ผลเสมอระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่จบลงด้วยสกอร์ 0-0 ถือว่าทั้งสองทีมน่าจะพอใจกับการแชร์แต้มกันไปแบบไม่เจ็บไม่ช้ำกัน
แม้จะเป็นช่วงต้นฤดูกาล 2023-24 ทว่า ซูเปอร์ บิ๊ก แมตช์ ที่ ช้าง อารีน่า นั้นมีเดิมพันหลายสิ่งอย่าง เพราะถ้าเกิดฝั่งใดฝั่งหนึ่งเก็บ 3 คะแนนได้ขึ้นมา มันจะส่งผลต่อเนื่องพอสมควร
หากเป็นเจ้าถิ่นที่ได้รับชัยชนะ พวกเขาจะทำแต้มไปจี้ การท่าเรือ เอฟซี ที่นำเป็นจ่าฝูง แถมยังเป็นการตัดแต้มทีมกระต่ายแก้วไม่ให้หนีไปไกลกว่านี้
กลับกัน หากเป็นอาคันตุกะจากปทุมธานี ได้ 3 คะแนน - เดอะ แรบบิต จะแซงหน้าไปยืนบนหัวตาราง อีกทั้งยังลดทอนความมั่นใจของปราสาทสายฟ้าได้มากมาย
เรียกได้ว่าผลแพ้-ชนะมันสามารถส่งผลได้ทั้งในแง่ของตาราง ไทยลีก และยังมีเรื่องของสภาพจิตใจที่จะตามมาอีกในระยะยาว
ดังนั้นเกมนี้จึงเป็นหนึ่งในแมตช์ที่เดิมพันสูงลิ่ว
ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงทำให้การจัดทัพของทั้งสองทีมจึงออกมาค่อนข้างจะเพลย์-เซฟ โดยเฉพาะ บุรีรัมย์ ที่ปกติจะใช้ระบบ 4-3-3 แต่ปรับเป็นกองหลัง 3 คน ซึ่งมี คิม มิน-ฮย็อค ยืนประสานงาน ประสานงาน ดิออน คูลส์ และเพิ่ม พรรษา เหมวิบูลย์ ลงมาเพื่อป้องกันการโจมตีของ บีจี ปทุม
ขณะที่ทีมเยือนนั้น มาด้วยแท็กติก 3-5-2 เช่นเดิมอยู่แล้ว แต่ความรัดกุมด้วยการให้ พิธิวัต์ สุขจิตธรรมกุล ลงมาเล่นร่วมกับ สารัช อยู่เย็น โดยที่ให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยืนเป็นเพลย์เมเกอร์อยู่หลังคู่ศูนย์หน้า ดานิโล อัลเวส และ อิกอร์ เซอร์เกเยฟ
ความที่เดิมพันสูง แถมยังมีประเด็น 'ดรามา' เรื่องของทีมชาติไทย ชุด ฟีฟ่า เดย์ ตุลาคม 2023 ทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่อยากแพ้ รูปเกมจึงออกมาแบบเกร็งๆ ไม่กล้าเปิดหน้าแลกกัน
บุรีรัมย์ อาจจะเป็นฝ่ายครองบอลบุกได้มากกว่าก็จริง ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้เดินหน้าใส่เกียร์ 5 ดาหน้าเต็มเหนี่ยว
ตลอดทั้ง 90 นาที หากไม่นับจังหวะลูกจุดโทษที่ โกรัน เคาซิช ยิงไปติดเซฟ กิตติพงษ์ ภูแถมเชือก ในครึ่งแรก ที่เหลือต่างฝ่ายต่างก็แทบจะไม่มีโอกาสหาช่องทำประตูแบบจะแจ้งได้เลย
มันจึงเป็นเกมที่ดูค่อนข้างอึดอัด และจบลงไปด้วยสกอร์ 0-0 ซึ่งถือเป็นผลการแข่งขันที่น่าจะพอใจกันทั้งสองฝั่ง ทว่า บุรีรัมย์ คงจะเสียดายกว่าเล็กน้อย เพราะมีอุตส่าห์ได้จุดโทษ แต่กลับทำไม่ได้
เท่านั้นไม่พอ ณ เวลานี้ เท่ากับว่าปราสาทสายฟ้าเสมอรวดในลีกมา 3 นัดติดต่อกัน แถมรวมทุกรายการ นี่ถือเป็นแมตช์ที่ 5 แล้ว ที่พวกเขายังเก็บชัยชนะไม่ได้เลย
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับเจ้าของแชมป์ ไทยลีก 8 สมัย เพราะจากสถิติที่ผ่านมา แทบจะหาช่วงที่ฟอร์มการเล่นของ บุรีรัมย์ ดิ่งเหวเช่นนี้ไม่เจอเลย
ส่วนฝั่ง บีจี ปทุม การบุกมาควักแต้มออกจาก ช้าง อารีน่า น่าจะเป็นสิ่งที่พวกเขาพึงพอใจ เพราะเมื่อดูจากรูปแบบการเล่น เหมือนว่า ธงชัย สุขโกกี กุนซือกระต่ายแก้ววางแผนมาเอาหนึ่งคะแนนอยู่แล้ว ดังนั้นการได้คะแนนกลับออกไป จึงเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ
จากผลเสมอของเกมนี้ ทำให้ฟันธงในระยะยาวได้เลยว่าฤดูกาล 2023-24 จะเป็นซีซั่นที่ 'ดุเดือด' ที่สุดในประวัติศาสตร์ ไทยลีก แน่นอน เพราะอย่าลืมว่ายังมี แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ การท่าเรือ ที่ปรารถนาจะก้าวสู่บัลลังก์ให้ได้
การต่อสู้ที่เข้มข้นลักษณะนี้ ถือว่าฟุตบอลไทย กำลังพัฒนาไปในทิศบวก ทุกทีมแข่งขันกันได้สมศักดิ์ศรี โดยไม่มีความมหัศจรรย์แบบเก่าก่อน ที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำในทุกๆ สัปดาห์ แวะเวียนมาสร้างความเสื่อมถอย
บุรีรัมย์ - บีจี ปทุม เสมอกัน ถือเป็นผลการแข่งขันที่ไม่เสียหาย ยังมีเกมอีกเกินกว่า 20 นัด ให้เก็บแต้ม ผู้ที่ผิดพลาดน้อยที่สุดและรักษามาตรฐานได้คงเส้นคงวาที่สุด จะเป็นผู้ได้รับการชูมือในบั้นปลาย
ชิกกะด้าว