ตลาดซื้อ-ขายผู้เล่นเปิดฉากอย่างเต็มตัว และหลายๆ สโมสรในเมืองไทย ต่างก็ขยับจับจ่ายกันไปบ้างแล้ว แต่นักเตะที่ 'SIAMSPORT' อยากนำเสนอในวันนี้คือ 'คนที่กำลังตกเป็นข่าว' (โควตาต่างชาติ) กับทีมต่างๆ ว่าแล้วเราจึงไปค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเอามาแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
1 รามิล เชย์ดาเยฟ (กองหน้า)
เป็นข่าวกับ: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ศูนย์หน้าตัวเป้าผู้พกดีกรีทีมชาติอาเซอร์ไบจาน และถูกร่ำลือว่ามีค่าจ้างสูงมาก แต่นั่นก็เพราะเขายิงในลีกไป 22 ประตู จาก 35 เกม พร้อมกับคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุด
เชย์ดาเยฟ มีคุณพ่อเป็นชาวรัสเซีย ส่วนคุณแม่เป็นคนอาเซอร์ไบจาน ซึ่งครอบครัวของเขาตั้งรกรากกันที่ เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก เมืองใหญ่อันดับ 2 ของรัสเซีย
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เขาเติบโตมากับทีมเยาวชน เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และก็เล่นให้ทีมชาติรัสเซีย ตั้งแต่ยู-16, 17, 18, 19 และ 21 ปี
โดยเฉพาะตอนอยู่ในรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เขาคือแกนหลักของทีมหมีขาวชุดแชมป์ยุโรป เมื่อปี 2013 ซึ่งนัดชิงเอาชนะอิตาลี ในการดวลลูกจุดโทษ
ส่วนสัญญาอาชีพฉบับแรกเขาก็เซ็นกับ เซนิต นี่แหละ แต่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนัก ทำให้ต้องย้ายไปหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็นตุรกี หรือสโลวาเกีย กระทั่งมาอยู่กับ คาราบัก สโมสรใหญ่ของอาเซอร์ไบจาน หนแรกเมื่อปี 2017 ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในปี 2021
ปัจจุบัน เชย์ดาเยฟ อายุ 27 ปี ซึ่งถือเป็นวัยที่กำลังอยู่ในช่วงพีกของผู้เล่นในตำแหน่งหัวหอก
แม้ว่าเขาจะสูงถึง 1.87 เมตร แต่หมอนี่ไม่ได้เป็นศูนย์หน้าประเภทรอยิงอย่างเดียว หากแต่ความสามารถเฉพาะตัวของเพชฌฆาตเชื้อสายรัสเซีย นั้นจัดว่าจัดจ้านทีเดียว เพราะเขาสามารถลากเลื้อยด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีความว่องไวไว้ฉีกกระชากหนีแนวรับคู่ต่อสู้เช่นกัน
หากว่า บุรีรัมย์ ได้ลายเซ็นของ เชย์ดาเยฟ มาจริง รับประกันได้เลยว่าทีมปราสาทสายฟ้าจะกลายเป็นที่สยองของกองหลังฝั่งตรงข้ามอย่างแน่นอน
2 โนโบรุ ชิมูระ (กองกลาง)
เป็นข่าวกับ: การท่าเรือ เอฟซี
มิดฟิลด์ชาวญี่ปุ่น แต่ไปเล่นอาชีพที่ยุโรป ยาวนานกว่า 8 ปี โดยส่วนใหญ่อยู่กับสโมสรในลีกมอนเตเนโกร กับเซอร์เบีย ซึ่งเจ้าตัวก็ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ แถมยังเคยคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย ร่วมกับ ซุตเยสก้า นิคซิช (มอนเตเนโกร) มาแล้วด้วย
ตำแหน่งถนัดของ ชิมูระ คือกองกลางตัวรับ แต่เขาก็สามารถปรับไปยืนได้ทุกพื้นที่ในแนวรับของสนาม ด้วยความที่เก่งกาจในเรื่องการอ่านเกม อีกทั้งยังเป็นนักเตะที่เข้าสกัดแม่นยำ มันจึงทำให้เล่นได้หลากหลาย ตามแต่แท็กติกของโค้ชจะวางไว้
แม้ดีกรีจะไม่โดดเด่นนัก แต่เรื่องคุณประโยชน์ของเขาถือว่าน่าสนใจ เมื่อบวกกับความเป็นคนญี่ปุ่น ที่ระเบียบวินัยสูงลิ่ว หากเซ็นสัญญากับ การท่าเรือ จริงๆ ชิมูระ ก็น่าจะเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่สิงห์เจ้าท่าขาดหายได้ไม่ยาก
3 เมห์ดี้ แตร์กี้ (กองกลาง)
เป็นข่าวกับ: ราชบุรี เอฟซี
กองกลางเทคนิคสูง ผู้เกิดที่ฝรั่งเศส แต่ด้วยความที่ครอบครัวเป็นชาวแอลจีเรีย ทำให้ถูกเรียกตัวติดทัพนักรบทะเลทรายรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี มาแล้ว
แน่นอนว่าการที่เจ้าตัวเติบโตที่ฝรั่งเศส เส้นทางฟุตบอลอาชีพของ แตร์กี้ ย่อมเริ่มต้นกับสโมสรในประเทศเคียงใกล้ เขาเซ็นสัญญาอาชีพกับ มงส์ สโมสรในลีกเบลเยียม ก่อนไปต่อที่ เกนต์ และตามด้วย เดนแดร์ ก่อนจะไปเล่นที่แอลจีเรีย ในปี 2013 กับ คอนสแตนติน
อย่างไรก็ตาม เขากลับมา เดนแดร์ อีกครั้งในปี 2014 แต่หนนี้ฟอร์มเด่นจัดชัดแจ๋ว เมื่อลงเล่นต่อเนื่อง 2 ซีซั่น และทำสถิติเด่นด้วยตัวเลข 64 นัด บวกกับยิงไป 14 ประตู
ผลงานของ แตร์กี้ พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนได้ย้ายไปทีมใหญ่ของเบลเยียม อย่าง โลเคเร็น และก็อยู่ที่นั่น 3 ฤดูกาล ลงสนาม 97 เกม ยิงได้ 7 ลูก ก่อนจะโยกสู่ ซานธี ทีมในลีกกรีซ ซึ่งก็เป็นตัวหลักอีกเช่นเคย
แม้จะไม่ได้เล่นให้ทีมใหญ่ แต่ทุกสโมสรที่ แตร์กี้ ร่วมทัพ เขาจะเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ ด้วยทักษะลูกหนังอันเอกอุ บวกกับวิสัยทัศน์การจ่ายบอลที่สามารถพลิกสถานการณ์ของเกมได้ในชั่วพริบตา มันจึงน่าสนใจว่าถ้า ราชบุรี ได้ตัวมา ราชันมังกรจะอันตรายมากขึ้นเพียงใด
4 คิม มิน-ฮย็อค (เซนเตอร์ฮาล์ฟ)
เป็นข่าวกับ: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ปราการหลังเจ้าของส่วนสูง 1.87 เมตร ผู้มาพร้อมความดุดัน, ปราดเปรียว, เข้าสกัดหนักหน่วงและที่สำคัญคือผ่านประสบการณ์สุดโชคโชนทั้ง เคลีก และ เจลีก สองลีกที่มีมาตรฐานอยู่ในระดับท็อปของทวีปเอเชีย
ในวัยเด็ก ตอนอายุ 16 ปี - มิน-ฮย็อค ถูกสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ ส่งตัวไปฝึกฟุตบอลกับ ฮัมบวร์ก สโมสรดังของ บุนเดสลีกา เยอรมัน มาแล้ว ก่อนจะนำวิชาที่ได้มา ไปเซ็นสัญญาอาชีพกับ ซากัน โตซึ ทีมจาก เจลีก ญี่ปุ่น
เขาอยู่กับ ซากัน ได้ 5 ฤดูกาล ลงสนามไปกว่า 145 เกม และยังได้เล่นร่วมกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติสเปน อีกด้วย
พอหมดสัญญากับ ซากัน - มิน-ฮย็อค ย้ายกลับเกาหลีใต้ โดยมีปลายทางคือ ชนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส และตลอด 3 ซีซั่น เขาก็ได้แชมป์ เคลีก ร่วมกับทีมนักรบเกราะเขียวทั้ง 3 ปี นั้นเลย ก่อนจะโยกไป เซืองนัม เอฟซี ในเวลาต่อมา
ส่วนในนามทีมชาติ เขาเคยอยู่ในทัพโสมขาวชุดคว้าแชมป์ศึกชิงแชมป์เอเชียตะวันออก (อีเอเอฟเอ คัพ) เมื่อปี 2015
มิน-ฮย็อค เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่น่าสนใจว่าถ้าย้ายมาเล่นกับ บุรีรัมย์ ซึ่งเกมรับแข็งแกร่งอยู่แล้ว พวกเขาจะเก่งขึ้นไปอีกเท่าตัวทีเดียว เพราะตอนนี้ที่มีอยู่อย่าง เรบิน ซูลาก้า, ดิออน คูลส์ และ พรรษา เหมวิบูลย์ ก็หาทีมไหนเทียบเทียมได้