ทำนายไทยลีก! จับตา 5 กลุ่ม จาก ลุ้นแชมป์ ถึง หนีตาย

ทำนายไทยลีก! จับตา 5 กลุ่ม จาก ลุ้นแชมป์ ถึง หนีตาย
เหลืออีกเพียงสัปดาห์เดียว ไทยลีก 2023-24 ก็จะเปิดฉากอีกครั้ง การแข่งขันฟุตบอลอันดุเดือดที่สุดของสยามประเทศจะกลับมาให้แฟนๆ ได้สนุกกันทุกสัปดาห์ ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' ขอทำตัวเป็น 'โหราพยากรณ์' ถึง 'โอกาส' ที่จะเกิดขึ้นในซีซั่นอันสุดระทึกข้างหน้านี้!!

[ 1 ] กลุ่มลุ้นแชมป์

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด


    แชมป์เก่า และเป็นเจ้าของโทรฟี่ ไทยลีก 8 สมัย ยังคงน่ากลัวเสมอ แม้จะฟาด 3 ถ้วย มาแล้ว 2 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่พวกเขาไม่เคยหยุดนิ่งต่อความสำเร็จ 

    ขุมกำลังหลักของปราสาทสายฟ้ายังอยู่กันเกือบครบ ไล่ตั้งแต่ ธีราทร บุญมาทัน, ศุภชัย ใจเด็ด, โกรัน เคาซิช และ ดิออน คูลส์ จะขาดเพียง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ไปไล่ล่าความฝันที่อังกฤษ 

    ส่วนนักเตะใหม่ก็น่าสนใจกับการเสริม นิโคเลา ดูมิตรู แนวรุกดีกรีอิตาลี ชุดเยาวชน, รามิล เชย์ดาเยฟ ศูนย์หน้าทีมชาติอาเซอร์ไบจาน และ คิม มิน-ฮย็อค ปราการหลังตัวกลางที่เข้ามาแทน เรบิน ซูลาก้า

    บุรีรัมย์ เป็นทีมที่แข็งแกร่งทั่วทุกสัดส่วน แต่ที่เหนือกว่าสโมสรอื่นๆ อีกหนึ่งจุดคือตำแหน่งกุนซือที่มี มาซาทาดะ อิชิอิ เป็นแม่ทัพ ซึ่งเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น เก่งกาจในเรื่องของแท็กติกที่หลากหลาย สามารถยืดหยุ่นตามแต่สถานการณ์ของเกม

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

    ผลพวงจากความล้มเหลวในซีซั่น 2022-23 ทำให้กระต่ายแก้วจัดการเสริมทัพมโหฬาร ไล่ตั้งแต่การคว้า ชนาธิป สรงกระสินธุ์ กลับมาค้าแข้งในเมืองไทย แถมยังพ่วงด้วย ชินภัทร ลีเอาะ, ดานิโล่ อัลเวส และ เรนาโต้ เคลิช ซึ่งแต่ละคนนั้นคือผู้เล่นระดับท็อปของลีก

    เท่านั้นไม่พอ ยังมี เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ แนวรุกชาวคอสตาริก้า กับ อิกอร์ เซอร์เกเยฟ หัวหอกทีมชาติอุซเบกิสถาน อีกต่างหาก เรียกได้ว่ามีขุมกำลังขนาดใหญ่ให้เลือกใช้ได้แบบไม่ต้องกลัวใคร

    ขณะเดียวกัน นักเตะหลักของ บีจี ปทุม ยังเป็นทัพช้างศึกชุดตัวจริงเสียด้วย ไล่ตั้งแต่ ธีรศิลป์ แดงดา, สารัช อยู่เย็น, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และมันน่ากลัวสุดๆ ตรงที่มี ชนาธิป เข้ามาสร้างสรรค์เกมอีกต่างหาก

