รู้จัก "ภูวดล พลสงคราม" ผู้รักษาประตูดาวรุ่งทีมชาติไทย

ภูวดล พลสงคราม

อายุ: 23

ตำแหน่ง: ผู้รักษาประตู

สโมสร: อยุธยา ยูไนเต็ด 

   พลันที่ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทย ประกาศ 23 รายชื่อขุนพลช้างศึกชุด ฟีฟ่า เดย์ มีนาคม 2025 ก็มีเสียงฮือฮาตามมาทันที เพราะมีอยู่หนึ่งคนที่ถูกเรียกตัวสู่แคมป์ฝึกซ้อมแบบเซอร์ไพรส์

   เขาคนนั้นคือ ภูวดล พลสงคราม

   เด็กหนุ่มวัยเพียง 22 ปี จาก อยุธยา ยูไนเต็ด จ่าฝูงของ ไทยลีก 2 ลีกรองแห่งสยามประเทศ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจนได้รับการจับตามอง

   แม้ว่ามือหนึ่งและสองของทีมชาติจะเป็น ปฏิวัติ คำไหม กับ สรานนท์ อนุอินทร์ แต่กระนั้น การได้ร่วมฝึกซ้อมจากรุ่นพี่ ก็เป็นสิ่งที่ ภูวดล ถวิลหา

   "ผมเริ่มต้นกับฟุตบอลด้วยตำแหน่งกองหน้าครับ" เสียงของจอมหนึบชาวหนองคาย (จังหวัดบึงกาฬ ในปัจจุบัน) บอกเล่ากับ SIAMSPORT

   ภูวดล มีความฝันว่าจะเป็นนักฟุตบอลให้ได้ ว่าแล้วในขณะที่ตนเองกำลังจะขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก็เลยบึ่งรถกับคุณพ่อและคุณแม่เพื่อไปคัดตัว ณ โรงเรียนกีฬาจังหวัดขอนแก่น

   ทีแรกเลย เขาไปในฐานะ 'ศูนย์หน้า' แต่ถูกปฏิเสธ เลยถูกแนะนำให้ลองเทสต์บทบาท 'ผู้รักษาประตู' เนื่องจากเป็นเด็กที่มีรูปร่างสูงกว่าเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกัน

   พอเปลี่ยนตำแหน่ง ชีวิตของ ภูวดล ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน เพราะนับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ฝึกซ้อมการเป็นนายทวารมาโดยตลอด

   อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ไม่ได้เล่นเป็นผู้รักษาประตูมาก่อน ห้วงเวลาในรั้วโรงเรียนกีฬาจังหวัดขอนแก่น เขาจึงเป็นมือสอง เนื่องจากทักษะยังเป็นรองคนอื่นๆ 

   ทว่าความมานะบากบั่น ทำให้ ภูวดล ค่อยๆ พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งกลายเป็นมือหนึ่งของทีมในที่สุด 

   เจ้าตัวยอมรับว่า "ผมชอบดูพี่ตอง (กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์), พี่ตี๋ (สินทวีชัย หทัยรัตนกุล) และ มานูเอล นอยเออร์ เล่นอยู่บ่อยๆ เพราะพวกเขาคือแรงบันดาลใจของผม"

   ฝีมือการป้องกันประตูของเขารุดหน้าอย่างไวว่อง ภูวดล เก่งกาจถึงขนาดถูกเรียกติดทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ซึ่งในช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้ แบงค็อก ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำของเมืองไทย แอบชำเลืองมองเด็กหนุ่มจากบึงกาฬ

   "ผมเกือบจะได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ตอน ม.4 แต่ติดปัญหานิดๆ หน่อยๆ สุดท้ายเลยเรียนที่ขอนแก่น จนจบ ม. 6 แล้วจากนั้นก็ได้เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรก" มือกาวป้ายแดงทีมชาติไทย รำลึกถึงอดีต

   ภูวดล ถูก แบงค็อก เซ็นสัญญาตอนอายุ 18 ปี และเขาก็ได้ฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ซึ่งในห้วงเวลานั้นบียูมี ไมเคิ่ล ฟัลเคสการ์ด เป็นปราการด่านสุดท้าย

   เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากนายทวารชาวเดนมาร์ก ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวเอามาปรับใช้จนได้ต่อยอดไปอีก

   ด้วยความที่อายุยังน้อยนิด ภูวดล ต้องมีเกมลงเฝ้าเสา เพื่อความต่อเนื่องในการพัฒนา ว่าแล้ว แบงค็อก จึงปล่อยให้ สมุทรปราการ เอฟซี สโมสรใน ไทยลีก 3 ยืมตัวในฤดูกาล 2022-23

   จอมหนึบชาวบึงกาฬ ได้โลดแล่นบนเวทีอาชีพเป็นหนแรก แม้จะไม่ใช่ลีกสูงสุด แต่ประสบการณ์ที่ได้มาถือว่าล้ำค่าสำหรับเขามากๆ 

