เอริค โจฮาน่า ตะบันแฮตทริก ให้ เมืองทองฯ ทิ้ง 4-1 แต่จ่าฝูง บุรีรัมย์ฯ ไม่ยอมง่ายๆ ฮึดไล่ตีเสมอสุดเดือด 4-4 ทำ "ปราสาทสายฟ้า" ยังรักษาสถิติไร้พ่ายในฤดูกาลนี้ พร้อมนำจ่าฝูงยาวๆ โดยมี 49 แต้ม ยังนำจ่าฝูง ทิ้ง ทรู แบงค็อกฯ 9 แต้ม ขณะที่เจ้าถิ่น มี 23 คะแนนรั้งอันดับที่ 9
ฟุตบอล ไทยลีก 2022-23
วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566
เมืองทอง ยูไนเต็ด 4-4 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาลที่ 2022-2023 เลกสอง นัดที่ 19 ประจำวันที่ 12 ก.พ. 2566 ที่ ที่สนาม ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เป็นการลงสนามพบกันระหว่าง "กิเลนผยอง" เมืองทอง ยูไนเต็ด อันดับ 9 ของตาราง ที่มี 22 แต้มจาก 19 นัด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงของตาราง ที่มี 46 แต้ม จาก 19 นัด
รายชื่อคณะกรรมการ:ผู้ตัดสิน : กชภูมิ มีศรีเดชา,ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 : ราเชนทร์ ศรีชัย,ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 : ราชันย์ ดาวังปา,ผู้ตัดสินที่4 : ทัศธราวุทธ ขันทะวิชัย,ผู้ตัดสิน VAR 1 :อาคม เจริญสุข,ผู้ตัดสิน VAR 2:นรินทร์ วงศ์ประไพพักตร์,ผู้ประเมินผู้ตัดสิน : ณัฏฐ ศรีเสาวลักษณ์,ผู้ควบคุมการแข่งขัน : ไพบูลย์ อัญญะโพธิ์
เริ่มเกมครึ่งแรกได้เพียง 3 นาที เมืองทองฯ ได้ประตูขึ้นนำไว เอริก โจฮาน่า ได้โอกาสสับไกลระยะ 30 หลา บอลพุ่งแรงหนีมือ นพพล ละครพล นายด่าน บุรีรัมย์ฯ เข้าไปอย่างสุดสวย ส่งให้ เมืองทองฯ นำ 1-0
น.12 วิลเลี่ยน พ็อพพ์ ตัดบอลได้จาก นพพล ละครพล มือกาวทีมเยือน เปิดบอลออกมาไม่ดี ก่อนจะพาบอลขึ้นไปแล้วแทงทะลุช่องให้ ปรเมศย์ อาจวิไล ได้หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนจะกดด้วยขวาส่งบอลซุกก้นตาข่ายเข้าไป ส่งให้ เมืองทองฯ นำ 2-0
น.21 บุรีรัมย์ฯ ได้โอกาสลุ้น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ได้โอกาสสับไกลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ บอลกำลังจะพุ่งเสยใต้คาน แต่ปฎิวัติ คำไหม นายด่านเมืองทองฯ ปัดออกไปได้ เกมดำเนินถึง น.31 เมืองทองฯ ได้ประตูนำห่าง 3-1 จากจังหวะที่ เอริก โจฮาน่า ได้โอกาสสับไกลบริเวณฝั่งซ้ายหน้ากรอบเขตโทษ นพพล ละครพล มือกาวทีมเยือนพยายามพุ่งปัด แต่ไม่ทัน บอลพุ่งแรงเสียบสามเหลี่ยมเข้าไป และเป็นประตูที่ 2 ของเอริก โจฮาน่า ในเกมนี้
น.37 บุรีรัมย์ฯ ได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 จากจังหวะที่ ลอนซานา ดุมบูญา ตวัดบอลจากทางกราบซ้าย เข้าไปในเขตโทษ บอลล่นเลยไปถึง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่อยู่เสาไกล ได้โอกาสซัดตูมเดียวแบบไม่จับ ส่งบอลยัดเสยใต้คานเข้าไป จากนั้นในเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่ม หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก เมืองทอง ยูไนเต็ด นำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3-1
กลับมาในช่วงครึ่งหลัง น.47 พิชา อุทรา พาบอลหลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะโยกหนีแนวรับ บุรีรัมย์ฯ แล้วไหลต่อให้ เอริก โจฮาน่า ได้หลุดเข้าไปยิงด้วยขวา ส่งบอลซุกก้นตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ ส่งผลให้เจ้าบ้านเมืองทองฯ นำห่าง 4-1 และเป็น แฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้
น.67 บุรีรัมย์ฯ เกือบได้ประตูตีตื้น พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ครอสบอลเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ ทันใดนั้น ลอนซานา ดุมบูญา ขึ้นเอาชนะแนวรับ เมืองทองฯ ได้โอกาสโขกเต็มๆ แต่บอลพุ่งชนคานเด้งหลุดออกไปอย่างน่าเสียดาย
น.79 บุรีรัมย์ฯ ทำประตูไล่ขึ้นมาเป็น 2-4 จากจังหวะเล่นสั้นจากลูกเตะมุม นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ชิงจังหวะ ครอสบอลจากทางกราบขวาเข้าไปที่เสาไกล บอลเลยไปถึง ลอนซานา ดุมบูญา ได้ตั้งคอโขกเหน่งๆ ส่งบอลสวนตัว ปฎิวัติ คำไหม นายด่านเมืองทองฯ ซุกก้นตาข่ายเข้าไป
น.83 บุรีรัมย์ฯ ได้ฟรีคิก บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ และเป็น ธีราธร บุญมาทัน รับหน้าที่สั่งหารปั่นด้วยซ้าย ส่งบอลหนีมือ ปฎิวัติ คำไหม นายด่านเมืองทอง เสียบสามเหลี่ยมเข้าไป ทำให้ ทีมเยือน บุรีรัมย์ฯ ไล่ตามมาติดๆ 3-4
น.90+3 ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ตวัดบอลจากทางริมเส้นฝั่งขวา เข้าไปในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเลยไปถึง ลอนซานา ดุมบูญา แต่งหนึ่งจังหวะ แล้วซัดยัดเสาแรก ส่งบอลตุงตาข่ายเข้าไป ส่งให้ บุรีรัมย์ฯ ไล่ตีเสมอ 4-4 จากนั้นในเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม เมืองทอง ยูไนเต็ด เสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 4-4
วาทะโค้ช
มาริโอ ยูรอฟสกี้ กุนซือ เมืองทอง ยูไนเต็ด : เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เราควรที่จะชนะ แต่เราปิดเกมไม่ได้
มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด : เกมนี้ เราเล่นด้วยความกดดัน แต่เป็นผลดีที่เราได้แต้มออกไปในเกมนี้
รายชื่อผู้เล่นและคะแนนความสามารถของทั้งสองทีม
เมืองทอง ยูไนเต็ด : ปฎิวัติ คำไหม 5(ผู้รักษาประตู) , เยสเปอร์ นีโฮล์ม 5, ลูคัส โรช่า 5, วิลเลี่ยน พ็อพพ์ 5 , ซาดอร์ มีร์ซาเยฟ 5 (แทน น.80 เอกนิษฐ์ ปัญญา4.5 ) , กฤษณ์พรหม บุญสาร 5 , วีระเทพ ป้อมพันธุ์ 5 , เอริก โจฮาน่า 6 , ปรเมศย์ อาจวิไล 5(แทน น.90+1 เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ - ) , พิชา อุทรา 5, บุญทวี เทพวงค์ 5
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด : นพพล ละครพล 5 (ผู้รักษาประตู) , พรรษา เหมวิบูลย์ 4.5 (แทน น.57 พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี 5 ) , ธีราธร บุญมาทัน 5 , ศุภชัย ใจเด็ด 5 , ดิออน คูลส์ 5 , นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม 5 , ฮาริส วูชคิช 5, โกรัน เคาซิช 5 , ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา 5 , เรบิน ซูลาก้า 5 , ลอนซานา ดุมบูญา 5
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : เอริก โจฮาน่า (เมืองทอง ยูไนเต็ด)