จับตา 4 สิ่งที่น่าสนใจของ ไทยลีก แมตช์เดย์ ที่ 11

จับตา 4 สิ่งที่น่าสนใจของ ไทยลีก แมตช์เดย์ ที่ 11
ไทยลีก 2022-23 เป็นสัปดาห์ที่น่าจับตามองมากๆ ทั้งเรื่องของ ชลบุรี เอฟซี ที่เผชิญเรื่อยหนักหน่วงมาหมาดๆ ตามด้วย 'ศึกชิงแชมป์' ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด

ที่เหลือจะมีอะไรบ้างนั้น ไปอ่านกันได้เลย!!

[ 1 ] ทิศทางของฉลามชล

เวลานี้ท้องฟ้าที่ ชลบุรี สเตเดี้ยม ที่เคยสดใสกำลังถูกปกคลุมไปด้วยความอึมครึม หลังเหตุการณ์ไม่คาดคิดของ วรวุฒิ สุขุนา 

เสียงสะท้อนจากสังคมกำลังตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและรอดูท่าทีของอดีตแชมป์ ไทยลีก 2007 ว่าจะดำเนินการเช่นไรต่อจากนี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งที่น่าสนใจกับเรื่องในสนามของฉลามชลว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปจากนี้

พวกเขากำลังไปได้สวยในฤดูกาล 2022-23 กับการรั้งอันดับ 3 ขอตาราง และมีแต้มตามหลังจ่าฝูงเพียง 2 คะแนน 

ผลงานของ ชลบุรี ดูดีมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองย้อนกลับไปดูผู้เล่นภายในทีมที่ไม่ได้ใช้งบประมาณสูงเหมือนสโมสรอื่นๆ แต่กลับยืนหยัดได้อย่างมั่นคง มันจึงทำให้เสียงแซ่ซ้องจากทั่วสารทิศต่างสรรเสริญแนวทางของยอดทีมแห่งภาคตะวันออกกันอย่างล้นหลาม

ทว่าจากเหตุการณ์ 'เมาแล้วขับ' ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบหลายส่วนทีเดียว

อย่างแรกเลยคือ 'ภาพลักษณ์' ของสโมสรที่ดูเสื่อมถอย กับการที่ วรวุฒิ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตผลจากอะคาเดมี่ของทีม แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน 

จากนี้ต่อไป น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายภายในสโมสร โดยเฉพาะเรื่องนอกสนามที่น่าจะถูกจำกัดมากขึ้น

ส่วนที่สองคือการที่ผู้รักษาประตูของทีม ณ ตอนนี้จะเหลือเพียง 2 ดาวรุ่งอย่าง ชมพัฒน์ บุญเลิศ และ อับดุลฟารุส สะมะแอ เท่านั้น เนื่องจาก ชนินทร์ แซ่เอียะ ซึ่งเป็นมือหนึ่ง ยังอยู่ในช่วงพักรักษาอาการบาดเจ็บ

ปราการด่านสุดท้ายคือตำแหน่งสำคัญในเกมฟุตบอล เพราะมันส่งผลต่อความมั่นใจของเพื่อนร่วมทีม เมื่อมีคนที่นักเตะในแนวรับรู้สึกอุ่นใจเมื่อมีนายทวารที่สื่อสารกันได้

ขณะที่ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว เซนเตอร์ฮาล์ฟประสบการณ์สูง ซึ่งยึดตัวจริงมาโดยตลอดก็ถูกสโมสรสั่งแบนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นเกมรับของ ชลบุรี จึงจะไม่มี 2 ผู้เล่นหลักในเกมที่จะพบกับ สุโขทัย เอฟซี ในวันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม นี้แน่นอน

มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าต่อจากนี้ไป กองทัพฉลามหนุ่มจะแบกความกดดันและฝ่าฟันมันไปได้ไกลขนาดไหน

[ 2 ] ศึกชิงจ่าฝูง บุรีรัมย์-แบงค็อก

คู่ บิ๊ก แมตช์ ประจำฤดูกาล 2022-23 ที่ ช้าง อารีน่า จะห้ำหั่นกันในวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม เวลา 19.00 น. ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด สองทีมที่มีโอกาสเป็นแชมป์ ไทยลีก มากที่สุด ณ เวลานี้

ปราสาทสายฟ้าในฐานะเจ้าถิ่น ยังไม่เคยเพลี่ยงพล้ำให้กับใครเลยในซีซั่นปัจจุบัน พวกเขายังคงรักษามาตรฐานการเล่นในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง แม้เกมล่าสุดจะทำได้แค่เสมอ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ก็ตาม

ขณะที่ แบงค็อก ที่อาจจะแพ้นัดแรกของฤดูกาลไปแล้ว แต่ฟอร์มโดยรวมของพวกเขานั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และที่สำคัญบียูผ่าน 'ตุลามหาโหด' มาได้อย่างยอดเยี่ยม

ตลอดทั้งเดือนสิบ ทีมแข้งเทพต้องเผชิญหน้ากับทีมกลุ่มบนของตาราง ไม่ว่าจะเป็น การท่าเรือ เอฟซี, เชียงราย ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี, ราชบุรี เอฟซี, บีจี ปทุมม ยูไนเต็ด รวมไปถึง บุรีรัมย์ ที่กำลังจะลงสนามในเร็วๆ นี้