    สิ่งที่น่าสนใจของพวกเขาคือการได้ ฉัตรชัย บุตรพรม กลับมายืนเฝ้าเสา ซึ่งจุดนี้แหละที่จะทำให้แผงหลังอุ่นใจ เพราะผู้รักษาประตูทีมชาติไทย คนนี้มีความสามารถหลากหลาย เซฟก็เก่ง แถมเล่นบอลกับเท้าได้ดีด้วย

    เรื่องที่ บีจี ปทุม ต้องกังวลคงจะมีเพียงการรักษามาตรฐานให้ได้จนจบฤดูกาลและต้องเก็บแต้มจากคู่แข่งในเลเวลเดียวกันให้ได้เท่านั้น เพราะด้วยทีมชุดนี้ โอกาสฟาดแชมป์ทุกถ้วยมีเปอร์เซ็นต์สูงทีเดียว 

แบงค็อก ยูไนเต็ด

    แม้จะมีการเสริมทัพที่น้อยผิดปกติ เนื่องจาก ณ ปัจจุบันมีแค่สองรายเท่านั้นที่ย้ายเข้ามา คือ บุญทวี เทพวงศ์ และ บาสเซล จราดี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าบียูจะหมดพิษสงไปเลย

    แบงค็อก ชุดนี้เล่นด้วยกันมาหลายปี อีกทั้งยังเรียนรู้ระบบที่ ธชตวัน ศรีปาน หนึ่งในเฮดโค้ชที่เก่งที่สุดของเมืองไทย มาพอสมควร โดยแท็กติกของกุนซือชาวสระบุรี อาจจะค่อนข้างซับซ้อน แต่มันนำมาซึ่งประสิทธิภาพที่สามารถจัดการกับคู่แข่งได้เสมอ

    การแยกทางกับ ไมเคิ่ล ฟัลเคสการ์ด และ เฮแบร์ตี้ น่าจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะตัวแทนอย่าง ปฎิวัติ คำไหม ก็สามารถทดแทนได้ไม่ยาก ขณะที่แดนบน พวกเขายังมีทั้ง วานแดร์ ลุยซ์, วิลเลน โมต้า และรวมไปถึง จราดี้ ที่เข้ามาใหม่

    บียูคือหนึ่งในทีมเต็งทุกฤดูกาล แต่พวกเขาไม่เคยประสบความสำเร็จสักที ใกล้เคียงสุดคือการคว้าอันดับ 2 ในฤดูกาล 2016, 2018 และ 2022-23 แถมฟุตบอลถ้วยก็รับบทพระรองหลายต่อหลายหน ดังนั้นซีซั่นนี้อาจจะคราวสิ้นสุดการรอคอย 

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ แบงค็อก ควรจะต้องแก้ไขโดยด่วนคือเรื่องฟอร์มการเล่นที่มักจะหลุดดื้อๆ ในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งถ้าขจัดปัญหานี้ออกไป รับรองเลยว่าแข้งเทพจะผงาดง้ำแน่นอน

การท่าเรือ เอฟซี

    นับตั้งแต่เลื่อนชั้นกลับสู่ ไทยลีก อีกครั้งในฤดูกาล 2017 พวกเขาก็จับจองพื้นที่หัวตารางอย่างสม่ำเสมอ แถมผลงานอันดับ 3 มากถึง 4 จาก 6 ซีซั่น ก็พอจะการันตีได้เป็นอย่างดีว่า การท่าเรือ มีคุณภาพมากเพียงใด

    อย่างไรก็ตาม สิงห์เจ้าท่าคงไม่ปรารถนาเพียงเท่านี้แน่ เพราะมีเพียงถ้วยแชมป์เท่านั้นที่ยักษ์ใหญ่แห่งย่านคลองเตยต้องการ

     การได้ ชาร์ลี คลัฟ และ เฉลิมศักดิ์ อักขี มายืนคู่กันในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ น่าจะขจัดจุดอ่อนที่เป็นปัญหามาตลอดหลายขวบปี ทั้งยังมี ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช, ชานุกูล ก๋ารินทร์, โนโบรุ ชิมูระ, บาร์รอส ทาร์เดลี่ รวมไปถึงการซื้อขาด วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กับ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ จาก บีจี ปทุม ก็ทำให้ทรัพยากรผู้เล่น การท่าเรือ ไม่เป็นสองรองใคร

