ไทยลีก 2022-23 เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของฤดูกาล โดยที่มีถึง 5 ทีม ที่ต้องหนีตกชั้น ดังนั้นกับอีก 2 เกม ที่เหลืออยู่ สุโขทัย เอฟซี, ประจวบ เอฟซี, ลำพูน วอริเออร์, นครราชสีมา เอฟซี และ ขอนแก่น ยูไนเต็ด สโมสรใดจะต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ 'SIAMSPORT' ขอพาคุณไปเช็คข้อมูลถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้!!
[ 1 ] สุโขทัย เอฟซี (อันดับ 10)
ทีมค้างคาวไฟถือไพ่ได้เปรียบคู่แข่งที่เหลืออยู่ทั้งหมด เพราะมีแต้มห่างจาก ขอนแก่น ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่อันดับ 14 ถึง 5 คะแนน ดังนั้นผลเสมอก็น่าจะทำให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัยได้สำเร็จ
ผลงานในระยะหลังของ สุโขทัย ก็ค่อนข้างดี 4 เกม หลังสุดไม่แพ้ใครเลย แถมล้มทีมใหญ่อย่าง ชลบุรี เอฟซี กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในรังของตัวเองมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม โปรแกรมที่เหลืออยู่ของทัพค้างคาวไฟก็สาหัสสากรรจ์ไม่น้อย เพราะต้องเผชิญหน้ากับทีมที่ดิ้นรนหนีตกชั้นเช่นเดียวกัน ทั้ง ลำพูน วอริเออร์ และ ประจวบ เอฟซี ซึ่งมีโอกาสพลิกผันได้เลย หากว่าพวกเขาเป็นฝ่ายปราชัยทั้ง 2 นัด
จุดที่ดูจะโอเคหน่อยคือการที่พวกเขาจะได้เล่นที่ ทะเลหลวง สเตเดี้ยม พบทีมราชันโคขาวในแมตช์หน้า ซึ่งถ้าชนะคือรอดทันที แต่ถ้าแพ้คือต้องไปลุ้นกันในเกมปิดฤดูกาล
คีย์แมน: จอห์น บาจโจ้ แนวรุกทีมชาติมาดากาสการ์ ที่กลับมาฟอร์มร้อนแรงอีกครั้งกับการยิงประตูได้ 2 นัดติด และความแข็งแกร่งของ ศฤงคาร พรหมศุภะ เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ทุ่มเทเกินร้อยเพื่อทีมเสมอ
โปรแกรมที่เหลืออยู่: ลำพูน วอริเออร์ (เหย้า), ประจวบ เอฟซี (เยือน)
[ 2 ] ประจวบ เอฟซี (อันดับ 11)
ก่อนจะถึงสัปดาห์ที่ 25 - ประจวบ ค่อนข้างร่อแร่ แต่จุดเปลี่ยนคือการบุกไปถล่ม ขอนแก่น ยูไนเต็ด 3-0 ทำให้จากนั้นพวกเขาค่อยๆ ดีขึ้น กระทั่งมารั้งอันดับ 11 ได้อย่างเหนียวแน่นด้วยฟอร์มชนะ 3 จาก 5 เกมหลังสุด
ทว่าการที่ก่อนหน้านั้นทีมต่อพิฆาตผลงานไม่ค่อยดีนัก ทำให้แต้มของพวกเขาอยู่เหนือโซนตกชั้นแค่ 4 คะแนน ซึ่งเท่ากับว่าอีก 2 แมตช์ ที่เหลืออยู่ยังต้องลุ้นกันนัดต่อนัด
ข้อได้เปรียบของ ประจวบ คือการที่พวกเขาจะเจอกับ ลำปาง เอฟซี ที่หล่นสู่ ไทยลีก 2 แน่นอนแล้ว ซึ่งแรงจูงใจคงมีไม่มากเท่าลูกทีมของ ดุสิต เฉลิมแสน ที่ต้องพยายามสุดฤทธิ์เพื่อคว้า 3 แต้มให้ได้
ดังนั้นเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2022-23 ที่จะเปิด สามอ่าว สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ สุโขทัย เอฟซี นี่แหละจะเป็นตัวชี้วัดว่าทัพต่อพิฆาตจะได้ไปต่อหรือกลับสู่ลีกรองในซีซั่นหน้า
คีย์แมน: ซามูเอล โรซา รองดาวซัลโว ไทยลีก คนปัจจุบัน กับการซัด 16 ประตู โดย 5 นัดหลังสุดก็ยิงไป 5 ลูก ถ้าหากศูนย์หน้าชาวบราซิล ยังรักษามาตรฐานไว้ได้ ประจวบ ก็น่าจะอยู่รอดเช่นกัน
โปรแกรมที่เหลืออยู่: ลำปาง เอฟซี (เยือน), สุโขทัย เอฟซี (เหย้า)
[ 3 ] ลำพูน วอริเออร์ (อันดับ 12)
หากจะว่าไป ลำพูน คือทีมที่มีโปรแกรมหนักหน่วงที่สุดในบรรดากลุ่มหนีตกชั้น เพราะพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ สุโขทัย เอฟซี คู่แข่งในโซนสีแดงเช่นกัน แถมนัดสุดท้ายของฤดูกาลยังมี การท่าเรือ เอฟซี ที่ลุ้นตั๋ว เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มาเยือนอีกต่างหาก
ข้อได้เปรียบของทัพราชันโคขาวคือการที่มี อเล็กซานเดร กามา เป็นเฮดโค้ช ซึ่งกุนซือชาวบราซิล เก่งกาจเรื่องเล่นเพื่อเอาผลการแข่งขันอยู่แล้ว และการค่อยๆ นำทีมที่อยู่ในกลุ่มล่างของตารางกลับมาสูดอากาศได้อย่างโล่งใจในปัจจุบันคือเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาน่าจะอยู่รอด
นอกจากเหนือจากนั้น ฟอร์มในบ้าน 3 นัด หลังสุด ลำพูน ยังชนะรวดอีกต่างหาก ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้พวกเขามั่นใจเมื่อเล่นต่อหน้าแฟนๆ
อย่างไรก็ตาม จุดที่ต้องระวังคือการที่พวกเขามีสถิติ เฮด ทู เฮด เป็นรองทั้ง ขอนแก่น ยูไนเต็ด, ประจวบ เอฟซี และ และเท่ากับ นครราชสีมา ส่วน สุโขทัย นั้นต้องวัดกันในนัดหน้า
ดังนั้นเท่ากับว่าถ้าแต้มของทัพราชันโคขาวเท่ากับทีมใดทีมหนึ่งในกลุ่มหนีตกชั้นด้วยกัน ลำพูน จะเสียเปรียบทันที
คีย์แมน: หม่อง หม่อง ลวิน แนวรุกทีมชาติเมียนมาร์ ที่เป็นกำลังสำคัญมาตั้งแต่ ไทยลีก 2 - นักเตะคนนี้คือคนที่ทำงานหนักและพร้อมทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อให้ทีมได้รับชัยชนะ
โปรแกรมที่เหลืออยู่: สุโขทัย เอฟซี (เยือน), การท่าเรือ เอฟซี (เหย้า)
[ 4 ] นครราชสีมา เอฟซี (อันดับ 13)
หลังจากแยกทางกับ เควิน แบล็คเวลล์ แล้วหันมาใช้บริการ ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ฟอร์มการเล่นของ นครราชสีมา ก็ดีขึ้นทันตาเห็น แต่ผลพวงจากการไร้ชัย 4 นัด ติดต่อกัน ทำให้พวกเขาสุ่มเสี่ยงที่จะตกชั้นอีกครั้ง
ปัจจุบันทัพแมวพิฆาตมีแต้มเท่ากับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่อันดับ 14 (พื้นที่ตกชั้น) ที่ 29 คะแนน เพียงแต่ลูกได้-เสียดีกว่า โดยที่ เฮด ทู เฮด เท่ากัน ดังนั้นอีก 2 นัดที่เหลือต่อจากนี้พวกเขาจำเป็นต้องได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ แถมต้องลุ้นให้ทีมอื่นๆ อีกต่างหาก
แม้ว่าแมตช์ต่อไปจะไม่ใช่งานหนักนัก เพราะเปิดบ้านรับมือ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่อยู่รอดปลอดภัยแน่นอนแล้ว แต่ความเหนื่อยยากของ นครราชสีมา อยู่ที่นัดปิดท้าย ซึ่งต้องบุก ช้าง อารีน่า ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการฉลองแชมป์ด้วยชัยชนะ
ดังนั้นเกมชี้วัดว่าพวกเขาจะได้ไปต่อใน ไทยลีก 2023-24 หรือไม่ อยู่ที่ โปลิศ เทโร ถ้าหากไม่มีแต้ม โอกาสที่ทีมแมวพิฆาตจะต้องหล่นร่วงสู่ลีกรองก็จะสูงลิ่วเลยทีเดียว
คีย์แมน: คริสลัน หัวหอกเลือดบราซิล ที่เพิ่งย้ายมาเล่นในเลกที่สอง แต่ยิงไปแล้ว 6 ประตู จาก 12 เกม คือความหวังสูงสุดของพวกเขา โดยมี ทีรอนน์ เดล ปีโน่ เพลย์เมเกอร์ชาวสเปน ซึ่งเป็นดาวซัลโวของทีมคอยสนับสนุน
โปรแกรมที่เหลืออยู่: โปลิศ เทโร เอฟซี (เหย้า), บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (เยือน)
[ 5 ] ขอนแก่น ยูไนเต็ด (อันดับ 14)
แม้ว่า ขอนแก่น จะอยู่อันดับ 14 ของตาราง ซึ่งถ้าจบแบบนี้คือหล่นสู่ ไทยลีก 2 แต่ด้วยโปรแกรมในมือที่เหลืออีก 2 นัด พวกเขาจะได้เล่นในบ้าน ดังนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเองแล้วว่าจะทำผลงานได้ดีเพียงใด
จริงๆ ทัพจงอางผยองไม่น่าจะมาจมอยู่โซนนี้ แต่ด้วยการที่แพ้ไป 4 จาก 5 เกม หลังสุด มันเลยฉุดให้พวกเขาต้องมาดิ้นรนหนีตายในช่วงท้ายฤดูกาล ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่นักเตะต่างชาติทยอยกันบาดเจ็บ จนส่งผลกระทบต่อภาพรวม
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบโปรแกรมที่เหลืออยู่กับทีมในโซนสีแดง ถือว่า ขอนแก่น งานไม่หนักนัก กับการพบ หนองบัว พิชญ เอฟซี และ แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ไม่มีผลใดๆ แล้วในลีก โดยที่ทั้งสองเกมคือเล่นในรังของตนเอง
ทีนี้ขึ้นอยู่ที่ว่าพวกเขาจะกำหนดชะตาของตัวเองได้หรือไม่ หากชนะได้ทั้ง 2 นัดที่เหลือ คือรอดตกชั้นแน่นอน แต่ถ้าเกิดสะดุด อันนี้คงต้องลุ้นว่าทีมอื่นๆ จะสะดุดตามด้วยหรือเปล่า
คีย์แมน: ชอง ฮัน-โชล กองหลังดาวซัลโวของทีมที่นอกจากจะยิงประตูสำคัญได้บ่อยครั้ง เรื่องของเกมรับ เมื่อมีเขา ขอนแก่น ก็มักจะทำผลงานได้ดีเสมอ
โปรแกรมที่เหลืออยู่: หนองบัว พิชญ เอฟซี (เหย้า), แบงค็อก ยูไนเต็ด (เหย้า)