ในบรรดาสโมสรใหญ่ทั้งหมด แบงค็อก ยูไนเต็ด ดูจะขยับตัวในตลาดซื้อ-ขายน้อยที่สุด เพราะมีเพียง บุญทวี เทพวงศ์ แบ็กขวาจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด เท่านั้นที่พวกเขาเสริมทัพเข้ามา
ขณะเดียวกัน ทีมในกลุ่มแถวของประเทศต่างก็เพิ่มเติมกันไม่มียั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นแชมป์เก่า แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขาได้ทั้ง คิม มิน-ฮย็อค, สุพร ปินะกาตาโพธิ์, ลีออน เจมส์, นิโคเลา คาร์โดโซ่ และ รามิล เชย์ดาเยฟ
เรียกได้ว่าอาวุธหนักล้วนๆ
ส่วนอันดับ 3 จากซีซั่นก่อนอย่าง การท่าเรือ เอฟซี นั้นเซ็นสัญญาคว้า ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ กับ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่ยืมมาจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในเลกที่สองของฤดูกาล 2022-23 ทว่าก็ยังมี เฉลิมศักดิ์ อักขี, ชานุกูล ก๋ารินทร์, ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช, โนโบรุ ชิมูระ, ชาร์ลี คลัฟ และ บาร์รอส ทาร์เดลี่ ที่ตบเท้าสู่ แพท สเตเดี้ยม
เมืองทอง อันดับ 4 อาจจะมีน้อยหน่อย เพราะเพิ่งได้ ทริสต็อง โด, ณัฐวัฒน์ โทบ้านซ้ง, สุวิทย์ ไปพรมราช และ ฌอง-โคล้ด บีลลง เท่านั้น แต่จากแหล่งข่าวเชื่อถือได้ ระบุว่ากิเลนผยองน่าจะมีบิ๊กดีลในเร็ววันนี้ บวกกับศูนย์หน้าต่างชาติเพิ่มอีก
และที่น่าอิจฉาที่สุดในตลาดซื้อ-ขายคือ บีจี ปทุม กับการได้นักเตะระดับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ มาสร้างสรรค์เกมรุก พ่วงด้วย ชินภัทร์ ลีเอาะ, เรนาโต้ เคลิช, ดานิโล อัลเวส, อิกอร์ เซเกอเยฟ และ เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ
เมื่อมองย้อนกลับมาที่ แบงค็อก ซึ่งเป็นหนึ่งในจอมทุ่มของ ไทยลีก มันช่างน่าแปลกใจว่าเหตุไฉนบียูจึงเงียบเชียบเช่นนี้
ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเรื่องของเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มร้อยหลังจากโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วทุกหนแห่ง บวกกับการที่ระยะหลังพวกเขาใช้เงินไปค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่กลับไร้ซึ่งถ้วยรางวัลเข้ามาประดับบารมี
ทว่าสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดที่ทำให้ แบงค็อก ไม่ได้ขยับเสริมทัพมากนัก น่าจะเป็นเรื่องของทีมที่ลงตัวอยู่แล้ว อีกทั้งการมีโค้ชที่ชื่อ ธชตวัน ศรีปาน นั้นมั่นใจได้เลยว่าถ้า 'ระบบ' ที่สร้างไว้ลงตัวกับผู้เล่นในทีม รับประกันเลยว่าแข้งเทพติดปีกแน่
กองกลางระดับตำนานทีมชาติไทย เป็นกุนซือที่โดดเด่นในเรื่องแท็กติก แม้ว่าผลงานหลังจากแยกทางกับ เมืองทอง จะไม่ค่อยดีนัก แต่นั่นเพราะกลยุทธ์ของเขานั้นเหมาะสำหรับทีมที่มีนักเตะทักษะสูง ทั้งในแง่ของฝีเท้าและความเข้าใจเกม
แบงค็อก ชุดปัจจุบันก็อุดมไปด้วยผู้เล่นชั้นนำของลีกในทุกๆ ตำแหน่ง - ผู้รักษาประตู อาจจะเสีย ไมเคิ่ล ฟัลเคสการ์ด ไป ทว่าก็ยังมี ปฏิวัติ คำไหม จอมหนึบเบอร์ต้นๆ ของประเทศที่กลับมาจากการยืมตัวที่ เมืองทอง
แนวรับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์ของ 'โค้ชแบน' เพราะเขาสร้างเกมจากแดนหลัง และเมื่อใดที่พื้นที่ตรงนี้ลงล็อก แท็กติกของเขาก็จะสำแดงเดช
บียูมี เอแวร์ตอน เป็นแกนหลัก โดยมีคู่ขาที่เก่งกาจอย่าง มานูเอล ทอม บีร์ห สลับกับ สุพรรณ ทองสงค์ ในตำแหน่งคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ขนาบข้างด้วย นิติพงษ์ เสลานนท์ และ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา แถมยังมี บุญทวี เข้ามาเสริม
ส่วนแดนกลาง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่แท็กติกของ ธชตวัน จะเฉิดฉาย หากว่าได้นักเตะที่ตรงสเป็ก และพวกเขาก็มีทั้ง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ปกเกล้า อนันต์, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร ที่เล่นร่วมกันอย่างเข้าขารู้ใจ
นอกจากนี้ยังได้รับข่าวดีเมื่อ วิศรุต อิ่มอุระ หายเจ็บกลับมาเป็นตัวเลือกอีกทาง พ่วงด้วย รัชนาท อรัญญไพโรจน์ ที่รอคอยโอกาสอยู่เสมอ
ขณะที่แนวรุก แบงค็อก คือหนึ่งในทีมที่อันตรายอุดมไปด้วยผู้เล่นที่สามารถพลิกเกมได้ในชั่วพริบตา
เฮแบร์ตี้ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล ไทยลีก ก็ยังอยู่ แม้จะยังไม่มีรายงานว่าเจ้าตัวได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่ไปแล้วหรือยัง
แต่ที่ไปต่อแน่ๆ คือ มะห์มู๊ด กาฮัดดา และ วิลเลน โมต้า สองคีย์แมนจากซีซั่นล่าสุด ซึ่งทั้งคู่ต่างก็อันตรายมากๆ ในพื้นที่สุดท้าย
ส่วนบรรดาแข้งไทย ที่ปล่อยให้ไปเก็บประสบการณ์อย่าง ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม กับ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ก็กลับมาจากการยืมตัว พวกเขาพร้อมเป็นตัวเลือกอีกทาง เช่นเดียวกับ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก, ชนานันท์ ป้อมบุปผา และ ชญาวัต ศรีนาวงษ์ ที่ต่างก็มีดีกรีทีมชาติไทย พ่วงท้าย
เหลือเพียง วานแดร์ เท่านั้นที่ยังไม่ชัดเจนว่าอยู่ต่อหรือไม่ เนื่องจากสัญญาฉบับปัจจุบันของเขาสิ้นสุดลงแล้ว และก็ยังไม่เห็นเจ้าตัวมาซ้อม แต่เชื่อว่าน่าจะกระจ่างชัดในเร็วๆ นี้
จากขุมกำลังที่มีอยู่ แม้ว่าจะเป็นหน้าเก่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า แบงค็อก จะเป็นรองทีมอื่นๆ เผลอๆ ระบบที่ ธชตวัน เพียรพยายามพร่ำสอนลูกทีมของเขาอาจจะลงล็อกแล้วก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น รับประกันเลยว่าแข้งเทพจะน่ากลัวขึ้นกว่าที่ผ่านมาแน่
ฤดูกาล 2022-23 พวกเขาจบด้วยรองแชมป์ลีก แต่มีสิ่งที่น่าสนใจคือเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุด กับตัวเลข 22 ประตู ซึ่งผิดแผกไปจากเดิม เพราะโดยปกติบียูมักจะโดยเจาะตาข่ายง่ายไปหน่อย ซึ่งมันกระทบต่อผลงานในตารางคะแนนเต็มๆ
ทว่าการที่เสียประตูน้อยเช่นนี้ มันสะท้อนให้เห็นว่าการทำงานอย่างหนักของ ธชตวัน เริ่มเห็นผล และมันคือก้าวแรก ก่อนที่จะค่อยๆ พัฒนาในส่วนต่อๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นมิดฟิลด์, ริมเส้นหรือเกมรุก
นอกจากนี้ต้องอย่าลืมเช่นกันว่าสโมสรอื่นที่นำเข้าผู้เล่นมามากมาย บางทีแข้งเหล่านั้นอาจจะไม่เข้ากับระบบของทีม รวมไปถึงปรับตัวกับฟุตบอลไทย ได้ช้า ซึ่งมันกระทบต่อผลงานในสนามแน่
ผิดกับ แบงค็อก ที่ยังคงทีมชุดเดิมมาได้ แถมแท็กติกและระบบการเล่นก็ลงตัวขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วย
ดังนั้น ไทยลีก 2023-24 ที่กำลังจะเปิดฉากในเดือนหน้า จึงอย่าเพิ่งกาชื่อของบียูทิ้งออกเป็นอันขาด
แม้ว่า แบงค็อก อาจเงียบเชียบ แต่พวกเขายังเพียบด้วยพิษสงที่จะล้มได้ทุกทีมเช่นกัน
ชิกกะด้าว