ปรากฏว่า แบงค็อก ฟาดไป 10 จาก 15 คะแนน ที่มีให้เก็บ ถือเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีดีพอที่จะเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งแชมเปี้ยนของเมืองไทย

ทว่าเกมกับ บุรีรัมย์ ในวันอาทิตย์นี้จะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของบียู เพราะถ้าอย่างน้อยบุกไปเก็บแต้มที่ ช้าง อารีน่า สำเร็จ ก็น่าจะเดินหน้าต่อไปด้วยความมั่นใจ

ส่วนปราสาทสายฟ้า พวกเขาเองก็ต้องแสดงแสนยานุภาพออกมาเช่นกัน ว่าตัวเองคือแชมป์ และจะยังป้องกันแชมป์ให้ได้

นี่คงเป็นเกมที่อึดอัดเกมหนึ่งแน่ๆ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการเป็นผู้แพ้ ดังนั้นฝ่ายใดที่ผิดพลาดน้อยที่สุด น่าจะเป็นฝั่งที่ได้รับการชูมือในบั้นปลาย

[ 3 ] กิเลนจะผยองต่อหรือเปล่า

ผลงานการเปิดสนาม ธันเดอร์โดม ถล่ม ประจวบ เอฟซี ไป 5-0 ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่าแบบเป็นเอกฉันท์ ทำให้ เมืองทอง กำลังกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังห่อเหี่ยวอยู่หลายเดือน

ฟุตบอลเกมรุกที่ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ปรุงแต่งอาจจะเริ่มถูกจับทางได้ ทว่าการได้ มิโลวาน ราเยวัช อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย เข้ามาแก้ไขส่วนที่บกพร่อง ทำให้กิเลนผยองดูดีขึ้นชัดเจน โดยที่สไตล์การเล่นยังคงเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยคุณภาพในพื้นที่สุดท้าย

เมืองทอง ในยุคกุนซือชาวมาซิโดเนีย เล่นฟุตบอลกับพื้นเป็นหลัก ไม่มีการเตะโฉ่งฉ่าง เน้นการสร้างเกมจากแดนหลัง ต่อบอลเท้าสู่เท้าไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ฝั่งตรงข้ามรู้แกวว่าจะมาไม้ไหน

แต่จากเกมล่าสุด กิเลนผยองมีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลาย มีสลับจ่ายบอลสั้น-ยาวไม่ตายตัว และเข้าถึงพื้นที่คู่แข่งอย่างรวดเร็ว 

อย่างไรก็ตาม มันคือเกมแค่นัดเดียว ยังพิสูจน์อะไรมากไม่ได้ว่าอดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย จะหวนกลับไปสู่ฟอร์มที่ย่ำแย่อีกหรือเปล่า

โดยเฉพาะสถิติการเล่นเกมเยือนที่ไม่สู้ดีนักกับการไม่ชนะใครเลย 8 นัด ติดต่อกัน และถ้าเอาเฉพาะซีซั่นปัจจุบัน พวกเขาแพ้ไปถึง 3 จาก 5 แมตช์ เลยทีเดียว

ดังนั้นจึงน่าสนใจว่าเกมกับ ลำพูน - กิเลนผยองจะสามารถรักษาผลงานได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ 

[ 4 ] บีจีกับนายใหม่

ถือว่าน่าทึ่งไม่น้อยกับการที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลายเป็นสโมสรแรกในฤดูกาล 2022-23 ที่เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง 'เฮดโค้ช'

เหตุที่ทุกคนต้องแปลกใจ เนื่องจากขุมกำลังของทีมกระต่ายแก้วจัดว่าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ทีม ได้สบายๆ แถมก่อนเปิดซีซั่นยังได้ผู้เล่นฝีเท้าดีทั้ง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และ เจริฐศักดิ์ วงษ์กรณ์ เข้ามาอีกต่างหาก

ส่วนกุนซืออย่าง มาโกโตะ เทกูระโมริ ก็ทำงานได้น่าพอใจ กับการนำทีมจบด้วยรองแชมป์ ไทยลีก ฤดูกาลที่แล้ว แถมยังพา เดอะ บลู แมชีน ไปไกลถึงรอบ 8 ทีม สุดท้าย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022 อีกต่างหาก

ทว่าพอกลับมาเล่นในประเทศ ฟอร์มของพวกเขาดันช็อตไปดื้อๆ

10 นัด ผ่านไป ชนะ 5, เสมอ 2 และแพ้ 3 อาจจะดูโอเคในทีมระดับกลาง แต่สำหรับสโมสรที่ลงทุนไปมหาศาลอย่าง บีจี ปทุม มันไม่ใช่แน่ๆ

ว่าแล้ว เทกูระโมริ จึงไม่ได้ไปต่อในฐานะแม่ทัพใหญ่กระต่ายแก้ว โดยเวลานี้พวกเขาให้ มิสึโอะ คาโตะ ทำหน้าที่แทนไปก่อน

สัปดาห์นี้ บีจี ปทุม จะได้เล่นในบ้านตัวเองพบกับ ลำปาง เอฟซี ซึ่งเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ ยังไงเสีย เดอะ บลู แมชีน เป็นต่ออยู่หลายขุม

ทว่าในโลกของฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

ดังนั้นจึงน่าสนใจว่า บีจี ปทุม กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่จะเดินต่อไปในทิศทางใด


ที่มาของภาพ : Siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport