิงหาคม พร้อมภารกิจอันใหญ่ยิ่งกับการรอคอยถ้วยรางวัลที่เหินห่างจากรั้ว ธันเดอร์โดม มาแสนนาน
สิ่งที่แฟนๆ เมืองทอง ปรารถนาจะสำเร็จหรือไม่ ผลงานในสนามเท่านั้นจะตอบทุกคำถามเอง
จิโน่ เล็ตติเอรี่ แม่ทัพผู้จะทำให้กิเลนกลับมาผยอง!?