4 แคนดิเดตนายกบอลไทยขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ขาดเพียง "มาดามแป้ง" ที่ติดภาระกิจด่วนไม่ได้เข้าร่วมการดีเบตครั้งนี้ ซึ่งประเด็นน่าสนใจที่ผู้ท้าชิงเก้าอี้นายกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยคือ เรื่องของการปรับโครงสร้างในการเลือกตั้งหรือโหวตเตอร์ที่ควรให้สโมสรสมาชิกมีความเท่าเทียม รวมถึงการปรับโครงสร้างการทำงานภายในสมาคม การสร้างมูลค่าให้เพิ่มขึ้นมีความยั่งยืนทั้งในลีกและทีมชาติ การแก้ไขเรื่องของปัญหาของผู้ตัดสิน ขณะเดียวกันผู้ร่วมดีเบตยังแสดงความคิดเห็นว่า วงการฟุตบอลไทยมีผู้บารมีคอยครอบงำ แต่ไม่หวั่นพร้อมทำงานแก้ไขให้วงการฟุตบอลไทยดีขึ้น
มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต พร้อมด้วย มูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา และภาคีเครือข่าย จัดโครงการเสวนาทางวิชาการเรื่อง "อาสาพัฒนาบอลไทย" (Change Together) โดยเชิญแคนดิเนตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่สมัครชิงเก้าอี้ทั้ง 5 ประกอบด้วย "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ อดีตประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี และผู้จัดการทีมชาติไทยชุดใหญ่, วรงค์ ทิวทัศน์ อดีตเลขานุการ บริษัท ไทยลีก จำกัด, "พอลลีน" พยุริน งามพริ้ง อดีตผู้ก่อตั้งกลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์, ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกสมาคมฯ ชุดปัจจุบัน และ "อ๋อ" คมกฤช นภาลัย ผู้สื่อข่าวสายกีฬาฟุตบอลไทย เข้าร่วมดีเบตวิสัยทัศน์การบริหารจัดการสำหรับการพัฒนาและยกระดับวงการฟุตบอลไทย ที่ห้องประชุมออดิทอเรียม ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย
ทว่าการดีเบตครั้งนี้มีผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เดินนทางมาเพียง 3 รายเท่านั้น ได้ก่ คมกฤช นภาลัย, พยุริน งามพริ้ง, วงรค์ ทิวทัศน์ ขณะที่ ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ ส่งตัวแทนมาเป็นทาง ยุทธนา ทวีสรรพสุข ส่วน "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ไม่ได้เดินทางมาและไม่ได้ส่งตัวแทนมา โดยให้เหตุผลว่ามีธุระเร่งด่วน
ทั้งนี้ในการดีเบตมีหัวข้อที่น่าสนใจสอบถามกับผู้สมัครและตัวแทนที่ลงชิงเก้าอี้นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯได้พูดคุยตอบคำถาม ประกอบด้วย เรื่องของแนวทางนโยบายของแต่ละคน เรื่องหากได้รับเลือกตั้งเป็นนายก 100 วันแรกงานที่จะเร่งทำให้เห็นผลคืออะไร, เรื่องการจัดการระบบทีมชาติไทย และเรื่องการปรับโครงสร้างการเลือกตั้ง
โดยทาง "พอลลีน" พยุริน งามพริ้ง ได้กล่าวภาพรวมทั้งหมดว่า" นโยบายหลักคือการทำให้ฟุตบอลเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งลีกและทีมชาติ การพัฒนากลไกในการพัฒนาเยาวชน การสร้างบรรทัดฐานใหม่ของการบริหารสมาคมฟุตบอลด้วยความบริสุทธิ์สุจริตไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน การเลือกตั้งจะต้องให้ทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลได้มีสิทธิ์ในการออกสิทธิ์เลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ งานชิ้นแรกที่จะทำให้เสร็จภายใน 100 วัน คือการจัดการเรื่องบัญชี เรื่องงบดุล ในการหารายได้เข้าสมาคม"
ด้าน วรงค์ ทิวทัศน์ ได้กล่าวในประเด็นที่น่าสนใจกับการดีเบตครั้งนี้ว่า "อยู่กับฟุตบอลไทยมาตั้งแต่อายุ 17 ปีทั้งการเป็นนักฟุตบอลรวมถึงบริหารไทยลีก ทำให้ค่อนข้างเข้าใจบริบท ดังนั้นผมจึงเสนอเรื่องนโยบาย 3 ประด็นหลัก คือการปรับโครงสร้าง ทั้งวิธีเลือกตั้งและโครงสร้างบริหาร การสร้างมูลค่าให้มีสูงขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย และการเพิ่มมาตราฐานให้มีความยั่งยืน
"สิ่งที่ต้องเร่งทำหากได้รับเลือกใน 100 วันแรก คือการแก้ไขปัญหาเรื่องของฟุตบอลลีก ที่ประเด็นออกเป็น 2 ประเด็น คือการสร้างมูลค่าให้เพิ่มขึ้น และการแก้ไขเรื่องมาตรฐานของผู้ตัดสิน"
"ส่วนการเรียกนักเตะแล้วโดนปฏิเสธที่ ส่งนักเตะให้กับทีมชาติ เรื่องนี้มีระเบียบเขียนไว้อยู่แล้ว ปัญหามาจากโครงสร้างของผู้บริหารที่ไม่ยึดตามระเบียบที่เขียนไว้ เรื่องนี้แก้ไม่ยาก โดยมีแนวทางที่จะใช้บรรดานักเตะลูกครึ่งเป็นแกนหลัก เตรียมทีมอยู่ต่างประเทศเลย แล้วเสริมด้วยผู้เล่นที่เล่นอยู่ในลีก เมื่อถึงทัวร์นาเม้นต์สำคัญๆที่จะต้องแข่งขัน ขณะที่ประเด็นเรื่องการปรับโครงสร้างการเลือกนายก ก็อยากให้แต่ละสโมสรได้มีส่วนร่วมมากกว่าที่เป็นอยู่"
ทาง คมกฤช นภาลัย ได้กล่าวว่า "ส่วนตัวตนเองนั้นนโยบายแทบไม่แตกต่างกันกับคุณวรงค์ ทิวทัศน์ และคุณพอลลีน งามพริ้ง เพราะที่ผ่านมาได้มีการคุยกันมาตลอด และมองเห็นการบริหารของคณะทำงานชุดปัจุบันว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารของสมาคมฟุตบอลไทย ตามนโยบายที่วางเอาไว้คือการปรับเรื่องของโหวตเตอร์ให้สมาชิกมีความเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะในตำแหน่งตำแหน่งตุลาการที่จะต้องใช้คนที่มีความรู้เรื่องฟุตบอลจริงๆมาทำหน้าที่ ไม่ใช่เอาตำรวจเกษียรมาตัดสิน ซึ่งมันคนและสายงานกันนำมาใช้กันไม่ได้"
"หากได้รับเลือกภายใน 100 วันจะเร่งปรับโครงสร้างเรื่องของเยาวชนอย่างแท้จริง ในทุกภาคส่วน อย่างฟุตบอลลีกเยาวชนต้องแยกจากฟุตบอลนักเรียนอย่างชัดเจน"
ขณะที่ ยุทธนา ทวีสรรพสุข ตัวแทนของ "บิ๊กตุ๋ย" ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ ได้กล่าวในการดีเบตครั้งนี้ว่า "แนวทางนโยบายของพี่ตุ๋ย ที่อยู่กับฟุตบอลมานาน ความสำเร็จในการบริหารงานของผู้บริหารชุดนี้ส่วนหนึ่งมาจากการผลักดันในหลายโครงการ ดังนั้นฟุตบอลในยุคของพี่ตุ๋ยจะพัฒนาในส่วนดีให้ดีขึ้นไปอีก และแก้ไขสิ่งที่ยังไม่ดีให้ดีขึ้น"
"ส่วนเรื่องภารกิจเร่งด่วนใน100 วัน หลักๆจะมี 5 เรื่อง 1.ต้องรีบตั้งเลขาธิการสมาคม โดยวางเอาไว้คือ พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯชุดปัจจุบัน, 2.ตั้งประธานบริษัทไทย 3.แต่งตั้งประธานเทคนิคทีมชาติไทย 4.การปัญหาที่แก้ไม่ได้เลยตลอดคือเรื่องกรรมการ ที่จำเป็นต้องแยกออกจากสมาคมฟุตบอลฯเพื่อความยุติธรรมในการตัดสิน และ 5.การพัฒนาศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติให้เสร็จโดยเร็ว"
ขณะเดียวกันในการขึ้นเวทีดีเบตครั้งนี้บรรดาผู้เล่นสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยังแสดงความเห็นว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้น่าเสียดายที่ขาดผู้สมัครไป 1 ท่าน ซึ่งก็อาจจะส่งผลกระทบกับเรื่องของความรู้สึกของแฟนบอลชาวไทยได้ ที่เชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยคงอยากได้นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯที่พร้อมทำงานเต็มเวลา
นอกจากนี้ทางบรรดาผู้เข้าร่วมดีเบต ยังได้ความความเห็นเกี่ยวกับวงการฟุตบอลไทยว่า ปัจจุบันวงการฟุตบอลไทยมีผู้มีบารมีและอำนาจ คอบครอบงำ ทำให้ต้องเจอกับปัญหาต่างๆมากกมาย ทว่าก็ไม่ได้หวั่นไหวอะไร และหวังที่จะเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาของวงการฟุตบอลไทยที่เกิดขึ้น โดยในช่วงหลังจากการลงสมัครเลือกตั้ง ก็เริ่มจะมีการใช้บารมีเข้ามากดดันสโมสรสมาชิกที่ตนเองเข้าไปพูดคุยเพื่อหาเสียงแสดงนโยบายกันแล้ว