    นอกจากนี้ 'โค้ชคู่' โชคทวี พรหมรัตน์ และ สุรพงษ์ คงเทพ ก็แสดงให้เห็นมาแล้วว่ามีฝีมือไม่ธรรมดา เพราะจากตอนแรกที่ป้อแป้ในฤดูกาล 2022-23 แต่กุนซือ กรุงเทพคริสเตียน คอนเนกชั่น ก็ช่วยกันขันน๊อตจนพาทีมไปลุย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

    ทว่าสิ่งที่ การท่าเรือ ต้องระวังคือเรื่องความไม่นิ่งของทีม เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ผลงานสะดุด พวกเขามักจะเป๋ยาว และเกิดความเปลี่ยนแปลง ก่อนจะกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ถ้าหากว่ายังเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะหลุดจากวงลุ้นแชมป์ก็จะมีสูงทีเดียว

[ 2 ] กลุ่มม้ามืด

เมืองทอง ยูไนเต็ด


    อดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย ที่ร้างลาความสำเร็จมาตั้งแต่ปี 2017 แต่พวกเขาก็ยังจัดอยู่ในสารบบของ 'ทีมใหญ่' เพราะผลงานโดยรวมยังเกาะกลุ่มหัวตารางได้ทุกฤดูกาล

    ด้วยความที่เป็นสโมสรที่ผลักดันผู้เล่นในประเทศให้ไปผจญภัยในต่างแดน รวมถึงการให้โอกาสกับนักเตะอายุน้อย ทำให้พวกเขามีความเปลี่ยนแปลงมากมายในระยะหลายปีมานี้ 

    จากนโยบายข้างต้น ผลประโยชน์จึงตกอยู่กับวงการลูกหนังไทย ที่ได้ยกระดับขึ้นไปอีกขึ้น อีกทั้งยังได้เห็นเยาวชนเติบใหญ่ในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ เมืองทอง ต้องแลกมา แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะยิ้มไปกับความสำเร็จเหล่านั้น

    อย่างไรก็ตาม ต้องชื่นชมการบริหารของสโมสรที่สามารถยืนหยัดอยู่บนหัวตารางได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีซูเปอร์สตาร์ แต่กลับต่อกรกับทุกทีมได้แบบไม่เป็นรอง ด้วยการเล่นแบบมีสไตล์ แบบที่ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ปลุกปั้นมาหลายปี

    ฤดูกาล 2023-24 กิเลนผยองอาจจะดูไม่มีอะไร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอ่อนกว่าคู่ต่อสู้ เพราะอย่าลืมว่าแผงมิดฟิลด์ของ เมืองทอง นั้นอาจจะกลมกล่อมที่สุดในลีกเลยก็เป็นได้ เพราะมีทั้ง พิชา อุทรา และ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ที่เป็นแกนหลัก และเมื่อใดที่ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร กลับมาลงสนามอีกครั้ง เมื่อนั้นยอดทีมแห่งแจ้งวัฒนะน่าจะสร้างความหวาดหวั่นให้ฝั่งตรงข้ามแน่

    สิ่งที่พวกเขาต้องกังวลคงจะเป็นเรื่องความผิดพลาดในแนวรับ เนื่องจากฟุตบอลสไตล์บิวต์-อัพตั้งแต่แดนหลัง หากจ่ายผิดทีเดียว นั่นหมายถึงประตูในทันที รวมไปถึงเรื่องของการจบสกอร์ เพราะที่ผ่านๆ มา เมืองทอง สร้างสรรค์โอกาสได้เยอะก็จริง แต่ไม่สามารถส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้มากเท่าใดนัก

    หากแก้ไข 2 จุดนี้ได้สำเร็จ บางทีกิเลนผยองอาจจะสร้างเซอร์ไพรส์ในซีซั่น 2023-24 ก็เป็นได้

ชลบุรี เอฟซี

    นับตั้งแต่คว้าแชมป์ ไทยลีก ได้ในปี 2007 พวกเขาก็ยังไม่สามารถกลับมาผงาดบนโพเดี้ยมได้อีกเลย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรักในโลกลูกหนังของ ชลบุรี น้อยลงไป 

    ฉลามแห่งเมืองชลยังผลิตดาวรุ่งขึ้นสู่ชุดใหญ่ในทุกๆ ปี - ไม่ว่าจะยุคไหนและปีใด จะมีนักเตะที่เติบใหญ่จากอะคาเดมี่ของที่นี่ได้ก้าวไปติดทีมชาติเสมอ 

    ปัจจุบันพวกเขามี กฤษดา กาแมน และ ชาญณรงค์ พรหมศรีแก้ว เป็นที่เชิดหน้าชูตาถึงระบบเยาวชนอันแข็งแรง ซึ่งนั่นคือรากฐานสำคัญของฟุตบอลที่ถ่องแท้ 

    อย่างไรก็ตาม ด้วยความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ อย่าง อาจจะทำให้โอกาสที่ ชลบุรี จะขยับเข้าใกล้ถ้วยรางวัลนั้นลดถอยลงไป แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการที่พวกเขามี มาโกโตะ เทกูระโมริ เป็นเฮดโค้ช เพราะกุนซือญี่ปุ่น คนนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถปรับตัวกับเมืองไทย ได้สบายๆ

    แม้จะลุ้นแชมป์ยาก แต่ก็คงไม่มีใครกล้าประมาทฉลามชลแน่นอน

ราชบุรี เอฟซี

    ผลงานในระยะหลังของ ราชบุรี ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีเพียงแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2016 (แชมป์ร่วมกับ ชัยนาท ฮอร์นบิลล์, ชลบุรี และ สุโขทัย) แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็พยายามที่จะยกระดับสโมสรในทุกๆ ปี

    จุดเด่นของราชันมังกรคือการนำเข้านักเตะต่างชาติที่มักจะย้ายมาแล้วปังเลย ในอดีตพวกเขามีทั้ง เฮแบร์ตี้, ยานนิค โบลี่, สตีว็อง ล็องกิล และล่าสุดกับ อัลวิน ฟอร์เตส ที่โลดแล่นในลีกไทย ได้สุดไฉไล

    นอกจากนี้ ราชบุรี ยังเป็นทีมที่เสริมทัพได้แบบ 'เกาถูกที่คัน' อยู่เสมอ ซึ่งจุดนี้นี่เองที่ทำให้พวกเขาสามารถต่อกรกับสโมสรใหญ่ได้แบบไม่เป็นรอง แม้ตัวผู้เล่นอาจจะดูด้อยกว่า แต่เมื่อเล่นรวมกัน มันคือคำว่า 'ทีม'

     อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ราชันมังกรต้องแก้ไขคือเรื่องความสม่ำเสมอ ตัวอย่างชัดเจนจากฤดูกาลหลังสุดที่เกาะกลุ่มหัวตารางแท้ๆ แต่ดันฟอร์มหลุดในเลกที่สอง จนหล่นไปอยู่อันดับ 8 ถ้าหากว่ารักษามาตรฐานได้ระยะยาว ผลงานที่ดีจะตามมาเอง

[ 3 ] กลุ่มเคี้ยวยาก

เชียงราย ยูไนเต็ด

    อดีตแชมป์ ไทยลีก 2019 ยังคงเป็นทีมหัวแถวของประเทศ แม้ระยะหลังจะห่างไกลถ้วยรางวัล แต่พวกเขาก็สามารถสร้างความลำบากให้คู่แข่งได้ทุกทีม

    เชียงราย เป็นหนึ่งในทีมที่เล่นด้วยยากที่สุด ไม่ว่าจะเจอกับใคร ฝั่งตรงข้ามกว่างโซ้งมหาภัยจะเผชิญความอึดอัดอยู่เสมอ

