แน่นทุกอณู!! บีจี ปทุม กับขุมกำลังที่ต้องแย่งกันลงสนาม

[ 1 ] ผู้รักษาประตู

   กิตติพงศ์ ภูแถวเชือก ครองมือหนึ่งของ บีจี ปทุม มาเกือบ 2 ฤดูกาล จากการที่ ฉัตรชัย บุตรพรม เจ้าของสัมปทานเดิมที่ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บยาว กระทั่งถูกส่งตัวไป ประจวบ เอฟซี เพื่อสัมผัสเกมและกลับมาเฝ้าเสาอีกครั้ง

   ดังนั้นฤดูกาล 2023-24 ฉัตรชัย จะกลับมาเป็นตัวเลือกแรกของกระต่ายแก้ว โดยมี กิตติพงศ์ สแตนด์บาย ซึ่งทั้งสองคนถือเป็นผู้รักษาประตูชั้นนำของเมืองไทย ไม่ว่าใครลงสนามก็สามารถสร้างความอุ่นใจให้แนวรับได้เช่นกัน

[ 2 ] เซนเตอร์ฮาล์ฟ

   หลังการแขวนสตั๊ดของ อันเดรส ตูเญส ทำให้ บีจี ปทุม เหลือปราการหลังตัวกลางประเภทผู้เล่นหลัก 3 ราย ได้แก่ จักพัน ไพรสุวรรณ, อีร์ฟาน ฟานดี้ และ ชนภัช บัวพันธ์ ดาวรุ่งวัย 19 ปี 

   แม้จะมีเซนเตอร์ฮาล์ฟระดับทีมชาติไทย และสิงคโปร์ ทว่ากระต่ายแก้วไม่นิ่งนอนใจ พวกเขาเลยจัดการคว้า เรนาโต้ เคลิช กองหลังชาวโครเอเชีย ที่พิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าเก่งกาจเพียงใดมาเพิ่มเติมความแข็งแกร่ง

   เท่านั้นไม่พอ วิคตอร์ คาร์โดโซ่ ก็ถูกดึงกลับมาอีกครั้ง ซึ่งหมอนี่มีประโยชน์ในเรื่องของการทำประตูอีกด้วย จากสถิติ 28 ประตู ใน 3 ฤดูกาลหลังสุด

   ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟของ บีจี ปทุม ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะพวกเขาได้ ชินภัทร ลีเอาะ มาจาก เชียงราย ยูไนเต็ด เพิ่มอีกราย นั่นจึงทำให้เวลานี้ เดอะ บลู แมชีน มีปราการหลังตัวกลางที่พร้อมใช้งานได้เลยถึง 6 คน

   ดังนั้นการแย่งชิงพื้นที่ตัวจริงจึงเข้มข้นมากๆ เนื่องจากแต่ละรายนั้นมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป และก็ต้องดูว่า ธงชัย สุขโกกี จะใช้แผนการเล่นแบบใด ด้วยตัวเลือกที่มากมายเช่นนี้

[ 3 ] ฟูลแบ็ก

   บีจี ปทุม ปล่อยผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ็กออกไปมากมาย ไล่ตั้งแต่ เอร์เนสโต้ ภูมิภา, ยูซูกิ มารุฮาชิ, สุวิทย์ ไปพรมราช, นาคิน วิเศษชาติ รวมไปถึง สหรัฐ ปองสุวรรณ ทำให้เหลือแต่นักเตะที่จำเป็นต้องใช้งานจริงๆ

   ฝั่งขวา สันติภาพ จันทร์หง่อม จองพื้นที่แน่ๆ โทษฐานที่ฟอร์มการเล่นอยู่ในมาตรฐานมาตลอด 3 ปี ในรั้ว บีจี สเตเดี้ยม แม้เกมรุกจะไม่เด่นนัก แต่เรื่องเกมรับ ไม่มีกองหน้าคนใดผ่านเขาไปได้โดยง่ายเลย

   ตำแหน่งนี้มี วาริส ชูทอง ผู้เล่นสารพัดประโยชน์วัย 19 ปี ที่จะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน เพราะได้ร่วมซ้อมกับนักเตะชั้นยอดในทัพกระต่ายแก้ว รวมไปถึง ไรฮาน สจ๊วร์ต กองหลังทีมชาติสิงคโปร์ ที่เพิ่งกลับมาจากการยืมตัว

   ส่วนฟากซ้าย เป็นพื้นที่ที่ต้องแย่งชิงกันระหว่าง อภิสิทธิ์ โสรฎา กับ วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร เป็นหลัก โดยมี ศรัณยวัฒน์ น้าประเสริฐ ดาวโรจน์ที่ไปฝึกฟุตบอลที่ เซเรโซะ โอซากะ เป็นอีกหนึ่งทางเลือก

   จากตัวผู้เล่นที่มี ฟูลแบ็กจึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ บีจี ปทุม ดูจะไม่โดดเด่นเท่าตำแหน่งอื่นๆ ซึ่งพวกเขาเองก็คงรู้ดี ดังนั้นพื้นที่ตรงนี้น่าจะเน้นความแน่นอนไว้ก่อน แล้วให้สตาร์ดังในแนวรุกสร้างสรรค์เกมมากกว่า

[ 4 ] กองกลาง

   จุดยุทธศาสตร์ของฟุตบอลยุคใหม่ หากสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในพื้นที่นี้ได้ โอกาสที่ทีมของคุณจะชนะย่อมเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย

   ฤดูกาลที่ผ่านมา บีจี ปทุม มี สารัช อยู่เย็น และ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล สองนักเตะตัวหลักทีมชาติไทย เป็นแกนกลาง พ่วงด้วย เชาว์วัฒน์ วีระชาติ นักเตะคลาสฟุตบอลดี, ณัฐพล วรสุทธิ์ รวมไปถึง ฉัตรมงคล ทองคีรี

   ด้วยผลงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ว่าแล้วกระต่ายแก้วจึงไปคว้า ชนาธิป สรงกระสินธ์ กัปตันทัพช้างศึกชุดปัจจุบันมาจาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ และเพลย์เมเกอร์ชาวนครปฐม ก็คงจะจองตำแหน่งตัวจริงแน่ๆ

   เท่านั้นไม่พอ ล่าสุดพวกเขายังได้ เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ กองกลางตัวรุกชาวคอสตาริกา มาเพิ่มอีก นั่นจึงทำให้การขับเคี่ยวในแผงมิดฟิลด์ค่อนข้างเข้มข้นไม่แพ้ตำแหน่งอื่นๆ ในทีม

   อย่าลืมว่ายังมี ณัฐพล วรสุทธิ์ และ ชินภัทร ลีเอาะ ผู้มาใหม่ก็สามารถขยับมายืนได้

   ตำแหน่งกองกลางของ บีจี ปทุม จึงเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่คาดเดาได้ยากว่า ธงชัย สุขโกกี จะจัดแผนการเล่นเช่นใด เพราะนักเตะที่มีนั้นศักยภาพล้นเหลือ ทั้งเกมรับและเกมรุก สัดส่วนพอๆ กัน ดังนั้นแท็กติกในแต่ละเกม น่าจะขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้ของพวกเขาเป็นหลัก

[ 5 ] กองหน้า

   อีกหนึ่งตำแหน่งที่เข้มข้นไม่แพ้เซนเตอร์ฮาล์ฟหรือกองกลาง เพราะแดนหน้าของ บีจี ปทุม เวลานี้มีนักเตะเกรดเอ เรียงหน้าพร้อมลงสนามได้ทุกราย

   ธีรศิลป์ แดงดา อาจจะวัย 35 แต่เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข เพราะมันสมองและสองเท้ายังยอดเยี่ยมอยู่ หากไม่เจ็บหรือติดโทษพักแข้ง ยังไงเสียอดีตหัวหอก อัลเมเรีย ก็เป็นตัวเลือกแรกที่โค้ชทุกคนต้องการ

