โทรฟี่ ไทยลีก 8 ใบ, เอฟเอ คัพ 5 ใบ, ลีก คัพ 6 ใบ, พระราชทาน ก. 4 ใบ, ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 1 ใบ และ แม่โขง คัพ อีก 2 ใบ ถือถ้วยรางวัลที่โชว์สง่าอยู่ในสนาม ช้าง อารีน่า
มันคือความสำเร็จของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สะสมมาตั้งแต่ปี 2011 และก็ไล่เก็บเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน
คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าปราสาทสายฟ้าคือสโมสรอันดับหนึ่งของสยามประเทศ ณ เวลานี้
องค์ประกอบของความสำเร็จที่พวกเขาทำได้ มาจากการบริหารที่เอาจริงเอาจัง อีกทั้งยังกระหายต่อชัยชนะในทุกๆ ฤดูกาลแข่งขัน และที่สำคัญคือการมีผู้เล่นชั้นนำอยู่ในทีมตลอดเวลา
นักเตะไทย และนักเตะต่างชาติของ บุรีรัมย์ ต่างผ่านการพาสเจอไรซ์กันแบบดิบดี ผ่านขั้นตอนคัดกรองโดยละเอียดถี่ถ้วน กว่าจะได้สวมใส่อาภรณ์สีกรมท่าที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง
แน่นอนว่าอาจจะมีบ้างที่หน่วยแมวมองของปราสาทสายฟ้าทำงานผิดพลาด แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติบนโลกมนุษย์ที่ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
กว่า 13 ปี ที่พวกเขาโลดแล่นในลีกสูงสุดของเมืองไทย มีผู้เล่นหลายร้อยรายที่ลงสนามรับใช้สโมสร ทว่ามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ยังยืนหยัดและเป็นขุนพลคนสำคัญของความสำเร็จทุกรายการที่ บุรีรัมย์ ได้รับ
ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน คือคนๆ นั้น
เด็กหนุ่มชาวนครราชสีมา อยู่กับปราสาทสายฟ้ามาตั้งแต่ตอนที่ตนเองอายุ 26 กระทั่งทุกวันนี้เข้าสู่วัย 39 ปี แต่เขาก็ยืนหยัดอยู่ยงคงกระพันด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม
แม้จะทำได้เพียง 5 คลีนชีต ใน ไทยลีก 2022-23 แต่นั่นมาจากการที่เจ้าตัวต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บในช่วงปลางเลกแรก จนทำให้ไม่ได้เล่นเลย
แม้ผู้รักษาประตูดาวรุ่งอย่าง นพพล ละครพล ที่มาแทนจะทำผลงานได้น่าพอใจ กับการเก็บไปถึง 7 คลีนชีต ซึ่งทำท่าว่าจะไปได้สวย แต่ทันทีที่ ศิวรักษ์ ฟิตสมบูรณ์ เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นมือหนึ่งของทีมอยู่ดี
แม้จะอายุใกล้จะ 40 ซึ่งเป็นวัยที่หลายๆ คนหันไปมุ่งมั่นกับทางโค้ชหรือไม่ก็หันเหไปเส้นทางอื่น ทว่าจอมหนึบคนนี้ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างสม่ำเสมอในทุกๆ สัปดาห์ที่ตนเองลงเฝ้าเสาให้กับ บุรีรัมย์
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้รักษาประตูที่มีจังหวะเซฟหวือหวาหรือช็อตป้องกันมหัศจรรย์ แต่สิ่งที่ ศิวรักษ์ มีให้เห็นเป็นประจำคือความแน่นอน ข้อผิดพลาดของมือกาวชาวโคราช แทบจะเป็นศูนย์ พ่วงด้วยการอ่านเกมที่เฉียบขาดและยืนตำแหน่งได้ดี มันจึงเป็นที่มาของการเก็บคลีนชีตได้บ่อยๆ
แผงหลังของ บุรีรัมย์ ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าแข็งแกร่ง ซึ่งหัวใจสำคัญที่ทำให้แนวรับเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว คือการที่พวกเขามีนายทวารคนนี้เป็นป้อมปราการด่านสุดท้าย นั่นหมายถึงความ 'อุ่นใจ'
เฉพาะใน ไทยลีก นับตั้งแต่ปี 2010 ที่ ศิวรักษ์ ปักหลักกับปราสาทสายฟ้า เขาคือคีย์แมนที่ทำให้ทีม 'เสียประตูน้อยที่สุด' ไปมากถึง 9 จาก 13 ฤดูกาล เลยทีเดียว
ขนาดซีซั่น 2019 ที่เสียแชมป์ให้ เชียงราย ยูไนเต็ด - บุรีรัมย์ ก็ยังเป็นทีมที่โดนเจาะตาข่ายน้อยที่สุดในปีนั้นอยู่ดี
มันคือเครดิตที่ ศิวรักษ์ ควรจะได้รับเช่นกัน
กับแชมป์ ไทยลีก สมัยที่ 8 ที่ บุรีรัมย์ เพิ่งทำสำเร็จไปหมาดๆ ก็ต้องชื่นชมผู้รักษาประตูคนนี้ไม่น้อย กับจังหวะเซฟสำคัญช่วยให้ทีมไม่ถูก เชียงราย ยิงตีเสมอ จนสามารถรักษาสกอร์จนครบ 90 นาที
นายทวารวัย 39 ปี เป็นคนพูดน้อย เขาใช้ผลงานในสนามบอกกล่าวแทนตนเอง อีกทั้งการรักษาร่างกายจนสามารถเล่นในระดับสูงได้ยาวนานเช่นนี้ มันสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพอย่างสูง ซึ่งนั่นคือต้นแบบที่ผู้เล่นเยาวชนควรเจริญรอยตาม หากปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต
ทุกแชมป์ที่ บุรีรัมย์ ได้มา เขาก็ได้สัมผัสโทรฟี่ทุกใบเช่นกัน
ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน จอมหนึบสายฟ้าผู้ยิ่งใหญ่