   ซีซั่นถัดมา (2023-24) ภูวดล ถูกส่งไปเก็บเลเวลต่อที่ อยุธยา ยูไนเต็ด ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า "ผมตื่นเต้นมากๆ เพราะว่า ไทยลีก 2 กับ ไทยลีก 3 แตกต่างกันมากๆ จำได้เลยว่าเกมแรกที่ผมลงสนามคือเจอกับ ดราก้อน ปทุมวัน เราชนะ 1-0 แต่ตัวผมนี่ต้องกระตุ้นตัวเองตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ความตื่นเต้นส่งผลต่อการแข่งขัน"

   ฤดูกาลดังกล่าว เขามีสถิติลงสนาม 25 เกม และทำไป 9 คลีนชีต ส่วน อยุธยา จบอันดับที่ 6 ของตารางการแข่งขัน

   ภูวดล ยังได้รับความไว้วางใจต่อในซีซั่น 2024-25 แต่หนนี้ดูเหมือนว่าความแก่กล้าของเจ้าตัวจะเพิ่มพูน เพราะนอกจากจังหวะเซฟแบบเหลือเชื่อ เขายังมี 'ลูกเท้า' ที่โดดเด่นจนสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย ไปซุ่มดูฟอร์ม

   "ก่อนหน้านี้ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเขา (มาซาทาดะ อิชิอิ) มาดูที่สนาม ก็ได้แต่ฟังคำบอกกล่าวจากทีมงานของสโมสร อีกอย่าง ตัวผมก็โฟกัสกับเกมที่อยู่ตรงหน้าเป็นลำดับแรก ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ว่ามีเฮดโค้ชทีมชาติมาดูด้วย" นายทวารวัย 22 ปี กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

   เขาก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อมอย่างเต็มเหนี่ยวยามอยู่ในโหมดเทรนนิ่งเซสชั่น พอเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็มักจะเข้ายิมเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อในส่วนที่ยังรู้สึกว่าตนเองยังบกพร่องอยู่

   เด็กหนุ่มชาวบึงกาฬ ทำมันด้วยใจรักและก็พร้อมที่จะทุ่มเทเพื่อพัฒนาฝีมือไปให้ไกลที่สุด

   ฤดูกาล 2024-25 เขาลงเฝ้าเสาใน ไทยลีก 2 ไปทั้งหมด 24 เกม และทำไปแล้ว 9 คลีนชีต พร้อมพา อยุธยา นำเป็นจ่าฝูง ขยับเข้าใกล้ตั๋วสู่ลีกสูงสุดของสยามประเทศไปทุกขณะ เพราะยังเหลืออีกเพียง 6 เกม เท่านั้น

   ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมแบบต่อเนื่อง บวกกับพัฒนาการที่รุดหน้าแบบชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่เป็นผู้รักษาประตูที่ใช้เท้าได้ดี มันจึงทำให้ชื่อของ ภูวดล กลายเป็นหนึ่งใน 23 ขุนพลทีมชาติไทย ชุด ฟีฟ่า เดย์ มีนาคม 2025 ไปแบบสุดเซอร์ไพรส์

   "ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก แม้จะมีหนังสือจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ระบุว่าผมมีชื่ออยู่ในข่ายที่โค้ช (มาซาทาดะ อิชิอิ) จะเรียกตัว"

   "แต่พอตอนประกาศชื่อออกมา แล้วมีชื่อของตัวเอง มันดีใจมากๆ ดีใจแบบอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลย ผมโทรไปบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าผมถูกเรียกตัว ท่านก็ดีใจไม่แพ้กัน เพราะพวกเขาคือผู้สนับสนุนผมมาตั้งแต่เด็กๆ ดังนั้นการมีชื่อในทีมชาติไทย มันคือของขวัญที่ผมอยากมอบให้กับคุณพ่อและคุณแม่" ภูวดล กล่าวด้วยความภาคภูมิ

   อีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาก็จะได้เข้าไปร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมกับ ปฏิวัต และ สรานนท์ สองผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของเมืองไทย ในปัจจุบัน

   เขาจะได้เจอ นิโคลัส มิคเคลสัน, สุภโชค สารชาติ, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ปรเมศย์ อาจวิไล ซึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้นของประเทศ

   ความฝันของเด็กหนุ่มจากบึงกาฬ เดินทางมาถึงไวกว่าที่คิด

   "ผมอยากเล่น ไทยลีก ครับ" นี่คือประโยคก่อนปิดท้ายการสนทนา

   "การได้ร่วมฝึกซ้อมกับพี่ๆ ทีมชาติ ผมจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด ผมจะมุ่งมั่นและทุ่มเท เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ดังนั้นผมจะเต็มที่ในทุกๆ วินาทีที่ได้รับ"

   ภูวดล พลสงคราม