แบงค็อก, โค้ชแบน กับฟอร์มสุดไฉไล

นับเฉพาะฤดูกาลปัจจุบัน ทัพแข้งเทพเดินหน้าทุบคู่แข่งได้ถึง 9 จาก 10 เกม ที่ลงสนาม โดยมีเพียงนัดเดียวที่สะดุด คือการเสมอ เมืองทอง ยูไนเต็ด 0-0

ส่วนที่เหลือเป็นการคว้าชัยได้เรียบวุธ

ใน 9 เกมนั้น พวกเขาชนะทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ), บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (ไทยลีก), เชียงราย ยูไนเต็ด (ไทยลีก) บวกด้วย 3 แมตช์ในถ้วยเอเชีย ไล่ตั้งแต่ ไลอ้อน ซิตี เซเลอร์ส, ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส และล่าสุด คิตฉี

ผลงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ต้องยกเครดิตให้กับ ธชตวัน ศรีปาน ตำนานมิดฟิลด์ทีมชาติไทย ที่ค่อยๆ ปรุงแต่งทีมของตนเองจนลงตัวในปัจจุบัน

'โค้ชแบน' เป็นหนึ่งในกุนซือชาวสยามที่เก่งกาจที่สุด - รูปแบบแท็กติกของเขาค่อนข้างชัดเจนคือการคอนโทรลเกมให้ได้เป็นลำดับแรก ซึ่งถ้าได้ตัวผู้เล่นที่เข้าและซึมซับกับระบบแบบลงล็อก รับประกันได้เลยว่าผลการแข่งขันที่ต้องการจะตามมาแน่นอน

แบงค็อก ชุดปัจจุบัน คือทีมที่เขาฟูมฟักมาตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เข้ามารับตำแหน่งกุนซือ แม้จะมีช่วงเว้นวรรคกับการเปิดทางให้ ออเรลิโอ วิดมาร์ เข้ามาทำหน้าที่แทน แต่ถึงอย่างนั้น นักเตะส่วนใหญ่ก็เป็นก๊วนที่ ธชตวัน คอยสอนสั่ง

ผู้เล่นหลายๆ คนก็เคยร่วมงานกับ 'โค้ชแบน' ก่อนที่เขาเข้ามาเป็นบอสใหญ่ของบียุ ไม่ว่าจะเป็น พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, สุพรรณ ทองสงค์ และ ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร สมัยที่เล่นให้ เมืองทอง รวมไปถึง นิติพงษ์ เสลานนท์ แบ็กขวาที่ได้รับการฟูมฟักมาตั้งแต่ สระบุรี เอฟซี

ทั้ง 4 คน คือแกนหลักของ แบงค็อก ชุดนี้ และเมื่อนำไปประกอบกับ เอแวร์ตอน เซนเตอร์ฮาล์ฟที่แข็งแกร่ง, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มิดฟิลด์ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่เก่งที่สุดในประเทศ, ปกเกล้า อนันต์ กองกลางเชิงสูง รวมไปถึงบรรดาแนวรุกที่พร้อมลงโทษคู่ต่อสู้เได้ทุกวินาทีอย่าง มะห์มู๊ด ดาฮัดดา กับ วิลเลน โมต้า มันก็ทำให้แท็กติกที่ ธชตวัน ต้องการใช้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

นี่ขนาดว่า วานแดร์ ลุยซ์ ปีกจอมลากเลื้อย ซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธอันทรงพลานุภาพยังอยู่ในช่วงรักษาอาการบาดเจ็บ หากได้หมอนี่กลับมาอีก แบงค็อก จะยิ่งอันตรายมากขึ้นหลายเท่าตัว

ความเก่งกาจของ 'โค้ชแบน' อีกสิ่งหนึ่งคือการดึงศักยภาพของ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก ปีกวัย 31 ปี ออกมาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ และถ้ายังฟอร์มเด่นเช่นนี้อยู่ รับประกันเลยว่าเข้าจะกลับมาเป็นตัวเลือกในทีมชาติไทย อีกครั้ง

ณ วินาทีนี้ แบงค็อก มี 11 ผู้เล่นที่ลงตัวแล้ว แต่ในหนึ่งฤดูกาล หากต้องการประสบความสำเร็จ คุณจะต้องรักษามาตรฐานให้ถึงปลายทาง

ดังนั้น ธชตวัน จึงต้องพยายามทำให้ทีมไม่ให้สะดุดเหมือนที่ผ่านๆ มาที่มักจะเครื่องช็อตไปดื้อๆ จนค่อยๆ หลุดวงโคจรการลุ้นแชมป์ทีละรายการ กระทั่ง 'มือเปล่า' ในที่สุด

ขุมกำลังสำรองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะตอนนี้พวกเขาเจอทีมที่ลงตัวแล้ว แต่คนที่จะทดแทนและสลับหมุนเวียนยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม 

ทีมที่จะพุ่งชนความสำเร็จได้ ต้องมีทรัพยกรให้เลือกใช้อย่างเพียงพอ และตัวจริงกับสำรองไม่เหลื่อมล้ำกันมาก 

บียูเองก็เต็มไปด้วยผู้เล่นชั้นนำของประเทศ หากนับถึงคนที่ 12 ตอนนี้มีทั้ง มานูเอล ทอม บีร์ห, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, วิศรุต อิ่มอุระ, ชญาวัต ศรีนาวงษ์, ชนานันท์ ป้อมบุปผา, รัชนาท อรัญญไพโรจน์, บุญทวี เทพวงค์ และรวมไปถึง 2 แข้งต่างชาติอย่าง บาสเซล จราดี้ กับ อมาดู ซูกูน่า ที่พร้อมสอดแทรกอยู่ในชุดตัวจริง

เมื่อเรียบเรียงรายชื่อ ถือว่า แบงค็อก มีขุมกำลังที่ใหญ่ทีเดียว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่ยังคงเป็นตัวสำรองอยู่ก็ต้องพยายามถีบตัวเองให้ทดแทนตัวจริงให้ได้ และที่สำคัญคือต้อง 'ตีโจทย์' แท็กติกของ ธชตวัน ให้ออก เพราะถ้าทำได้ คุณก็จะเป็นฟันเฟืองสำคัญของ 'ถ้วยรางวัล' ที่แข้งเทพรอคอยมาแสนนาน

ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะพูดเรื่องแชมป์ แต่ถ้าพวกเขายังเล่นได้ระดับนี้ไปเรื่อยๆ และนักเตะตอบสนองแผนการของ 'โค้ชแบน' ได้ทุกเกม 

รับประกันเลยว่าโทรฟี่ทุกถ้วยในประเทศพร้อมที่จะยกไปโชว์ที่ ทรู สตเดี้ยม อย่างแน่นอน

แบงค็อก, 'โค้ชแบน' กับฟอร์มสุดไฉไลที่จะเดินไปไกลเพียงใด คงมีแต่ผลงานในสนามเท่านั้นเป็นคำตอบ ณ ปลายทาง

ชิกกะด้าว