5 เหตุผล! แฟนฟุตบอลไทยห้ามพลาด บุรีรัมย์ ปะทะ บีจี ปทุมฯ!!

5 เหตุผล! แฟนฟุตบอลไทยห้ามพลาด บุรีรัมย์ ปะทะ บีจี ปทุมฯ!!
ซูเปอร์ บิ๊ก แมตช์ ประจำสัปดาห์ ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สองสโมสรใหญ่ของเมืองไทย มีสิ่งใดที่น่าสนใจบ้าง 'SIAMSPORT' รวบรวมมาให้คุณแล้ว!!

[ 1 ] ศึกชิงแชมป์กลายๆ

   แม้จะยังอยู่ในช่วงต้นฤดูกาล 2023-24 แต่นี่คือ 'ศึกแห่งศักดิ์ศรี' ที่ต่างฝ่ายต่างก็เคยเป็นแชมป์ ไทยลีก มาแล้ว

   บุรีรัมย์ คือเบอร์หนึ่งกับการฟาดไป 8 สมัย (ไม่นับรวมตอนที่ใช้ชื่อ การไฟฟ้า) ส่วนฝั่ง บีจี ปทุม นั้นเพิ่งได้ครั้งเดียวก็จริง แต่ไฟปรารถนานั้นยังรุนแรงอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงกระหายที่จะสะสมโทรฟี่ให้มากกว่านี้แน่

   ความสำคัญของเกมนี้มีหลายหลาก - ปราสาทสายฟ้าต้องการ 3 คะแนน เพื่อรักษาระยะห่างของกลุ่มหัวตาราง เพราะตอนนี้ห่างจาก การท่าเรือ เอฟซี อยู่ 5 แต้ม (แข่งน้อยกว่า 2 นัด) หากถึงขั้นแพ้ ก็จะยิ่งยากต่อการป้องกันแชมป์

   ฟากกระต่ายแก้ว ตอนนี้พวกเขามี 17 คะแนน หากบุกไปเก็บชัยที่ ช้าง อารีน่า ได้สำเร็จ จะแซงสิงห์เจ้าท่าขึ้นไปเป็นจ่าฝูงทันที และถ้าทำได้ มันจะส่งผลถึงความมั่นใจในระยะยาว และอาจเป็น 'จุดเปลี่ยน' ของฤดูกาลที่ทำให้ บีจี ปทุม กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้ง

   หากผลออกมาเสมอกัน ถือว่าไม่เสียหาย เพราะยังอยู่ช่วงต้นซีซั่น แต่ถ้ามีฝั่งใดเพลี่ยงพล้ำ มันจะกระเทือนไปถึงปลายทาง เพราะอย่าลืมว่ายังมี แบงค็อก ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ ที่ต้องการคว้าแชมป์เช่นกัน

   ดังนั้น บุรีรัมย์ - บีจี ปทุม จึงเป็นเหมือนศึกชิงแชมป์กลายๆ เลยทีเดียว 

[ 2 ] ทีมชาติไทย ปะทะ ทีมชาติไทย

   ทีมชาติไทย ชุดเต็มสูบต้องมีนักเตะจาก บุรีรัมย์ กับ บีจี ปทุม อยู่เกือบครึ่งทีม เพราะทั้งสองสโมสรอุดมไปด้วยแข้งคุณภาพคับแก้ว ไล่ตั้งแต่แดนหลังไปจนถึงแดนบน

   ปราสาทสายฟ้านำทัพโดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ผู้รักษาประตูจอมเก๋าที่ยังไว้ใจได้เสมอ พร้อมด้วยแนวรับช้างศึกชุดใหญ่ ไล่ตั้งแต่ ศศลักษณ์ ไหประโคน, พรรษา เหมวิบูลย์, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ ธีราทร บุญมาทัน ยอดนักเตะที่สามารถพลิกเกมได้ในชั่วพริบตา

   นอกจากนี้ยังมี พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่เป็นขาประจำของทีมชาติ ร่วมด้วย ศุภชัย ใจเด็ด ดาวซัลโว ไทยลีก 2022-23 ที่กลับมาฟิตเต็มถังอีกครั้ง

   ขณะที่ฝั่ง บีจี ปทุม นำโดย ฉัตรชัย บุตรพรม, จักพัน ไพรสุวรรณ, สารัช อยู่เย็น, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล รวมไปถึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา สิงนักเตะไทย ที่ไปสร้างชื่อเสียงกระหึ่ม เจลีก มาแล้ว

   ไม่นับรวม  เชาว์วัฒน์ วีระชาติ, กิตติพงศ์ ภูแถวเชือก,  เจนรบ สำเภาดี หรือ สันติภาพ จันทร์หง่อม ที่ต่างก็ผ่านประสบการณ์การเล่นให้ทัพช้างศึกเช่นกัน 

   ดังนั้น บุรีรัมย์ - บีจี ปทุม จึงจะได้เห็นแข้งทีมชาติไทย ฟาดฟันกันอย่างดุเดือดแน่นอน

[ 3 ] แข้งต่างชาติชั้นยอด

   นอกจากบรรดาผู้เล่นไทย ที่ล้วนแล้วแต่มีดีกรีทีมชาติพ่วงท้าย ทั้งสองฝั่งเองก็ขนบรรดาโควตาแข้งนอกที่คุณภาพคับแก้วและที่สำคัญ นักเตะเหล่านี้คือตัวชี้วัดผลการแข่งขันได้ทุกวินาที

   บุรีรัมย์ มี ดิออน คูลส์ (มาเลเซีย) กองหลังสารพัดประโยชน์ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถเล่นใน ไทยลีก ได้สบายๆ แถมยังเป็นฟันเฟืองสำคัญของปราสาทสายฟ้ามาตั้งแต่ฤดูกาลที่ผ่านมา    

   นอกจากแนวรับเชื้อสายเบลเยียม ที่เก่งกาจ พวกเขายังนำเข้า คิม มิน-ฮย็อก เซนเตอร์ฮาล์ฟชาวเกาหลีใต้ เจ้าของแชมป์ เคลีก 3 ซีซั่นร่วมกับ ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส มาผนึกกำลังอีกราย

   ส่วนแดนกลาง โกรัน เคาซิช (เซอร์เบีย) มิดฟิลด์จอมถล่มประตูก็ยังอยู่ แล้วยังได้ นิโคเลา ดิมิตรู แนวรุกทีมชาติอิตาลี ชุดเยาวชน มาเป็นทางเลือกอีกราย ส่วนกองหน้า ลอนซาน่า ดูมบูญ่า อดีตดาวซัลโว ไทยลีก 2019 ก็พร้อมลงโทษคู่ต่อสู้ได้ทุกจังหวะ

   เท่านั้นไม่พอ รามิล เชย์ดาเยฟ หัวหอกทีมชาติอาเซอร์ไบจาน ที่อาจจะยังใหม่สำหรับ ไทยลีก แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าหมอนี่ปรับตัวได้เมื่อไหร่ รับประกันเลยว่าผลงานของ บุรีรัมย์ จะกระฉูดตามไปด้วย

   ข้ามมาที่ฟาก บีจี ปทุม - โควตาของพวกเขาได้เปรียบกว่าแชมป์เก่าอยู่พอสมควร เนื่องจากเป็นก๊วนผู้เล่นที่คุ้นชินกับลีกสยาม ไม่ว่าจะเป็น วิคตอร์ คาร์โดโซ่ (บราซิล), เรนาโต้ เคลิช (โครเอเชีย) และ ดานิโล่ อัลเวส (บราซิล) 

   ขณะที่ผู้มาใหม่ทั้ง เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ (คาสตาริกา) กับ อิกอร์ เซอร์เกเยฟ หัวหอกทีมชาติอุซเบกิสถาน นั้นต่างก็แสดงให้เห็นว่าสามารถปรับตัวกับ ไทยลีก ได้แล้ว เหลือเพียงต่อยอดผลงานของตนเองในระยะยาวเท่านั้น

   นอกจากนี้ บีจี ปทุม ยังมี 3 แข้งอาเซียน ที่นำเข้าจากสิงคโปร์ ล้วนๆ ไล่ตั้งแต่ อีร์ฟาน และ อิ๊กห์ซาน ฟานดี้ รวมไปถึง ไรฮาน สจ๊วร์ต อีกราย 

   เมื่อส่งขุมกำลังโควตาต่างชาติ ถือว่าสูสีดู๋ดี๋กันมากๆ ทีมเยือนได้เปรียบเล็กน้อย ตรงที่นักเตะคุ้นชินกับลีกมากกว่า แต่เจ้าบ้านก็เต็มไปด้วยผู้เล่นคุณภาพเช่นกัน 

[ 4 ] การล้างตาของกระต่ายแก้ว

   ฤดูกาล 2022-23 การคว้า 'เทรเบิ้ลแชมป์' ของ บุรีรัมย์ นั้นถือว่าสมบูรณ์แบบมากๆ เพราะนอกจากจะได้ ไทยลีก แบบทิ้งห่างอันดับ 2 ถึงสิบกว่าคะแนน ในฟุตบอลถ้วย พวกเขาก็ปราบคู่แข่งที่พอฟัดพอเหวี่ยงกันอย่าง แบงค็อก รวมไปถึง บีจี ปทุม ได้อีกต่างหาก

   โดยเฉพาะในถ้วย ลีก คัพ ที่ปราสาทสายฟ้าทุบกระต่ายแก้วไป 2-0 สร้างความชอกช้ำให้กับ เดอะ แรบบิต ที่ต้องการมีโทรฟี่ติดมือ แต่กลับพลาดท่าปราชัยไปสุดเจ็บปวด

   อย่างไรก็ตาม ณ เวลานั้น ธงชัย สุขโกกี เพิ่งจะเข้ามารับงานกุนซือให้ บีจี ปทุม สดๆ ร้อนๆ ทำให้ระบบ รวมถึงแท็กติกต่างๆ ยังไม่ลงตัวนัก แต่พอผ่านพ้นมาถึงปัจจุบัน นักเตะก็ได้ซึมซับสิ่งที่เฮดโค้ชวัย 50 ปี ถ่ายทอดลงไป และนั่นเองที่จะทำให้ผลการแข่งขันกับ บุรีรัมย์ อาจจะไม่เหมือนเดิม

   ดังนั้น บุรีรัมย์ - บีจี ปทุม นัดนี้จึงเป็นเหมือนเกมล้างตาของกระต่ายแก้วที่ปรารถนาจะลบเลือนความปวดร้าวจากนัดชิงชนะเลิศ ลีก คัพ 2022-23 นั่นเอง

[ 5 ] เกม 5 ดาว - สนามเต็มความจุ

   ด้วยความที่ทั้ง บุรีรัมย์ และ บีจี ปทุม อุดมไปด้วยผู้เล่นทีมชาติไทย มากมาย แถมนักเตะต่างชาติก็เป็นพวกเกรดเอ คุณภาพคับแก้วทั้งนั้น มันจึงทำให้การแข่งขันที่ ช้าง อารีน่า จะต้องเป็นเกมที่สู้กันอย่างสนุกตลอดทั้ง 90 นาที

   แท็กติกต่างๆ จะถูกงัดออกมาใช้กันแบบวินาทีต่อวินาที เพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้เท่าทันกัน ดังนั้นฝ่ายที่ผิดพลาดน้อยกว่า ย่อมมีโอกาสที่จะเก็บ 3 คะแนน

   ขุมกำลังก็สูสี เทียบตำแหน่งต่อตำแหน่ง ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูก็เป็นคนที่แย่งชิง 'มือ 1' ของทีมชาติชุดปัจจุบัน ระหว่าง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กับ ฉัตรชัย บุตรพรม

   แดนหลังฝั่ง บุรีรัมย์ มี ดิอน คูลส์ ยืนคู่ คิม มิน-ฮย็อค ซึ่งก็แข็งแกร่งมากๆ เพราะเสียไปเพียง 3 ประตู (น้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก) ส่วนฝั่ง บีจี ปทุม ขึ้นอยู่ที่ว่าจะใช้ระบบใด ระหว่าง 3-5-2 หรือ 4-3-3 แต่คนที่จะลงหลักปักฐานในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟก็มีทั้ง จักพัน ไพรสุวรรณ, วิคตอร์ คาร์โดโซ่, อีร์ฟาน ฟานดี้ และรวมไปถึง เรนาโต้ เคลิช ที่กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง

   ฟูลแบ็ก - เจ้าถิ่นได้เปรียบกว่าเล็กน้อย เนื่องจาก นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ ศศลักษณ์ ไหประโคน คือขาประจำของทีมชาติไทย 

   ขณะที่กระต่ายแก้วนั้นสลับสับเปลี่ยนกันหลายราย ไม่ว่าจะเป็น สันติภาพ จันทร์หง่อม กับ ไรฮาน สจ๊วร์ต (แบ็กขวา) และฟากซ้าย ก็ยังไม่แน่ชัดว่า อภิสิทธิ์ โสรฎา หรือ วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร จะได้ออกสตาร์ต แถมยังมีออปชั่นของ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล ที่ถูกขยับมาเล่นตรงนี้อยู่หลายเกมอีกเช่นกัน

   ส่วนแผงมิดฟิลด์นั้นถือว่าใกล้เคียงกันมากๆ - บุรีรัมย์ ใช้บริการของ โกรัน เคาซิช คู่กับ ธีราทร บุญมาทัน แน่ๆ โดยมี ศุภชัย ใจเด็ด ยืนเป็นเพลย์เมเกอร์หลัง ลอนซาน่า ดูมบูญ่า ซึ่งก็สูสีกับ บีจี ปทุม ที่มี สารัช อยู่เย็น ยืนคุมเกม และน่าจะทำหน้าที่ร่วมกับ พิธิวัตต์ ที่ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาคือกองกลางเท่านั้น โดยปล่อยให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนๆ อีกทั้งในรายของ เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ ก็เป็นทีเด็ด โดยขึ้นอยู่ที่จะเล่นด้วยระบบใด

   ขยับไปที่แนวรุกก็พอๆ กัน - ปราสาทสายฟ้าใช้ ดูมบูญ่า เป็นหัวหอกตัวเป้าแน่ๆ ขนาบข้างด้วย รามิล เชย์ดาเยฟ ส่วนอีกหนึ่งตำแหน่ง ต้องดูว่าพวกเขาจะใช้ใคร 

   ฟากกระต่ายแก้ว แดนบนนั้นเลือกเล่นได้หลายหลาก แถมมีผู้เล่นให้ใช้มากมาย แต่ตัวเลือกแรกๆ หากฟิตสมบูรณ์ ยังไง ธีรศิลป์ แดงดา ก็จองตัวจริง แต่ถ้าอดีตหัวหอก อัลเมเรีย ไม่ฟิต พวกเขาก็เต็มไปด้วยอาวุธหนัก ไล่ตั้งแต่ อิกอร์ เซอร์เกเยฟ, ดานิโล่,  เจนรบ สำเภาดี และ พาทริก กุสตาฟส์สัน น่าเสียดายที่ อิ๊กห์ซาน ฟานดี้ ยังรักษาตัวอยู่ ไม่เช่นนั้นความน่ากลัวของ บีจี ปทุม จะเพิ่มพูนอีกหลายเท่าตัว

   เมื่อเทียบกันตำแหน่งต่อตำแหน่ง ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงด้วยกันทั้งสองฝั่ง และด้วยตัวผู้เล่นระดับนี้ แถมมี 3 คะแนน เป็นเดิมพัน การได้เห็นสตาร์ดังของประเทศห้ำหั่นกัน แฟนฟุตบอลย่อมปรารถนาที่จะเข้ามาชมแบบชิดติดขอบ 

   ดังนั้น บุรีรัมย์ - บีจี ปทุม จึงเป็นเกม 5 ดาว และ ช้าง อารีน่า คงจะเต็มความจุอย่างแน่นอน


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport