แฟนบอลไทยเชื่อ "ช้างศึก" ป้องแชมป์อาเซียนได้ ยก เวียดนาม คู่แข่งตัวฉกาจ

แฟนบอลไทยเชื่อ "ช้างศึก" ป้องแชมป์อาเซียนได้ ยก เวียดนาม คู่แข่งตัวฉกาจ
ม.เกษมบัณฑิตออกสำรวจโพลเกี่ยวกับความหวังและโอกาสของทีมชาติไทย ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเชียน 2022 ที่จะเริ่มมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 65 นี้เป็นต้นไป ซึ่งผลสำรวจพบว่าแฟนบอลชาวไทยยังเชื่อว่า "ทัพช้างศึก"ยังมีความหวังและโอกาสที่จะรักษาแชมป์เอาไว้ได้ ทว่าก็เป็นห่วงเรื่องสภาพร่างกายความฟิตและความสามารถของนักเตะที่เกรงว่าจะส่งผลกระทบกับการป้องกันแชมป์ ขระเดียวกันยกให้ทีมชาติเวียดนาม คือคู่แข่งเบอร์ 1 ที่จะแย่งแชมป์ในครั้งนี้กับทีมชาติไทย

ม.เกษมบัฑิตได้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนแฟนกีฬา จากกรณีที่นักฟุตบอลทีมชาติไทย จะเข้าร่วมการแข่งขันรายการชิงแชมป์แห่งชาติอาเชียน 2022 ระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ถึง 16 มกราคม 2566  เพื่อเป็นการสะท้อนมุมมองและสร้างการมีส่วนร่วมของแฟนกีฬาที่มีต่อความหวังและโอกาสของทีมชาติไทยกับความสำเร็จในการแข่งขันครั้งนี้

ซึ่งทาง ม.เกษมบัณฑิต ( KBU SPORT POLL)โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ จึงสำรวจคิดเห็นในหัวข้อเรื่อง “ช้างศึกกับความหวังและโอกาสในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเชียน 2022” ซึ่งการสำรวจดังกล่าว ดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 15 – 17 ธ.ค.65 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจข่าวสารทางการกีฬา ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 1,109 คน แบ่งเป็นเพศชาย 637 คน คิดเป็นร้อยละ 57.44 เพศหญิง 472 คน คิดเป็นร้อยละ 42.56 ซึ่งมีผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆโดยภาพรวมพบว่าดังนี้

- ความสนใจที่จะติดตามการแข่งขัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 79.66 สนใจ , รองลงมาร้อยละ 18.05 ยังไม่ตัดสินใจ และร้อยละ 2.29ไม่สนใจ

- ความสำคัญของการแข่งขันในรายการนี้กับสังคมไทย ส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.07 เห็นว่าสำคัญค่อนข้างมาก , รองลงมาร้อยละ 22.95 สำคัญมาก , ร้อยละ13.47 สำคัญต่อนข้างน้อย ,ร้อยละ11.01 สำคัญน้อย และร้อยละ 6.50 ไม่สำคัญเลย

- ความหวังและโอกาสกับการคว้าแชมป์ของทีมช้างศึก ส่วนใหญ่ร้อยละ 35.11 มีโอกาสค่อนข้างมาก,  รองลงมาร้อยละ 30.93 มีโอกาสมาก ,  ร้อยละ 22.81ไม่แน่ใจ , ร้อยละ 5.03 มีโอกาสค่อนข้างน้อย,  ร้อยละ 3.98 มีโอกาสน้อย และร้อยละ 2.14ไม่มีโอกาสเลย

- ทีมคู่แข่งขันที่น่าเกรงขามของทีมช้างศึก ส่วนใหญ่ร้อยละ 29.04 เวียดนาม , รองลงมา ร้อยละ 24.11 อินโดนีเซีย , ร้อยละ 18.16 มาเลเซีย ,  ร้อยละ 15.87 ฟิลิปปินส์ ,ร้อยละ 10.95 สิงคโปร์ และอื่นๆร้อยละ 1.87

- ปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลต่อความสำเร็จของทีมช้างศึก ส่วนใหญ่ร้อยละ 29.07 สมรรถนะและความสามารถของนักกีฬา , รองลงมาร้อยละ 24.11 ระยะเวลาในการเตรียมทีม,  ร้อยละ 22.92 สมรรถนะของผู้ฝึกสอนและทีมงาน,  ร้อยละ12.09 ผู้จัดการทีมและผู้สนับสนุนทุกภาคส่วน,  ร้อยละ 9.66 แรงเชียร์จากแฟนกีฬา และอื่นๆร้อยละ 2.15

ทั้งนี้ ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์  ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า " จากผลการสำรวจดังกล่าวจะเห็นได้ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจที่จะติดตามการแข่งขัน ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าฟุตบอลในรายการนี้เป็นหนึ่งในเกมแห่งศักดิ์ศรีที่คนไทย และทุกชาติต่างคาดหวังที่จะคว้าแชมป์มาครอง ประกอบกับทีมช้างศึกในฐานะแชมป์เก่าจะได้แสดงให้แฟนกีฬาชาวไทยได้เห็นศักยภาพและการโอกาสในการก้าวไปเป็นหนึ่งในอาเชียนอีกครั้งก็อาจจะเป็นได้

" อย่างไรก็ตามเมื่อมองถึงความหวังและโอกาสกับการคว้าแชมป์นั้น ถึงแม้ว่านักเตะทีมนี้ จะประสบกับปัญหาขาดนักเตะดาวเด่นร่วมทีมหลายรายก็ตามแต่แฟนกีฬายังเชื่อว่า ทีมช้างศึกมีความหวังและโอกาสค่อนข้างมาก ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่แฟนบอลคาดหวังส่วนใหญ่ต่างมองไปที่สมรรถนะหรือฝีเท้าของนักเตะเป็นสำคัญ และหากพิจารณาถึงทีมคู่แข่งจะเห็นได้ว่าแฟนกีฬาต่างยกให้ทีมเวียดนามในฐานะยืนหนึ่งในอาเชียนขณะนี้เป็นทีมที่น่าเกรางขามสำหรับทีมช้างศึกมาเป็นลำดับต้นๆ " 

" เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันของทีมชาติไทยในรายการนี้นั้นหากพิจารณาพิจารณาถึงชื่อเสียงรวมทั้ง เกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศตลอดจนความคาดหวังของคนไทยแล้วเชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นของผู้จัดการทีมอย่าง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ลำซ่ำ ภายใต้การผนึกพลังร่วมของทีมงานสต๊าฟโค้ชและผู้สนับสนุนทุกภาคส่วนเชื่อว่าทีมช้างศึกน่าจะคว้าแชมป์และสร้างความสุขให้กับแฟนกีฬาชาวไทยได้อีกวาระหนึ่ง " ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร  กล่าวปิดท้าย


ที่มาของภาพ : Siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport