พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล เผยว่า ส.บอล และ แพลนบี ไม่ได้ล้มเลวเรื่องการหาผู้ถือลิขสิทธิ์ใหม่ จริงๆหาได้แล้วแต่ดีลไม่เกิดขึ้นและไม่ได้แจ้งเหตุผลในที่ประชุมว่าเพราะอะไรเนื่องจากไม่อยากให้กระทบคนภายนอก และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้ พร้อมยืนยันลีกรองยังได้เงินสนับสนุนแต่อาจจะลดลงรวมทั้งถ่ายทอดสดน้อยลง
"บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เป็นประธานในการประชุมหาทางออกถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก 1 ฤดูกาล 2023-24 ก่อนได้บทสรุปไร้ผู้ถือลิขสิทธิ์ โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลฯผลิตสัญญาณให้แต่ละสโมสรรับไปถ่ายทอดสดออกทางช่องทางของตัวเอง
"บิ๊กอ๊อด" เปิดเผยหลังการประชุมเสร็จว่า " ส.บอล และ แพลนบี ไม่ได้ล้มเหลวเรื่องการสรรหาผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทย และถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้วด้วยซ้ำสามารถบันทึกข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายไม่เกิดขึ้น และไม่ได้แจ้งในที่ประชุมเพราะไม่อยากให้กระทบกับใคร และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้"
"ถ้าหลังจากนี้ 1 เดือนก่อนเปิดฤดูกาลมีดีลเรื่องลิขสิทธิ์เข้ามา ก็จะให้ทั้ง 16 ทีมพิจารณา ส่วนดีล 50 ล้านที่ยื่นเข้ามา มันเป็นไปไม่ได้ มันดูถูกกันเกินไป ดีลที่เข้ามาจริงๆแล้ว มากกว่าก้อนเดิมอยู่แล้ว (มากกว่า 400 ล้าน) แต่ที่เข้ามาไม่ได้ เพราะอะไร พูดไม่ได้"
"ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ทีมชาติไทย บริษัทใดยื่นซื้อลิขสิทธิ์เฉพาะทีมชาติก็ได้ น่าจะมีแล้ว ยังไม่บอกว่าเป็นเจ้าไหน ขออุบไว้ก่อน"
"ขณะที่ไทยลีก 2 และ ไทยลีก 3 จะลดจำนวนการถ่ายทอดสดตามสภาวะเศรษฐกิจ ส่วนเงินสนับสนุนลีกรองจะยังมีเหมือนเดิม แต่อาจจะลดจำนวนลง หากมีรายได้ที่เพิ่มเติมเข้ามาจากลีกบน ก็จะนำมาช่วยเหลือลีกล่างต่อไป"
"ส่วนแนวทางการแยกลีกก็ยังดำเนินต่อเป็นกรณีศึกษา ให้สิทธิ์ทั้ง 16 ทีมเข้ามาบริหาร ถ้าจะมาทั้ง 16 ทีมก็โอเค ถ้าเข้าสู่กระบวนการโอนหุ้น ที่ ส.บอล ถือหุ้น 99 เปอร์เซนต์ จะโอนหุ้นของ ส.บอล ไปที่สโมสรสมาชิก มันทำได้ไหม ผิดหลักกฏหมายไหม เดี๋ยวรอดู"
"การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่ศักยภาพของผู้บริหารสโมสรไทยลีกมีมาก เชื่อว่าจะดีขึ้น"
"ด้วยระยะเวลาก่อนที่จะเปิดฤดูกาลแข่งขันใหม่นี้ ผมในฐานะนายกสมาคมฯ และผู้นำขององค์กรขอให้คำมั่นที่จะพาฟุตบอลไทยเดินหน้าในช่วงเวลาที่ท้าทาย ในวันนี้ ผมขอยืนยันว่าการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกจะดำเนินการแข่งขันตามกำหนด สมาคมจะรับผิดชอบในการผลิตสัญญาณถ่ายทอดสด โดยแฟนบอลจะได้รับชมการแข่งขันไทยลีกอย่างแน่นอน”
"สมาคมฯ ยืนยันที่จะให้การสนับสนุนการแข่งขันของสโมสรในลีกล่าง คือ ไทยลีก 2 ไทยลีก 3 ฟุตบอลลีกสมัครเล่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันอย่างเต็มที่ รวมถึงโครงสร้างโดยรวมของฟุตบอลไทยไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลทีมชาติไทยชาย และหญิง ทุกรุ่นอายุ ,ฟุตบอลลีกเยาวชน , กิจกรรม grassroots, ฟุตซอล ,ฟุตบอลชายหาด, วิทยาศาสตร์การกีฬา รวมถึงการพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยต้องไม่ทอดทิ้งส่วนใด เพราะถือว่าเป็นรากฐานที่จำเป็นในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอย่าง มั่นคง ยั่งยืน และถาวรต่อไปในอนาคต"