    ด้วยสไตล์ฟุตบอลที่เหนียวแน่น เล่นเพื่อผลการแข่งขัน แถมจังหวะฉาบฉวยของยอดทีมแห่งแดนล้านนาก็ค่อนข้างเฉียบขาด มันจึงทำให้พวกเขาเป็นทีมที่สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้ทุกเสี้ยววินาที

ลำพูน วอร์ริเออร์ส

    ลำพูน ผ่านซีซั่นแรกในลีกสูงสุดของประเทศมาได้ในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับ อเล็กซานเดร กามา ที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้น ฤดูกาล 2023-24 พวกเขาอาจจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

    การมีกุนซือชาวบราซิล ผู้เจนจัดกับวงการลูกหนังไทย คือจุดแข็งของราชันโคขาว เพราะเทรนเนอร์คนนี้รู้ดีว่าต้องใช้แท็กติกอย่างไรในแต่ละเกม ซึ่งนั่นน่าจะทำให้คู่แข่งต้องระมัดระวังเป็นเศษ เนื่องจาก กามา มักจะมีแผนเด็ดไว้น็อกฝั่งตรงข้ามอยู่เสมอ 

[ 4 ] กลุ่มกลางตาราง

โปลิศ เทโร เอฟซี

    แม้จะไม่มีงบประมาณมากมายเหมือนหลายๆ สโมสร ทว่า โปลิศ เทโร เล่นด้วยทีมสปิริตอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นมาจากการที่ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค เฝ้าฟูมฟักเด็กๆ ของเขาจนเติบใหญ่และกลายเป็นกำลังสำคัญของมังกรโล่เงิน

    อย่างไรก็ตาม การเสีย ชานุกูล ก๋ารินทร์ และ เเฉลิมศักดิ์ อักขี อาจจะทำให้พวกเขาต้องพบกับความยากลำบากพอสมควร เนื่องจากทั้งคู่คือฟันเฟืองสำคัญของทีมมาหลายปี แต่ด้วยความที่มีนักปั้นมือทองอย่าง รังสรรค์ ก็คงจะเชื่อมั่นได้ว่าน่าจะหาตัวแทนได้ในเร็ววัน

    โปลิศ เทโร อาจจะไม่มีซูเปอร์สตาร์หรือนักเตะประเภท แมตช์ วินเนอร์ ทว่าจุดเด่นคือเรื่องของวินัยที่ไม่มีหลุดเลยตลอดทั้ง 90 นาที ซึ่งสิ่งๆ นี้แหละจะสร้างความลำบากให้กับฝั่งตรงข้าม

ประจวบ เอฟซี 

    3 ฤดูกาลมาแล้วที่ ประจวบ ยังต้องดิ้นรนไปจนถึงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ทว่าปัจจุบันการมี ดุสิต เฉลิมแสน เป็นเฮดโค้ช แถมมี ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล เข้ามาผนึกกำลังเพิ่มอีกรายน่าจะทำให้พวกเขาหลีกหนีจากพื้นที่เดิมๆ ที่จำเจเสียที

    การเสริมทัพเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้เลยว่าต่อพิฆาตจะไม่อยู่โซนสีแดงอีกต่อไป เพราะมีทั้ง แอร์ตอน, แดร์เลย์, สหรัฐ กันยะโรจน์ และ ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ ที่เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย ที่สำคัญ ซามูเอล โรซา ศูนย์หน้าบราซิล ก็ยังไม่ย้ายไปไหนอีกต่างหาก

สุโขทัย เอฟซี

    จุดแข็งของ สุโขทัย คือ ทะเลหลวง สเตเดี้ยม ที่สามารถต่อกรกับทีมใหญ่ได้เป็นอย่างดี ฤดูกาลที่ผ่านมา เมืองทอง, ชลบุรี, บีจี ปทุม และ เชียงราย ต่างก็มาปราชัยที่นี่ ขณะเดียวกัน แบงค็อก ก็ได้เพียงแต้มเดียวกลับออกไป

    ที่น่าสนใจในซีซั่น 2023-24 คือการกลับมาประสานงานกันอีกครั้งของ จอห์น บาจโจ้ และ เนลสัน โบนีญ่า คู่หูมหาประลัย ที่สร้างความสยองขวัญให้กับแนวรับของ ไทยลีก หากว่าทั้งสองยังอยู่ในฟอร์มที่ดี รับประกันเลยว่าค้างคาวไฟจะมีผลงานที่ไฉไลยาวๆ

ขอนแก่น ยูไนเต็ด

    ขอนแก่น เป็นอีกหนึ่งทีมที่มีเกมในบ้านสุดแข็งแกร่ง บุรีรัมย์, เชียงราย, เมืองทอง, บีจี ปทุม และ แบงค็อก ต่างได้เพียงแต้มเดียวยามมาเยือน ส่วน การท่าเรือ ถึงกับแพ้เลยเมื่อเผชิญหน้ากับจงอางผยองในรัง

    พวกเขายืนหยัดอยู่ในลีกสูงสุดได้ 2 ซีซั่นติดๆ แม้จะค่อนข้างตะกุกตะกักกับการอยู่รอด แต่มันคือประสบการณ์ชั้นยอดที่ทำให้ ขอนแก่น ได้เรียนรู้และปรับปรุง ซึ่งนั่นจะทำให้ฤดูกาล 2023-24 คงจะไม่ต้องดิ้นรนอยู่ในโซนสีแดงอีกต่อไป

[ 5 ] กลุ่มหนีตกชั้น

นครปฐม ยูไนเต็ด

    สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเลื่อนชั้นสู่ ไทยลีก ในฐานะแชมป์ ไทยลีก 2 แต่ถึงอย่างนั้นฤดูกาล 2023-24 ก็น่าจะหนักหนาสาหัสสำหรับ นครปฐม อยู่ดี 

    การเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ชจาก ธงชัย สุโกกี มาเป็น อั๊คบาร์ นาวาส เป็นเรื่องที่เสี่ยงพอสมควร แม้ว่ากุนซือชาวสิงคโปร์ จะมีโปรไฟล์ที่ดีงาม แต่นั่นก็ต้องรอดูว่าเขาจะสามารถกำกับทัพเสือป่าราชาให้อยู่รอดปลอดภัยได้หรือไม่

ตราด เอฟซี

    นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา พวกเขาคือทีมที่ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง ไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2 เรียกได้ว่าผ่านไปปีเดียว เดี๋ยวก็เจอ ตราด แน่ๆ 

    ฤดูกาล 2023-24 น่าจะเป็นซีซั่นแห่งความท้าทายของช้างขาวจ้าวเกาะ เพราะถ้ายังอยู่รอดได้สำเร็จ มันอาจจะส่งผลในระยะยาว เพราะกระดูกเริ่มแก่กล้าที่จะหยัดยืนบนลีกสูงสุด แต่ถ้าฟอร์มเดิมๆ ก็คงต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

อุทัยธานี เอฟซี

    แม้จะเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเป็นสโมสรสุดท้าย ทว่า อุทัยธานี มีโอกาสอยู่รอดมากกว่าใคร ด้วยปัจจัยเรื่องการเสริมทัพที่ขนแข้งฝีเท้าดีที่มีประสบการณ์ใน ไทยลีก เข้ามามากมาย ไล่ตั้งแต่ อ่อง ตู, สุมัญญา ปุริสาย, วัฒนา พลายนุ่ม, อิรฟาน ดอเลาะ และ ขวัญชัย สุขล้อม

    ช่วงเลกแรกพวกเขาต้องประคองทีม อย่าหลุดไปโซนสีแดงเป็นอันขาด เพราะถ้าเก็บแต้มได้เรื่อยๆ รับประกันเลยว่าจะได้อยู่ใน ไทยลีก อีกอย่างน้อยก็ 1 ฤดูกาลแน่ๆ



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport