คิดถึง ธีรศิลป์! บทสรุป 5 ข้อ ทีมชาติไทยเฉือนศรีลังกาคัดเอเชียนคัพ

[ 1 ] วางผังถูกใจ ไม่ฝืนใช้แบ็กซ้ายที่ถนัดเท้าขวา

มาซาทาดะ อิชิอิ ใช้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดสำหรับเกมประเดิมสนาม เอเชียน คัพ 2027 ด้วยการใช้ ปฏิวัติ คำไหม ลงเฝ้าเสาตั้งแต่นาทีแรก ส่วนแนวรับ เอเลียส ดอเลาะ กลับมาประจำการคู่กับ โจนาธาร เข็มดี ที่ฟอร์มพวยพุ่งขึ้นเรื่อยๆ

แบ็กขวา นิโคลัส มิคเมลสัน จองสัมปทานอีกยาว ทว่าที่น่าสนใจคือการให้ อิรฟาน ดอเลาะ ได้โอกาสลงเล่นต่อเนื่อง

นี่คือการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม เพราะเขาคือนักเตะที่ถนัดเท้าซ้ายโดยธรรมชาติ แม้ตำแหน่งถนัดจะเป็นกองกลางก็ตาม แต่อย่างน้อยหมอนี่ก็เคยถูกถ่างออกไปยืนเป็นฟูลแบ็กมาแล้วในหลายๆ ครั้ง ทั้งในทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี หรือระดับสโมสร

ผลที่ออกมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์บวก แม้จะไม่เด่นเท่ากับแบ็กซ้ายตามธรรมชาติ ทว่า อิรฟาน ก็ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ดีเยี่ยม ซึ่งเมื่อเทียบกับการเอานักเตะที่ถนัดเท้าขวามายืน น่าจะดูฝืนๆ และอาจจะทำให้เกมไม่ไหลลื่นก็เป็นได้

ส่วนแดนกลาง วีระเทพ ป้อมพันธ์ กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลับมาประจำการอีกครั้ง โดยที่ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ยังเป็นตัวเลือกแรกๆ ของ อิชิอิ ในแผงมิดฟิลด์ 

ส่วนแนวรุกก็ตามสิ่งที่แฟนๆ เรียกร้องคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ สุภโชค สารชาติ ยืนฝั่งขวา-ซ้าย ส่วนหัวหอกตัวเป้าเป็น พาตริก กุสตาฟส์สัน ผู้มีสถิติสุดแจ่มยามลงเล่นให้ทัพช้างศึก

น่าเสียดายนิดๆ ที่ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร มิดฟิลด์ผู้โชว์ฟอร์มได้เจิดจรัสในเกมอุ่นเครื่องกับอัฟกานิสถาน ไม่ได้รับโอกาสในเกมนี้ 

อย่างไรก็ตาม โดยรวมถือว่า อิชิอิ ไม่ฝืนเรื่องการใช้ผู้เล่นจนเกินไปเหมือนที่ผ่านๆ มา

____________________

[ 2 ] ศรีลังกา ไม่หมู

แม้ว่า ฟีฟ่า แรงกิ้ง ของศรีลังกา จะอยู่ไกลโพ้นจากไทย เพราะปัจจุบันพวกเขารั้งอันดับที่ 45 จาก 46 ชาติของเอเชีย ซึ่งอยู่ห่างกับช้างศึกเอามากๆ ทว่าการที่ทีมกองทัพทองยุคปรับปรุงใหม่ หันมาใช้บริการนักเตะลูกครึ่งเป็นแกนหลัก มันจึงทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน

11 ผู้เล่นชุดแรกในการบุก ราชมังคลากีฬาสถาน ปรากฏว่าไม่มีคนใดเล่นในประเทศตนเองเลยสักราย หนำซ้ำยังค้าแข้งในลีกยุโรป มากถึง 7 คน 

เท่านั้นไม่พอ ตัวจริงของศรีลังกา นั้นเป็นนักเตะ 'ลูกครึ่ง' ไปแล้ว 8 คน โดยที่อีก 2 รายอย่าง อนุจัน ราเจนดรัม (แบ็กซ้าย) กับ อัดหะวัน ราจาโมหัน (กองกลาง) นั้นเกิดที่นอร์เวย์ และสวีเดน ตามลำดับ

ดังนั้นจึงมีเพียง สุจัน เปเรรา เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนท้องถิ่นพื้นเมือง

ด้วยเหตุนี้เอง ทีมกองทัพทองจึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าก่อนมากมาย ยิ่งได้ อับดุลเลาะห์ อัล มูตารี่ กุนซือชาวคูเวต ผู้ผ่านงานโค้ชมากโชกโชนมาวางแท็กติก มันจึงทำให้พวกเชาเล่นฟุตบอลอย่างมีระบบระเบียบแบบที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ

ตัวอย่างชัดเจนคือเกมในครึ่งแรกที่ศรีลังกา มีช่วงเวลาเพรสซิ่งสูงจนไทย ไม่อาจต่อบอลได้เลย แถมยังเปิดโอกาสให้ทีมช้างศึกได้ยิงเพียง 2 หน โดยหนึ่งในนั้นคือความผิดพลาดเพียงหนเดียวอันนำมาซึ่งประตูโทนของการแข่งขันนั่นเอง

ต่อจากนี้ไป รับประกันเลยว่าทีมกองทัพทองจะไม่ใช่หมูในอวยอีกต่อไป

____________________

[ 3 ] ใช้โอกาสเปลืองเกินไป

แม้ครึ่งแรกโอกาสในการเข้าทำของไทย จะมีเพียง 2 ครั้ง ทว่าพอถึงครึ่งหลัง มาซาทาดะ อิชิอิ ปรับแท็กติก รวมไปถึงการที่ศรีลังกา ต้องพยายามทวงประตูคืน มันจึงทำให้ทัพช้างศึกมีจังหวะสับไกเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

อย่างไรก็ตาม จากโอกาสทั้งหมด 12 หน ใน 90 นาที เราสามารถแปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้เพียงครั้งเดียว และเมื่อเทียบกับช็อตเน้นๆ ทั้ง...

- จังหวะหลุดเดี่ยวของ พาตริก กุสตาฟส์สัน ในนาทีที่ 51 ที่ยิงเฉียดเสาออกหลังไป

- โอกาสของ สุภโชค สารชาติ ที่ซัดหักข้อไปชนเสา

- ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ลงมาแทน กุสตาฟส์สัน แล้วก็ได้หลุดไปในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนตะบันหลุดกรอบ

- ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กับการได้แปเน้นๆ ตอนนาทีที่ 73 แต่กลับพลาดแบบไม่น่าเชื่อ 

- อีกครั้งของ ธีรศักดิ์ ที่ได้หลุดไปทางกราบซ้ายในนาทีที่ 78 ซึ่งก็ดวลชนะผู้รักษาประตูทีมเยือน แต่จังหวะสุดท้ายที่ตัดสินใจจ่ายให้ สุภโชค ก็ดันวิ่งคนละทางกันอีก

ส่วนหนึ่งต้องชื่นชม สุจัน เปเรรา จอมหนึบของศรีลังกา ที่ยืนตำแหน่งได้ดีจนป้องกันประตูได้หลายต่อหลายหน ซึ่งตลอดทั้งเกมก็พลาดเพียงหนเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ภาพที่สะท้อนออกมานั้นบ่งบอกให้เห็นถึง 'คุณภาพ' ในแนวรุกของทีมชาติไทย ที่ยังขาดความเฉียบขาดเอามากๆ ซึ่งสอดคล้องกับการที่สโมสรในประเทศนิยมใช้ศูนย์หน้าตัวเป็นเป็นแข้งต่างแดน มันจึงทำให้โอกาสที่หัวหอกท้องถิ่นจะได้ลงสนามนั้นเหลือน้อยลงไปด้วย

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป รับประกันเลยว่าคงยากเย็นแสนเข็ญที่จะมี ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน หรือ ธีรศิลป์ แดงดา แน่นอน

____________________

[ 4 ] มิติใหม่ของแท็กติกจากแดนหลัง

แม้จะชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 แถมยังปล่อยโอกาสทองหลุดไปมากมาย แต่อย่างน้อยก็ยังมีข้อดีอยู่บ้างในแง่ของรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนและลงตัวขึ้นเรื่อยๆ

มาซาทาดะ อิชิอิ เริ่มมีผู้เล่นตัวจริงในใจ นำโดย ปฏิวัติ คำไหม ในตำแหน่งผู้รักษาประตู ส่วนแนหลัง ที่แน่ๆ ณ ปัจจุบัน เอเลียส ดอเลาะ จะได้ยืนคู่กับ โจนาธาร เข็มดี ไปอีกนาน โดยที่ฝั่งซ้ายยังต้องควานหาตัวแทนของ ธีราทร บุญมาทัน

แผงมิดฟิลด์ วีระเทพ ป้อมพันธ์ กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ คือตัวหลัก ส่วนอีกหนึ่งที่นั่งนั้นต้องแย่งกัน ซึ่งในสยามประเทศก็มีกองกลางฝีเท้าดีมากมายที่รอโอกาสอยู่ 

แนวรุก ขวา-ซ้าย ยังไงพี่น้อง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ สุภโชค สารชาติ ก็คือตัวเลือกแรก โดยที่ยังมี เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, เอกนิษฐ์ ปัญญา, บดินทร์ ผาลา รวมไปถึงคนอื่นๆ ที่พร้อมจะสอดแทรก

จะน่าห่วงที่สุดคือตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าที่ยังไร้วี่แววของผู้ที่จะรับไม้ต่อจาก ธีรศิลป์ แดงดา ซึ่งก็ต้องพยายามคัดสรรกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของรูปแบบการเล่น ดูเหมือนว่า อิชิอิ จะได้ทีมที่ลงตัวแล้ว เหลือเพียงใส่เรื่องของแท็กติกและรายละเอียดเข้าไป ซึ่งในเกมเฉือนศรีลังกา เราก็ได้เห็นอีกหนึ่งมิติที่เพิ่มเข้ามาคือการเปิดบอลยาวจาก ปฏิวัติ นั่นเอง

โดยปกติแล้ว นายทวารจาก แบงค็อก ยูไนเต็ด จะไม่วางบอลระยะไกล หากไม่จำเป็นหรืออยู่ในสถานการณ์คับขันจริงๆ แต่ในเกมพบทีมกองทัพทอง หากสังเกตุกันให้ดี เขาจะเปิดบอลไกลให้เห็นหลายต่อหลายหน

นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ อิชิอิ สั่งให้ผู้รักษาประตูเล่นในลักษณะนี้ แม้ว่าเกมกับศรีลังกา จะยังไม่เห็นผลเท่าไรนัก แต่เชื่อเถอะว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งแท็กติกที่กุนซือชาวญี่ปุ่น ตระเตรียมมาใช้งานในอนาคต

____________________

[ 5 ] ชนาธิป ท็อปฟอร์ม

ด้วยความที่คู่แข่งอย่างศรีลังกา นั้นอยู่ห่างไกลกับไทย พอสมควร แม้จะมีนักเตะลูกครึ่งมากมาย แต่โดยรวม พวกเขาก็ยังเป็นรองทัพช้างศึกอยู่ดี

ในเกมนี้ ผู้เล่นไทย หลายๆ คนจึงไม่ต้องเผชิญหน้ากับความยากมากนัก แม้จะมีช็อตที่ต้องแก้ไขสถานการณ์อยู่บ้าง แต่โดยรวมนั้นถือว่าเกือบทุกคนทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม มีเพียงหนึ่งเดียวที่โดดเด่นเป็นสง่ากว่าใครเพื่อน และเขาคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์ นั่นเอง

อดีตเพลย์เมเกอร์ คอนซาโดเล ซัปโปโร แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างนักเตะเกรดเอ และเกรดทั่วไปอย่างชัดเจน

การเลือกจังหวะในการเล่น, ความสามารถเฉพาะตัว, ประสบการณ์และที่สำคัญคือการจ่ายบอลแบบ 'คิลเลอร์พาส' ที่สร้างโอกาสเน้นๆ ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง

น่าเสียดายที่บรรดากองหน้าไทย ไม่อาจปิดสกอร์ได้สำเร็จ มิเช่นนั้น ชนาธิป คงจะมีแอสซิสต์อย่างแน่นอน

หวังว่ามิดฟิลด์ชาวนครปฐม จะอยู่ในสภาพร่างกายที่ดีเช่นนี้ไปยาวๆ เพราะเขานี่แหละคือนักเตะประเภท 'แมตช์ วินเนอร์' โดยแท้จริง