บุรีรัมย์ กับเส้นทางสู่ 3 แชมป์ที่ 'ไม่ง่าย' เหมือนที่ผ่านมา

บุรีรัมย์ กับเส้นทางสู่ 3 แชมป์ที่ 'ไม่ง่าย' เหมือนที่ผ่านมา
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงแข็งแกร่งสมกับเป็นสโมสรอันดับ 1 ของประเทศในปัจจุบัน หลังคว้าแชมป์ ไทยลีก 2022-23 ตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล แถมยังทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ช้าง เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ อีกรายการ

   เท่ากับว่าปราสาทสายฟ้ากำลังเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่กับการเป็น 'เทรเบิ้ลแชมป์' หนที่ 5 ซึ่งถือเป็นสถิติที่ยากต่อการทัดเทียม

   ก่อนหน้านี้พวกเขาคว้า 3 แชมป์ มาแล้วในฤดูกาล 2011, 2013, 2015 และ 2021-22 โดยสี่หนที่ทำได้ บุรีรัมย์ ปราบทีมใหญ่มาแล้วมากมาย

   นับเฉพาะฟุตบอลถ้วย ในรอบชิงชนะเลิศ ผลการแข่งขันมีดังนี้

   2011 - ชนะ เมืองทอง 1-0 (เอฟเอ คัพ), ชนะ การท่าเรือ เอฟซี 2-0 (ลีก คัพ)

   2013 - ชนะ บางกอกกล๊าส (บีจี ปทุม) 3-1 (เอฟเอ คัพ), ชนะ ราชบุรี 2-1 (ลีก คัพ)

   2015 - ชนะ เมืองทอง 3-1 (เอฟเอ คัพ), ชนะ ศรีสะเกษ 1-0 (ลีก คัพ)

   2021-22 - ชนะ นครราชสีมา 1-0 (เอฟเอ คัพ), ชนะ ประจวบ 4-0 (ลีก คัพ)

   คือแต่ละครั้งพวกเขาฝ่าด่านหินจริงๆ กว่าจะได้ครองแชมป์ ซึ่งนั่นคือความยอดเยี่ยมของ บุรีรัมย์ ที่สามารถทำได้สำเร็จ

   แม้จะได้รับการยกย่องถึงความไร้เทียมทาน แต่ก็ใช่ว่าปราสาทสายฟ้าจะได้แชมป์ทุกครั้งที่เข้าชิง เพราะก็ยังมีหลายๆ ซีซั่นที่ต้องปราชัยในบั้นปลาย

   พวกเขาอกหักจาก เอฟเอ คัพ ในปี 2018 ขณะที่ ลีก คัพ ก็ได้เป็นเพียงพระรองในฤดูกาล 2010, 2014 และ 2019 

   ดังนั้นการที่ บุรีรัมย์ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นแชมป์ได้ทุกครั้งไป

   เช่นเดียวกับ 2 ถ้วยที่เหลืออยู่ในซีซั่น 2022-23 ที่จะต้องเผชิญหน้ากับสโมสรชั้นนำของประเทศอย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทั้งสองคือทีมที่อุดมไปด้วยผู้เล่นคุณภาพไม่ต่างจากปราสาทสายฟ้าเลยสักนิด

   เรียกได้ว่าเหลื่อมกันเพียงเศษเสี้ยว พลาดครั้งเดียว สามารถชี้วัดผลการแข่งขันได้ทันที

   ในถ้วย เอฟเอ คัพ จะเตะกันในวันที่ 20 พฤษภาคม หรือนับจากนี้ไปอีกเกือบเดือน ซึ่งเป็นโปรแกรมหลัง ไทยลีก ปิดฉากลงไปแล้ว ซึ่งทำให้ทั้ง แบงค็อก และ บุรีรัมย์ ต่างก็มีเวลาตระเตรียมกันก่อนแข่งพอสมควร

   ความยากของปราสาทสายฟ้า คือเวลานี้บียูค่อนข้างลงตัวมาก โดยเฉพาะแนวรุกที่จัดจ้านสุดขีด ไม่ว่าจะเป็น เฮแบร์ตี้, วานแดร์ ลุยซ์, วิลเลน โมต้า และ มะห์มู๊ด ดาฮัดดา ทั้ง 4 คนนี้คือคีย์แมนที่ทำให้พวกเขาพร้อมจะลงโทษคู่ต่อสู้ได้ทุกวินาที เนื่องจากแต่ละรายนั้นพิษสงรอบตัว

   แบงค็อก ไม่ได้ยอดเยี่ยมแค่เกมบุก เพราะแนวรับของแข้งเทพก็ถือว่าเก่งกาจที่สุดในลีก ณ ปัจจุบัน กับการเสียไปเพียง 19 ประตู ซึ่งถือว่าน้อยที่สุด และนั่นคือสถิติที่ดีกว่า บุรีรัมย์ ด้วยซ้ำ

   ที่สำคัญ ในการพบกันหนล่าสุด พวกเขาเป็นฝ่ายเอาชนะปราสาทสายฟ้าไปได้ในเกมสุดมัน ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง

   เท่านั้นไม่พอ นัดชิงชนะเลิศดันแข่งกันที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-รังสิต ซึ่งเป็นรังเหย้าของ แบงค็อก อีกต่างหาก

   เท่ากับว่าบียูได้เปรียบในเรื่องความคุ้นชินกว่า บุรีรัมย์ พอสมควรเลยทีเดียว

   ขณะที่ ลีก คัพ จะแข่งขันในวันที่ 28 พฤษภาคม หรือให้หลังจากนัดชิง เอฟเอ คัพ ราวๆ 1 สัปดาห์ และคู่ต่อสู้ของปราสาทสายฟ้าก็คือ บีจี ปทุม ที่อาจจะย่ำแย่ในลีก แต่ก็ไม่มีใครกล้าประมาททีมกระต่ายแก้วได้เช่นกัน

   มันคือความหวังเดียวที่เหลืออยู่ในซีซั่น 2022-23 ของ เดอะ บลู แมชีน อดีตแชมป์ ไทยลีก 2020-21 ดังนั้นพวกเขาจะต้องทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อคว้าถ้วยใบนี้มาครองให้ได้

   นี่คือการรี-แมตช์คู่ชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2013 โดยตอนนั้น บีจี ปทุม ยังใช้ชื่อ บางกอกกล๊าส โดยครั้งนั้น บุรีรัมย์ เอาชนะกระต่ายแก้วไป 3-1

   แม้ว่าคะแนนในลีกจะห่างกันครึ่งต่อครึ่ง (บุรีรัมย์ 70 - บีจี ปทุม 35) แต่เมื่อเทียบศักยภาพของตัวผู้เล่น ต่างฝ่ายต่างอยู่ในระนาบเดียวกัน

   ตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า ทั้งสองฝั่งอุดมไปด้วยนักเตะทีมชาติไทย ส่วนโควตาต่างชาติก็คือระดับท็อปของประเทศล้วนๆ 

   สิ่งที่น่าสนใจคือการวัดกันระหว่าง ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงอันดับหนึ่งของสยามประเทศ กับ ศุภชัย ใจเด็ด ผู้ถูกคาดหมายว่าจะก้าวมารับไม้ต่อในฐานะ 'ความหวัง' ของทัพช้างศึกในอนาคตข้างหน้า

   ด้วยความที่ บีจี ปทุม เหลือให้ลุ้นเพียงรายการเดียว มันจึงทำให้ความมุ่งมั่นของพวกเขาสูงลิ่ว ดังนั้นการที่ บุรีรัมย์ จะผ่านเข้าไปคว้าแชมป์คงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งจริงๆ

   ฤดูกาล 2022-23 ของปราสาทสายฟ้าอาจจะจองถ้วย ไทยลีก ไปแล้ว แต่อีก 2 ใบ ที่เหลืออยู่ ถือเป็นงานที่สาหัสสากรรจ์ของพวกเขา 

   แต่ถ้าทำสำเร็จ นอกจากสถิติที่ยากต่อสโมสรใดทัดเทียม - มันยังเป็นการประกาศให้ทั้งประเทศรับรู้โดยทั่วกันว่า บุรีรัมย์ ไร้เทียมทานไปอีกยาวนาน

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport