โค้งสุดท้าย ไทยลีก 2022-23

แมตช์เดย์ที่ 25 ยังมีเรื่องให้ต้องตามติดกันหลายหลาก ไล่ตั้งแต่การเผชิญหน้ากันระหว่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่จะเปิด ทรู สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยที่มี 'แชมป์' เป็นเดิมพัน

แม้ว่าโอกาสที่บียูจะทำคะแนนแซงปราสาทสายฟ้าจะริบหรี่ แต่การที่พวกเขาจะช่วยหยุดทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ ไม่ให้แต้มขาดก่อนจบซีซั่นนั้นก็เป็นภารกิจที่ต้องสานต่อให้สำเร็จ

มันคือความบังเอิญที่ทั้งคู่ดันมาเจอะเจอกันในเวลานี้พอดี และต่างฝ่ายต่างก็อยู่ในช่วงผลงานดีเช่นกัน น่าเสียดายตรงที่คะแนนของ แบงค็อก นั้นอยู่ไกลเกินไป มิเช่นนั้นมันคงจะเป็นแมตช์แห่งฤดูกาลอย่างแท้จริง

เกมนี้ ถ้าฝั่ง บุรีรัมย์ ชนะ พวกเขาจะคว้าแชมป์ ไทยลีก สมัยที่ 8 ไปทันที ต่อให้อีก 5 นัดที่เหลือจะแพ้รวดเลยก็ตาม เนื่องจากสถิติ 'เฮด ทู เฮด' เหนือกว่าทีมแข้งเทพ

แต่ถ้าเป็น แบงค็อก ที่คว้าชัย มันก็เป็นการชะลอการฉลองของปราสาทสายฟ้าเท่านั้นเอง เพราะด้วยแต้มที่ห่างไกลกันสุดกู่ บวกกับฟอร์มการเล่นของพวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะสะดุดเลย มันจึงเป็นเรื่องที่ยากมากๆ หาก บุรีรัมย์ จะไม่ได้แชมป์ในซีซั่นนี้

ดังนั้นเกมที่ ทรู สเตเดี้ยม ในวันอังคารที่ 4 เมษายน จึงไม่ควรพลาดเป็นอันขาด

คู่ที่น่าสนใจรองลงมาก็เห็นจะเป็น เชียงราย ยูไนเต็ด กับ การท่าเรือ เอฟซี ทว่าต้องรอว่าทาง ไทยลีก จะยอมเลื่อนโปรแกรมออกไปหรือเปล่า เนื่องจากปริมาณฝุ่น PM 2.5 โจมตีภาคเหนืออย่างหนักหน่วง

นอกจากนั้น ต่อจากนี้การลุ้นหนีตกชั้นของหลายๆ ทีมก็กำลังจะเริ่มขึ้นกับโค้งสุดท้ายของซีซั่น

ขอนแก่น ยูไนเต็ด (11) จะพบ ประจวบ เอฟซี (14)

ราชบุรี เอฟซี (4) พบ นครราชสีมา เอฟซี (10)

หนองบัว พิชญ เอฟซี (15) พบ โปลิศ เทโร เอฟซี (8)

ลำปาง เอฟซี (16) พบ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (9)

สุโขทัย เอฟซี (12) พบ ชลบุรี เอฟซี (6)

เมืองทอง ยูไนเต็ด (5) พบ ลำพูน วอร์ริเออร์ส (13)

คืออันดับต่ำกว่า 10 ลงไปนั้นยังต้องลุ้นว่าใครจะอยู่หรือไปในฤดูกาล 2023-24 จริงๆ

ลำปาง อาจจะลำบากกว่าใครเพื่อน เนื่องจากมีแต้มห่างจากโซนปลอดภัยถึง 8 คะแนน กับอีกเพียง 6 นัด ที่เหลือ พวกเขาต้องพยายามเก็บชัยชนะให้ได้มากที่สุด โดยที่ต้องภาวนาให้ทีมในกลุ่มใกล้เคียงกันแพ้อีกด้วย

ทว่า แมตช์เดย์ ที่ 25 นี้พวกเขาต้องเจอกับ บีจี ปทุม ซึ่งกำลังระส่ำเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นศึกที่ยากลำบากของทัพรถม้ามรกตเหลือเกิน

แต่ในทางกลับกัน หากยัดเยียดความปราชัยให้กระต่ายแก้วได้สำเร็จ นอกจากจะเพิ่มขวัญและกำลังใจ มันยังทำให้แต้มของพวกเขามีเพิ่มขึ้น

ขอนแก่น กับ ประจวบ เป็นอีกหนึ่งคู่ที่น่าชมไม่น้อย เนื่องจากยังไม่การันตีอะไรใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าเจ้าถิ่นจะมี 26 คะแนน แต่ก็ห่างจากโซนตกชั้นเพียง 4 แต้ม เท่านั้น

ขณะที่ทีมต่อพิฆาต ซึ่งอยู่อันดับ 3 จากท้ายตาราง หรือโซนตกชั้นนั่นเอง ต้องพยายามมีแต้มในการไปเยือน ขอนแก่น เพราะมิเช่นนั้นพวกเขาอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อการแข่งขันเหลือน้อยลง

สุโขทัย กับ ชลบุรี ก็มาถูกที่ถูกเวลาเหลือเกิน เพราะต่างฝ่ายต่างฟอร์มฝืดทั้งคู่ โดยเฉพาะฉลามชลที่ไม่ชนะใครเลย 6 นัดติดต่อกัน แถมเป็นความพ่ายแพ้ถึง 5 เกม เลยทีเดียว

นี่จึงเป็นโอกาสอันดีของทัพค้างคาวไฟที่จะเก็บคะแนนจากทีมใหญ่เพื่ออยู่รอดใน ไทยลีก ให้ได้ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ พวกเขาอาจจะต้องกระเสือกกระสนในช่วงท้ายฤดูกาลเป็นแน่

ปิดท้ายที่ เมืองทอง และ ลำพูน คู่นี้มีผล 2 ฟากฝั่ง

ฝั่งกิเลนผยองต้องการชัยชนะเพื่อลุ้นอันดับ 3 ขณะที่ราชันโคขาวต้องการชัยชนะเพื่ออยู่รอดในลีกสูงสุดให้ได้ 

คู่นี้นอกจากเรื่องอันดับในตารางคะแนนแล้ว มันยังมีเรื่องของการปะทะกันระหว่าง มาริโอ ยูรอฟสกี้ กับ อเล็กซานเดร กามา 2 กุนซือของทั้งสองทีม

หากยังจำกันได้ ในตอนที่ กามา เป็นเฮดโค้ชของ บุรีรัมย์ ในช่วงปี 2020-21 เขามักจะให้สัมภาษณ์ในเชิงเหน็บแนม ยูรอฟสกี้ อยู่พอสมควร ซึ่งมันมาจากการที่ เมืองทอง บุกไปเอาชนะ บุรีรัมย์ ได้เมื่อเดือนตุลาคม 2020

เวลานั้น ยูรอฟสกี้ ยังเป็นกุนซือหนุ่มที่ไร้ประสบการณ์ แต่มาเต็มด้วยแพสชั่นระหว่างการแข่งขัน ซึ่งมันคงจะไม่เป็นที่สบอารมณ์ของ กามา เท่าไหร่นัก แถมนัดนั้นเทรนเนอร์ชาวบราซิล ยังแพ้อีก มันจึงสร้างความหงุดหงิดใจให้ไม่น้อย

นอกจากนี้ เรื่องของ 'อดีต' ระหว่าง กามา กับ เมืองทอง ก็เคยร่วมงานกัน แม้จะไม่มีโทรฟี่ แต่การที่อยู่ในรั้ว ธันเดอร์โดม ราวปีกว่าๆ ก็น่าจะทำให้เขาเองก็รู้จักกิเลนผยองดีทีเดียว ดังนั้นคงจะมีแท็กติกที่จะมาหยุดสถิติชนะ 5 นัดรวดของ ยูรอฟสกี้ อยู่เหมือนกัน

โค้งสุดท้าย ไทยลีก 2022-23 กำลังงวดเข้ามาทุกขณะ แต่ความเข้มข้นยังคงคุกรุ่นอยู่เช่นเคย

ชิกกะด้าว