การพบกันระหว่าง ชลบุรี เอฟซี กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในระยะหลัง มนต์ขลังความเข้มข้นลดลงไปพอสมควร กับการที่ทั้งสองทีมเปลี่ยนแปลงไปตามวัฏจักรลูกหนัง
มันจึงทำให้ 'ไทยแลนด์ กลาซิโก้' ไม่เร้าใจเท่าที่ควรจะเป็น แฟนๆ ก็หายไปมากมาย ผิดกับช่วงซีซั่น 2009-2015 ที่ผู้ชมเต็มสนามทุกครั้ง ตั๋วผีก็พุ่งสูงไปถึงหลักพัน
กระทั่งมาถึงนัดล่าสุดที่เพิ่งจบลงไปสดๆ ร้อนๆ กับชัยชนะของ เมืองทอง ที่บุกไปควัก 3 คะแนน ออกจาก ชลบุรี ยูทีเอ สเตดี้ยม ด้วยสกอร์ 1-0
ความสนุกของ 'ไทยแลนด์ กลาซิโก้' ดูเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง
แฟนๆ เต็มสนาม การต่อสู้ของทั้งสองทีมก็ดุเดือด และมีใบแดงเกิดขึ้นด้วย
ภาพเดิมๆ เมื่อวันวานย้อนมาอีกหน
มหากาพย์ของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่พลิกไป-พลิกมาเมื่อต้นสัปดาห์ตอกย้ำให้เห็นว่าเหตุใดบอร์ดบริหารของ เมืองทอง จึงพยายามรั้งตัวกุนซือหนุ่มให้อยู่ต่อ
แม้จะไม่ได้มีผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์อยู่เต็มทีม แต่เขาก็ยังทำฟุตบอลได้อย่างมีสไตล์ และเป็นที่รักของแฟนๆ และนักเตะกิเลนผยอง
เทรนเนอร์วัย 37 ปี มีอนาคตที่สดใสรออยู่บนเส้นทางโค้ช เพียงแต่ต้องเพิ่มเรื่องของประสบการณ์เข้ามาอีกพอสมควร
บทเรียนที่เขาได้รับจากเกมเสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 4-4 ก็ถูกนำมาแก้ไขปรับปรุงในนัดบุกชนะ ชลบุรี 1-0 เมื่อไม่โหมบุกตลอดเวลา แถมยังมีลูกเคี่ยว เมื่อเปลี่ยนตัวในช่วงทดเวลาการแข่งขัน
มันคือแท็กติกธรรมดาสามัญสำหรับทีมที่นำอยู่ และต้องการรักษาสกอร์เอาไว้ แต่ก่อนหน้านั้น ยูรอฟสกี้ แทบไม่งัดกลยุทธ์นี้ออกมาให้เห็นเลย
ทว่าในช่วงท้ายของการแข่งขันกับ ชลบุรี - เราได้เห็นสิ่งที่ผิดแผกแปลกตาออกไป ซึ่งนั่นมาจากบทเรียนที่นำ บุรีรัมย์ 4-1 แล้วมาโดนตีเสมอ 4-4 แบบน่าเจ็บปวด
การที่เขาได้ มิลอส โยซิช โค้ชรุ่นอาชาวเซอร์เบีย มาเป็นผู้ช่วย น่าจะทำให้กิเลนผยองค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับในอนาคตข้างหน้า เหมือนที่ช่วงหนึ่งเคยมี มิโลวาน ราเยวัช
3 คะแนน ที่ได้จากฉลามชลคงจะเพิ่มความมั่นใจให้ เมืองทอง ได้มากมาย ก่อนที่จะทำศึกใหญ่กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ต่อด้วย การท่าเรือ เอฟซี ใน 2 นัดต่อจากนี้
หลายๆ อย่างกำลังไปได้ดี ยูรอฟสกี้ ยืนยันว่าจะอยู่ในตำแหน่งต่อ และมีผู้ช่วยโค้ชที่พูดภาษาเดียวกัน แถมยังรู้จักฟุตบอลไทย แบบลึกซึ้งมาคอยประคอง
หากรักษามาตรฐานในการเล่นได้สม่ำเสมอ แล้วเสริมนักเตะในตำแหน่งที่ขาดหายเข้ามา รับประกันเลยว่ากิเลนจะกลับมาผยองในเร็ววันนี้แน่นอน
ชิกกะด้าว