เศกสรร ศิริพงษ์ ภารโรง-ประธานฟุตบอลกำแพงเพชร เผยมุมมองคนทำลีกรากหญ้า ช่วงท้ายที่ผู้ถือสัญญาถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกไทยจะหมดลง เคยเสนอให้เตะพุธ-เสาร์-อาทิตย์ เพื่อให้การแข่งขันจบทันสัญญาถ่ายทอด เพื่อที่ ส.บอลฯ จะได้เงินหนุนงวดสุดท้ายราว 800 ล้านบาท แต่ก็ไม่เกิดผล เพราะ ส.บอล คงอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องผู้ถือลิขสิทธิ์
ทีมงานฟุตบอลสยามรายวัน สอบถาม เศกสรร ศิริพงษ์ โค้ชโปรไลเซนต์ที่ถือเป็นหนึ่งในบุคลากรฟุตบอลลีกภูมิภาคในยุคบุกเบิกซึ่งเป็นผู้สร้างสโมสรกำแพงเพชร เอฟซี ให้ยืนหยัดอยู่ในลีกรากหญ้านับตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน เป็นตั้งแต่ภารโรงยันประธานสโมสร ที่ได้เผยถึงมุมมองส่วนตัวที่เคยเสนอแผนให้ ส.บอลฯ ได้ไว้พิจารณาเกี่ยวกับเงินค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของเจ้าเดิมในช่วงท้ายสัญญา เพราะมองแล้วว่าหากมีการเปลี่ยนมือผู้ถือลิขสิทธิ์ ก็อาจจะเกิดปัญหากับสโมสรสมาชิกที่กลายเป็นปัญหาในทุกวันนี้
"ผมคิดว่าคนในวงการฟุตบอลรู้ว่าเงินนะมีครับ แต่อาจจะติดปัญหาอยู่ ยิ่งทีมในไทยลีก3อย่างทีมผมและทีมอื่นๆผมก็คิดว่าตอนนี้ก็ลำบากจริงๆ เมื่อฟุตบอลมันไม่บูมเหมือนแต่ก่อน"
"ยุคของท่าน พล.ต.อ.ดร.สมยศ มาสมัยแรก ดีกว่ายุคก่อนหน้าท่าน โดยเฉพาะการที่เขาเอาเงินกองทุนจากฟีฟ่ามาใช้กับสโมสรและแจกแจงได้หมดว่าเอาไปใช้อย่างไรบ้าง"
"ส่วนสิ่งที่วิกฤตมันไม่ได้อยู่ที่โควิด-19 ผมมองว่ามันอยู่ที่การเปลี่ยนเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากเจ้าเดิมที่อยู่ในรอยต่อระหว่างยุคก่อนหน้ามาถึงยุคของ พล.ต.อ.ดร.สมยศ จังหวะที่เจ้าแรกจะหมดสัญญา คือฟุตบอลยังต้องแข่งต่อ ที่นี่ตอนนั้นก็คิดกันว่าจะทำอย่างไร ผมเสนอว่าให้เตะพุธ-เสาร์-อาทิตย์ ให้จบฤดูกาลให้ทันก่อนสัญญาเดิมจะหมด ที่ประชุมเขาก็แค่ฟัง แต่เขาไม่เอาด้วยอยู่แล้ว มองกันว่าเดี๋ยวฟุตบอลไม่สนุก นักเตะกรอบ ก็นักเตะในทีมนึงมันมีเกือบ 40 คน ก็หมุนเอาได้ และอีกอย่างมันก็อยู่ที่ความสามารถของโค้ชจะบริหารจัดการยังไงในช่วงสั้นๆเพื่อที่เราจะได้แข่งให้จบสัญญาเดิม พอแข่งไม่ทัน เลยสัญญาเดิมออกไป เจ้าเดิมเขาก็ไม่จ่ายงวดสุดท้ายอีกกว่า 800 ล้านบาท เพราะถือว่าผิดสัญญา แต่ก็มามองกันว่า ส.บอลฯ คงต้องการที่จะเปลี่ยนผู้ถือลิขสิทธิ์อยู่แล้วด้วย"