เสร็จศึก เอเชียน คัพ 2023 และกลับมาสู่ ไทยลีก 2023-24 ที่จะกลับมาห้ำหั่นกันเลกที่สอง และนี่คือ 4 ทีมที่มีโอกาสจะเข้าป้ายคว้าแชมป์มากที่สุด ดังนั้น 'SIAMSPORT' จึงขันอาสามาวิเคราะห์ให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] แบงค็อก ยูไนเต็ด ( 34 คะแนน)
นักเตะใหม่ในเลกที่สอง : อดิศักดิ์ ไกรษร (ตรังกานู, มาเลเซีย), วีระเทพ ป้อมพันธ์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
จ่าฝูงของเลกแรกที่ฟอร์มดีมาตลอด ก่อนจะมาแผ่วในช่วงธันวาคม ทำให้แต้มชะงัก จนถูกตัวเต็งทีมอื่นๆ ขยับเข้าใกล้ เป็นเหตุให้การลุ้นแชมป์เปิดกว้างทันที
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ แบงค็อก ยูไนเต็ด ต้องขยับตัวในตลาดนักเตะ ก่อนจะได้ผู้เล่นทีมชาติไทย มา 2 ราย คือ อดิศักดิ์ ไกรษร และ วีระเทพ ป้อมพันธ์ โดยเฉพาะรายหลังนั้นถือเป็นดีลที่อาจจะส่งผลให้บียูมุ่งหน้าสู่สิ่งที่ปรารถนามาแสนนาน
การมี ธชตวัน ศรีปาน เป็นกุนซือถือเป็นข้อได้เปรียบของทีมแข้งเทพ เนื่องจากอดีตเพลย์เมเกอร์ทัพช้างศึกมีประสบการณ์คว้าแชมป์ตอนคุม เมืองทอง ยูไนเต็ด มาแล้ว อีกทั้งเขายังจัดเป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ที่วางหมากเก่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยโปรแกรมที่ชุกชุม ไม่ว่าจะเป็น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ อาจจะส่งผลต่อสภาพร่างกายของผู้เล่น ซึ่งนั่นกระเทือนถึง ไทยลีก แน่ๆ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะตั้งเป้าหมายในแต่ละรายการเช่นไร
นักเตะคีย์แมน : จริงๆ แล้ว หากว่า ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ไม่บาดเจ็บจนพักยาวไปเสียก่อน เขาจะเป็นฟันเฟืองสำคัญของ แบงค็อก แต่ในเมื่อไร้มิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์คนนี้ ภาระรับผิดชอบจึงไปตกอยู่กับ มะห์มู๊ด ไอด์ แนวรุกปาเลสไตน์ ที่ยิงไป 6 ประตูและแอสซิสต์อีก 6 ครั้ง เป็นตัวเปิดป้อนให้เพื่อนๆ
นักเตะน่าจับตามอง : วีระเทพ ป้อมพันธ์ กองกลางวัย 27 ปี ที่สถาปนาตนเองสู่การเป็นนักเตะชั้นนำของประเทศ ด้วยคลาสบอลที่ร้ายกาจ การย้ายเข้ามาของเขาน่าจะเป็น 'จิ๊กซอว์' สู่แชมป์ของบียู
ดาวซัลโวประจำทีม : วิลเลน โมต้า ศูนย์หน้าบราซิล ผู้กดไปแล้ว 10 ประตู และถ้ายังรักษามาตรฐานไว้ได้ เขานี่แหละจะเป็นหัวหอกของ แบงค็อก ในการล่าความสำเร็จ
สิ่งที่น่ากังวล : แบงค็อก คือทีมเต็งแชมป์ในทุกๆ ปี และพวกเขาก็มักจะออกสตาร์ตได้ดีเสมอในเลกแรก แต่พอจะสะดุด ก็ฟอร์มหลุดแบบน่าใจหาย ซึ่งจุดนี้แหละจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลในระยะยาว รวมไปถึงเรื่องการเสียประโยชน์จากผู้ตัดสิน ที่บียูมักจะโดนพิษนกหวีดอยู่ร่ำไป
โปรแกรมหนัก: เมืองทอง (เยือน), บีจี ปทุม (เยือน), บุรีรัมย์ (เยือน), เชียงราย (เยือน), การท่าเรือ (เหย้า), ขอนแก่น (เยือน)
โอกาสแชมป์ : 70 เปอร์เซ็นต์
[ 2 ] บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ( 30 คะแนน)
นักเตะใหม่ในเลกที่สอง : ลูคัส คริสปิม (ฟอร์ตาเลซา, บราซิล), กีเญเม่ร์ บิสโซลี่ (เซียร่า, บราซิล), เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส (มิโตะ โฮลีฮ็อค, ญี่ปุ่น), สยาม แย็ปป์ (โปลิศ เทโร เอฟซี ), เคนนี่ ดูกัลล์ (แบล็คพูล, อังกฤษ), ไมค์กา ดูโชว์นี่ (ระยอง เอฟซี), โจนา ดูโชว์นี่ (ระยอง เอฟซี)
"เทรเบิ้ลแขมป์" ฟุตบอลไทย 2 ฤดูกาลติดต่อกัน อาจจะฟอร์มไม่กระฉูดเท่าที่ควร แต่ด้วยมาตรฐานของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้พวกเขายังเกาะกลุ่มผู้นำ และมาได้ 3 คะแนน สำคัญ ก่อนปิดเลกแรกที่บุกไปเฉือน แบงค็อก ยูไนเต็ด จนทำให้โอกาสลุ้นแชมป์เปิดกว้างทันที
ปราสาทสายฟ้าเป็นทีมที่คิดไว-ทำไว พอถึงช่วงตลาดนักเตะ ยอดทีมแห่งแดนอีสานก็จัดการปรับโควตาต่างชาติทันที ใครผลงานไม่เข้าเป้าก็ย้ายออก พร้อมกับได้ ลูคัส คริสปิม และ กีเญเม่ร์ บิสโซลี่ สองแนวรุกสัญชาติบราซิล พ่วงด้วย เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส ปราการหลังลูกครึ่งที่ประสบการณ์โชกโชนในลีกญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม อาเธอร์ ปาปาส กุนซือคนปัจจุบันของพวกเขายังถูกตั้งคำถามถึงความเก่งกาจ เพราะผลงานที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก โดยมีช่วงเสมอรวด 5 เกม จนทำแต้มหล่นหายไปมากมาย
นักเตะคีย์แมน : ธีราทร บุญมาทัน ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญที่ บุรีรัมย์ จะขาดไม่ได้ แม้จะไม่ใช่นักเตะเกมรุก แต่บอลส่วนใหญ่ของปราสาทสายฟ้านั้นมีจุดเริ่มต้นจากอดีตแชมป์ เจลีก 2019 เสมอ
นักเตะน่าจับตามอง : เคนนี่ ดูกัลล์ มิดฟิลด์ตัวรับ สมาชิกใหม่ของยอดทีมแห่งแดนอีสาน ถูกดึงตัวมาเพิ่มแบ่งเบาภาระแผงหลังที่ดูเปราะบางกว่าปีที่ผ่านๆ มา ซึ่งด้วยโปรไฟล์การเล่นในลีกยุโรป นับสิบปี แถมยังเคยติดทีมชาติออสเตรเลีย น่าจะการันตีได้เลยว่าหมอนี่มีดีเพียงใด
ดาวซัลโวประจำทีม : ศุภชัย ใจเด็ด เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำของ ไทยลีก 2022-23 อาจจะเครื่องสตาร์ตช้าไปนิด แต่ก็ค่อยๆ คืนฟอร์มเรื่อยๆ จนตอนนี้ซัดไป 9 ประตู และถ้ายังยิงสลุตแบบต่อเนื่อง บางที บุรีรัมย์ ก็อาจจะแซงกลับไปคว้าแชมป์ก็เป็นได้
สิ่งที่น่ากังวล : เรื่องความเยือกเย็นและรับมือกับความกดดัน บุรีรัมย์ ทำได้ดีเสมอ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องระวังคือเรื่องของแท็กติกที่ไม่หลากหลายนัก และเมื่อใดที่ ธีราทร ถูกประกบติดไม่ให้ออกบอลง่ายๆ วันนั้นปราสาทสายฟ้าก็มักจะไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ
โปรแกรมหนัก : ตราด (เยือน), แบงค็อก (เหย้า), ชลบุรี (เยือน), เชียงราย (เยือน), บีจี ปทุม (เยือน), เมืองทอง (เหย้า), การท่าเรือ (เหย้า)
โอกาสแชมป์ : 60 เปอร์เซ็นต์
[ 3 ] การท่าเรือ เอฟซี ( 29 คะแนน)
นักเตะใหม่ในเลกที่สอง: ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา (กลับจากยืมตัวจาก ตราด เอฟซี), เจนภพ โพธิ์ขี (กลับจากยืมตัวจาก โปลิศ เทโร เอฟซี ), เฟลิเป้ อโมริม (เชียงราย ยูไนเต็ด), อัสนาวี มังกัวลัม (ชุนนัม ดราก้อน, เกาหลีใต้)
อีกหนึ่งสโมสรที่มีชื่อลุ้นแชมป์ในทุกๆ ฤดูกาล แถมยังอุดมไปด้วยทรัพยากรผู้เล่นที่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ทีม ได้สบายๆ แต่ด้วยความที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง มันจึงมักจะทำให้ การท่าเรือ เอฟซี ไปไม่ถึงดวงดาวสักที
ซีซั่น 2023-24 พวกเขาเริ่มต้นได้ดี แต่ดันไปสะดุดช่วงปลายเดือนตุลาคม ต่อถึงธันวาคม กับการไม่ชนะใคร 4 นัดติดต่อกัน แถมยังเป็นความพ่ายแพ้ถึง 3 เกม จนทำให้อันดับค่อยๆ หล่นจากจ่าฝูงลงมาอยู่อันดับ 3 ในปัจจุบัน
การได้ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค น่าจะตอบโจทย์ทุกอย่างได้อย่างลงตัว เพราะเขาคือเฮดโค้ชที่เปี่ยมไปด้วยบารมี ซึ่งสามารถคุมบรรดาแข้งไทย ได้อย่างอยู่หมัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่ที่ว่าแท็กติกในแต่ละเกมจะสัมฤทธิผลหรือไม่
นักเตะคีย์แมน : บดินทร์ ผาลา อาจจะไม่เป็นที่ปลื้มใจของแฟนฟุตบอลทีมชาติไทย เท่าใดนัก แต่เมื่อกลับมารับใช้สโมสร หมอนี่คือผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างของเกมได้เพียงเสี้ยววินาที
นักเตะน่าจับตามอง : อัสนาวี มังกัวลัม กัปตันทีมชาติอินโดนีเซีย คนปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในแบ็กขวาที่ดีที่สุดของอาเซียน แต่ที่ การท่าเรือ ก็มี ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ประจำพื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงน่าสนใจว่าหมอนี่จะลงเล่นในตำแหน่งใด
ดาวซัลโวประจำทีม : แฮมิลตอน โซอาเรส ยังคงเป็นที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อแนวรับทุกทีมที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่หวังผลได้ทุกครั้ง แต่หมอนี่มักจะถูกไล่ออกจากสนามบ่อยครั้ง จนทำให้เสียโอกาสไปพอสมควร
สิ่งที่น่ากังวล : การท่าเรือ มีองค์ประกอบสำหรับการเป็นแชมป์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศักยภาพผู้เล่นหรือแฟนๆ ที่สนับสนุนสโมสรด้วยความภักดี ทว่าการที่เปลี่ยนแปลงเฮดโค้ชบ่อยครั้ง อาจจะทำให้นักเตะงุนงงกับแท็กติก จนสุดท้ายมักจะไปไม่ถึงปลายทาง
โปรแกรมหนัก: เมืองทอง (เหย้า), ประจวบ (เยือน), ขอนแก่น (เยือน), ลำพูน (เยือน), แบงค็อก (เยือน), บีจี ปทุม (เยือน), บุรีรัมย์ (เยือน), ราชบุรี (เยือน)
โอกาสแชมป์: 60 เปอร์เซ็นต์
[ 4 ] บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ( 29 คะแนน)
นักเตะใหม่ในเลกที่สอง : กฤษดา กาแมน (ชลบุรี เอฟซี ), ชนานันท์ ป้อมบุปผา (แบงค็อก ยูไนเต็ด), พิศาล ดอกไม้แก้ว (ยืมตัวจาก ประจวบ เอฟซี), กนกพล บุษปาคม (กลับจากยืมตัวจาก นครปฐม ยูไนเต็ด), เดนิส บุสน์ญ่า (ดินาโม ทบิลิซี, โครเอเชีย), เซย์ดีน เอ็นดาย (อิลเวส, ฟินแลนด์)
อดีตแชมป์ ไทยลีก 2020-21 ยังคงกระหายที่จะหวนคืนสู่บัลลังก์อีกครั้ง ในทุกๆ ฤดูกาลพวกเขาก็มักจะสร้างความฮือฮาด้วยการคว้านักเตะทีมชาติไทย เข้ามาเสริมทัพ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายกลับไปไม่ถึงตำแหน่งที่ต้องการสักที
บีจี ปทุม ค่อนข้างจะลุ่มๆ ดอนๆ ตอนที่ให้บริการของ ธงชัย สุขโกกี เป็นเฮดโค้ช ซึ่งตอบได้จากผลงานที่กระท่อนกระแท่น โดยเฉพาะในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังไม่สามารถเก็บได้แม้แต่คะแนนเดียว
อย่างไรก็ตาม เดอะ บลู แมชีน ยังสามารถเกาะกลุ่มผู้นำ โดยมีแต้มห่างจากจ่าฝูงเพียง 5 คะแนน ซึ่งการเปลี่ยนกุนซือมาเป็น มาโกโตะ เทกูระโมริ ก็น่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นแน่ เพราะศักยภาพของพวกเขามีครบถ้วนทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นชั้นนำ, ความเป็นมืออาชีพของสโมสร, การจัดการที่ล้ำสมัยและอื่นๆ อีกมากมาย
นักเตะคีย์แมน : จริงๆ แล้ว ธีรศิลป์ แดงดา น่าจะเป็นตัวความหวังสูงสุดของทีม แต่อดีตหัวหอก อัลเมเรีย ต้องปิดเทอมยาว ทำให้ภาระมาตกอยู่กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมเกอร์ชาวนครปฐม ที่ก็ต้องลุ้นเรื่องของสภาพร่างกายเช่นกัน
นักเตะน่าจับตามอง : กฤษดา กาแมน บิ๊กดีลก่อนเปิดเลกสองของฤดูกาล 2023-24 จะเข้ามายืนตำแหน่งใด เรื่องนี้น่าสนใจยิ่งนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรับหรือเซนเตอร์ฮาล์ฟ หมอนี่สามารถเล่นได้หมด แต่อยู่ที่ว่าฟอร์มจะเฉิดฉายเหมือนเก่าหรือไม่เท่านั้น
ดาวซัลโวประจำทีม : ด้วยความที่ ธีรศิลป์ ก็เจ็บ แถมยังมี อิกอร์ เซอร์เกเยฟ มาร่วมวงด้วยอีกราย ทำให้ ดานิโล่ อัลเวส ต้องรับหน้าที่ศูนย์หน้าตัวเป้า แต่ถ้าเมื่อใดที่ร่างกายของ อิ๊กห์ซาน ฟานดี้ เพชฌฆาตทีมชาติสิงคโปร์ สมบูรณ์พร้อม เขาก็จะเป็นนักเตะที่กองหลังทุกทีมต้องสยดสยองในทุกจังหวะ
สิ่งที่น่ากังวล : การที่ทีมกระต่ายแก้วมีนักเตะชั้นนำอยู่แทบทุกตำแหน่ง ทำให้ยากต่อการจัดตัวยิ่งนัก และเมื่อบวกกับความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งโค้ชที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ อาจจะเป็นตัวบั่นทอนให้พวกเขาได้ลุ้นเพียงแชมป์ฟุตบอลถ้วยเท่านั้น
โปรแกรมหนัก: เมืองทอง (เยือน), แบงค็อก (เหย้า), บุรีรัมย์ (เหย้า), การท่าเรือ (เหย้า), ราชบุรี (เยือน), นครปฐม (เยือน)
โอกาสแชมป์ : 60 เปอร์เซ็นต์