   นอกจากนี้ อิ๊กห์ซาน ฟานดี้ ก็หายจากอาการบาดเจ็บและกลับมาฟิตเต็มถัง ซึ่งนั่นคือฝันร้ายสำหรับกองหลังทุกสโมสร รวมไปถึง พาทริก กุสตาฟส์สัน ดาวยิงเชื้อสายไทย-สวีเดน ที่กำลังเติบใหญ่ ทั้งยังได้ เจนรบ สำเภาดี กลับมาจากการยืมตัวที่ ลำพูน วอร์ริเออร์ส พ่วงด้วย สุรชาติ สารีพิมพ์ ที่สร้างประโยชน์ให้ทีมได้ทุกครั้งที่ลงสนาม

   ขนาดว่ามีเพชฌฆาตที่เก่งกาจอยู่แล้วถึง 5 คน แต่ถึงกระนั้น บีจี ปทุม ก็ยังไม่พอใจกับขุนพลที่มีอยู่ พวกเขาจึงไปคว้า ดานิโล่ อัลเวส หัวหอกเจ้าของสถิติ 25 ประตู จาก 2 ฤดูกาลใน ไทยลีก มาเพิ่มอีก 

   แต่ก็ยังไม่จบ เพราะพวกเขาปิดดีล อิกอร์ เซอร์เกเยฟ ศูนย์หน้าทีมชาติอุซเบกิสถาน มาเพิ่มอีกหนึ่งราย เท่ากับว่ามีผู้เล่นในตำแหน่งนี้ถึง 6 คน

   ด้วยความที่มีผู้เล่นประเภท 'หน้าเป้า' ล้วนๆ จึงน่าจะทำให้โอกาสที่กระต่ายแก้วจะเล่นระบบแนวรุกข้างบน 3 คน เป็นไปได้ยาก เว้นเสียแต่ว่าต้องขยับนักเตะที่พอจะออกไปด้านข้างได้ ซึ่งนั่นคงเป็นเรื่องที่ ธงชัย สุขโกกี ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากแต่ละคนก็มีจุดดี-จุดด้อยแตกต่างกันออกไป

   นี่คือตำแหน่งที่น่าหนักใจแทนกุนซือ บีจี ปทุม มากที่สุด เพราะแต่ละคนนั้นใกล้เคียงกันมากๆ 

   ธีรศิลป์ ก็เบอร์หนึ่งของประเทศ ประสบการณ์สูง ไม่ได้มีดีแค่ในการเล่นศูนย์หน้า หากแต่ยังสามารถสร้างโอกาสให้เพื่อนได้อีกด้วย

   อิ๊กห์ซาน ก็แข็งแรง, ยิงประตูเฉียบขาด, โดนเด่นทั้งภาคพื้นและกลางอากาศ อีกทั้งยังสามารถพลิกเกมได้ในเสี้ยววินาที

   ดานิโล่ ก็เป็นกองหน้าที่ฉลาดเป็นกรด การันตีจำนวนสกอร์ว่าจะมีอย่างน้อยๆ 10 ประตู ต่อซีซั่น ขึ้นอยู่กับโอกาสในการลงสนาม

   เซอร์เกเยฟ ผู้มาใหม่ยังต้องดูเรื่องการปรับตัวเข้ากับ ไทยลีก แต่จากดีกรีที่พกมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์ลีกอุซเบกิสถาน 4 สมัย, คาซัคสถาน อีก 1 สมัย รวมทั้งตนเองเคยเป็น ดาวซัลโวสูงสุดของ อุซเบ็ค ลีก (ลีกอุซเบกิสถาน) มาแล้ว น่าจะการันตีถึงว่ายังไงก็ 'ของจริง' แน่ๆ

   มันคือความระทมกบาลที่ 'โค้ชธง' ก็รู้ดี แต่เขาเองก็คงจะยินดีไม่น้อย เพราะนี่คือขุมกำลังที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพทุกตำแหน่ง มันจึงน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่าฤดูกาล 2023-24 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด