"บิ๊กฮั่น"ชี้6ประเด็นเรื่องแยกลีก-ถามแพลนบีรายได้500ล้านบ.ทีมไทยลีกได้เท่าไหร่

"บิ๊กฮั่น"ชี้6ประเด็นเรื่องแยกลีก-ถามแพลนบีรายได้500ล้านบ.ทีมไทยลีกได้เท่าไหร่
"บิ๊กฮั่น" รัวคำถามอีกชุด "ตอบได้ไหมที่ แพลนบี ไปหามา 500 ล้านบาท ทีมไทยลีกจะได้เท่าไหร่ หรือปกติในปีก่อนๆ สัดส่วนคือเท่าไหร่กันแน่" หลังไร้คำตอบจาก ส.บอลฯ ขณะที่คนวงการลูกหนังข้องใจ คนทำฟุตบอลปัตตานี เอฟซี ระบุ "ขอดูสัญญาของแพลนบีด้วยครับ" พร้อมฝากถึง "คุณวิโรจน์ก้าวไกล มาช่วยหน่อย"

จากกรณีที่มี 9 สโมสร เห็นด้วยกับ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในการที่จะแยกการแข่งขันไทยลีก2023-24 ออกจากอันเดอร์ของ ส.บอลฯ โดยเป็นการตั้งเป็นบริษัทใหม่ มีผู้ถือหุ้น 17 หุ้น เพื่อที่จะได้บริหารจัดการเรื่องสิทธิประโยชน์ภาพรวมลีกกันเอง ไม่ให้เป็นปัญหาเกี่ยวกับมูลค่าซึ่งตอนนี้กลายเป็น 0 บาทไปแล้ว ซึ่งแนวคิดดังกล่าวจะตกผลึกในการประชุมกับสภากรรมการ ส.บอล ในวันจันทร์ที่ 3 ก.ค.66 อีกครั้ง 

"บิ๊กฮั่น"มิตติ ติยะไพรัช ประธานที่ปรึกษา ลีโอ เชียงราย ได้โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจ  Miti Tiyapairat ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ไม่ชอบธรรม โดยเฉพาะเส้นทางเงิน รายได้ต่างๆของ ส.บอล ที่ไม่สามารถชี้แจงให้สโมสรสมาชิกได้รับทราบเลย โดยมีใจความว่า

"พวกเรามากันวันนี้เพื่อทำการปฏิวัติสมาคมฟุตบอล นี่คือ 1 ในประโยคเกริ่นถึงเหตุและผลของการประชุม 16 ทีมไทยลีกเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา การประชุมในวันนี้เรื่องหลักคือทางคุณเนวิน ต้องการนำเสนอให้ไทยลีกแยกตัวออกจากสมาคม โดยให้ 16 สโมสรบริหารกันเองตามหลักสากล"

"โดยทางสมาคมได้รับลูกมาก่อนประชุมแล้วจึงนำเสนอสไลด์ นำเสนอค่าใช้จ่ายของการจัดการแข่งขันลีกไทยทั้ง 3 ระดับ คือจำนวน 294.6 ล้านบาท ถ้าเฉพาะไทยลีก 1 คือจำนวน 165.8 ล้านบาท อันนี้คือค่าจัดการแข่งขันไม่รวมค่าใช้จ่ายที่จะเป็นเงินสนับสนุนทีมนะครับ หลังจากที่ได้เเสดงข้อมูล ทางสมาคมก็ยอมรับกับทางสมาชิกตรงๆ ว่าไม่มีเงิน โดยหาคนประมูลได้มูลค่าสูงสุดแค่ 50 ล้านบาท โดยข้อมูลนี้ก็เป็นที่รับทราบก่อนมาประชุมอยู่แล้ว ทางแกนนำอย่างคุณเนวินก็นำเสนอไอเดียการแยกลีก"

"ก่อนอื่นเลยคือผมสนับสนุนไอเดียการแยกลีก 100% ตามหลักสากล เพราะหนึ่งในสาเหตุหลักที่ผ่านมาคือเราไม่รู้เลยว่างบประมาณที่ทาง แพลนบี หามานั้นถูกนำไปใช้จ่ายอย่างไร ยังไม่รวมถึงข้อกังวลและนำเสนอ สมาคมไม่เคยชัดเจนกับเรื่องนี้ ผมขอสรุปประเด็นหลักๆ ที่หลายทีมนำมาถกกันดังนี้ครับ"

1. ก่อนที่จะแยกตัวสามารถนำเสนอได้หรือไม่ว่าสัดส่วนที่ปีนี้ T1 จะได้รับจากเงินที่แพลนบีไปหามา 500 ล้านจะได้ได้เท่าไหร่ หรือปกติในปีก่อนๆ สัดส่วนคือเท่าไหร่ ซึ่งประเด็นนี้ไม่มีคำตอบจากสมาคม 

2. เราจะแยกมาทั้ง 3 ลีก หรือแค่ T1 ประเด็นนี้ทางคุณเนวินได้เป็นตัวแทนและสรุปว่า เอาเฉพาะ T1 ส่วน T2,3 ให้สมาคมเอาไปดูแล เรา(T1) ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน 

3. การที่แยกตัวออกจากสมาคมจะทำให้เกิดการติดขัดหรือผิดกับข้อบังคับกับการรับการสนับสนุนจากภาครัฐหรือไม่สมาคมได้ตอบว่าเป็นเงินรางวัลและเป็นสัดส่วนที่น้อย 

4.การประชุมในรอบนี้ต้องตัดสินใจเลยหรือไม่เพราะข้อมูลและเหตุผลในการตัดสินใจนั้นไม่เพียงพอแกนนำในที่ประชุมได้ตอบว่าต้องรีบตัดสินใจ ต้องวันนี้ เพื่อเอาหลักการนี้ไปทำงานลงรายละเอียดต่อ"

5.การแยกลีกออกจากสมาคมควรมีการชี้แจงหรือเเสดงความรับผิดชอบให้กับสังคมหรือไม่ เพื่อถอดบทเรียนว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงผลักภาระให้กับสโมสรสมาชิกแบบปุบปับอย่างนี้ อีก 40 วันจะเริ่มเตะอยู่แล้ว 

6.วันนี้ฐานรากของฟุตบอลไทยจะเกิดอะไรขึ้น สมาคมยังมีความสามารถในการบริหารลีก 2,3 หรือไม่ ทำไมสโมสรเล็กๆ ไม่สามารถตัดสินใจหรือบริหารเองได้

"เหล่านี้คือประเด็นที่ถกกัน ซึ่งในส่วนตัวของผมเองนั้น คงไม่อาจก้าวล่วงการตัดสินใจของเพื่อนสโมสรสมาชิกได้ ผมยืนยันว่าลีกต้องแยกจากสมาคม แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ถูกต้องหรือไม่ นายกสมาคมจะอยู่ไม่ถึงจบลีกฤดูกาลนี้ด้วยซ้ำ 11 เสียงคือเห็นชอบในหลักการเพื่อให้รักษาการประธานไทยลีก ไปแจ้งต่อนายกและสภากรรมการในวันที่ 3 กรกฎาคม อีก 5 เสียงผมคงตอบแทนทุกคนไม่ได้ แต่พวกเราไม่ใช่ไม่เห็นชอบ แต่มันมีเวลาให้ตัดสินใจน้อยไป"

"เงิน 500 ล้านจะถูกนำไปใช้อย่างไรกับอีกแค่ไม่กี่เดือนของสมาคมชุดนี้ การโหวตประธานไทยลีกคนใหม่จะโปร่งใสหรือไม่หรือจะมีการลอบบี้กันเกิดขึ้นอีกครั้ง อย่าลืมว่าไทยลีกคือ  Core โปรดัก หรือผลิตภัณฑ์สร้างรายได้หลักของสมาคม"

"การนำไทยลีกแยกตัวออกมาจากสมาคมนั้นเป็นการกอดผลประโยชน์หลักไว้ แล้วทำให้นายกสมาคมคนต่อไปบริหารได้ยากหาเงินเข้าสมาคมได้น้อยลงหรือไม่ สถานการณ์วันนี้วิกฤติ แต่ผู้อำนาจมองเห็นปัญหามาก่อนแล้วปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้แล้วผลักภาระมาให้สมาชิกแก้ไขมันไม่ยุติธรรมครับ โดยเฉพาะกับก้อน 500 ล้านบาทที่ไม่ชี้แจงว่าไปทำอะไร"

"อุตสาหกรรมฟุตบอลไทยในวันนี้สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนกว่า 30,000 ล้านบาท จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย เราจะผ่านวิกฤตินี้ ต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน ทั้งทีมเล็ก ทีมใหญ่ วิสัยทัศน์ของสมาคมเปรียบอุตสาหกรรมฟุตบอลไทยเป็นภูเขาน้ำแข็ง วันนี้ฐานรากไม่แข็งแรง ยอดเขาจะมั่นคงได้อย่างไร การพัฒนาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน ตัวตึกหรือวัตถุ แต่นักกีฬาอดตาย การสร้างโค้ชให้เยอะ แต่สโมสรไม่มีเงินจ้าง มันจะมีประโยชน์อะไรครับ การลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณต้องถึงรากฐาน ถึงมือชาวบ้านคนฟุตบอล ผมอยากเห็นทุกคนกลับมาทำ มาดูฟุตบอลไทยอย่างมีความสุขอีกครั้ง"

ทั้งนี้มีสื่อโซเชียลได้มีการนำข้อความข่าวจากปี พ.ศ.2555 สมัยที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล คือ คุณวรวีร์ มะกูดี ซึ่งถูกตั้งคำถามจาก คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ว่า "ขอดูสัญญาที่ทาง ส.บอล ทำกับ บ.สยามสปอร์ต ได้หรือไม่ ว่ามีสัญญา กี่ปี และนอกจากนี้ยังมีรายอื่นอีกไหม" โดยที่นายกในขณะนั้น อย่าง วรวีร์ ตอบว่า "ดูได้ แต่ต้องทำหนังสือเป็นขั้นเป็นตอนเข้ามา ไม่ใช่มาขอดูเปล่าๆแบบนี้" ก่อนที่ 11 ปีให้หลังใน พ.ศ.2566 คุณมิตติ ติยะไพรัช จะเป็นผู้ตั้งคำถามบ้างว่า "ก่อนที่จะแยกตัวของไทยลีก สามารถนำเสนอได้หรือไม่ว่าสัดส่วนที่ปีนี้ T1 จะได้รับจากเงินที่แพลนบีไปหามา 500 ล้านบาท จะได้ ได้เท่าไหร่ หรือปกติในปีก่อนๆ สัดส่วนคือเท่าไหร่ ซึ่งประเด็นนี้ไม่มีคำตอบจากสมาคม" ซึ่งก็มีคอมเมนต์จากคนวงการฟุตบอล อย่าง ดร.อดินันท์ หวังพิทยา ของ ปัตตานี เอฟซี ได้ตั้งคำถามกับประเด็นนี้เหมือนกันว่า "ขอดูสัญญาของแพลนบีด้วยครับ" รวมถึงที่ว่า "คุณวิโรจน์ก้าวไกล มาช่วยหน่อย"


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X