ช็อกทั้งแผ่นดิน! บทสรุป 5 ข้อ ทีมชาติไทย พลิกพ่ายปินส์

ช็อกทั้งแผ่นดิน! บทสรุป 5 ข้อ ทีมชาติไทย พลิกพ่ายปินส์
ความพ่ายแพ้ต่อฟิลิปปินส์ 1-2 ทำให้ไทย ปราชัยต่อ ดิ อัสกัลส์ เป็นหนแรกในรอบ 52 ปี ซึ่งมันคือบทเรียนอันล้ำค่าของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ต้องไปปรับแก้ เพื่อพลิกโอกาสในเกมเลกที่สอง โดยในเกมนี้มีสิ่งต่างๆ น่าสนใจซ่อนอยู่ และนี่คือ 5 ประเด็นหลังการแข่งขันที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!

[ 1 ] สนามหญ้าเทียมส่งผลชัดเจน

มาซาทาดะ อิชิอิ ยังยึดระบบ 4-3-3 เหมือนเช่นเดิม แต่ที่แปลกตาไปคือการส่ง ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ลงมาเล่นแบ็กขวาแทนที่ นิโคลัส มิคเคลสัน ส่วนเซนเตอร์ฮาล์ฟเป็น ศฤงคาร พรหมสุภะ กับ โจนาธาร เข็มดี ที่ยืนคู่กันเป็นหนแรกของทัวร์นาเมนต์

นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้ชื่นใจคือการกลับมาลงสนามอีกครั้งของ สุภโชค สารชาติ แนวรุกคีย์แมนที่คัมแบ็กสู่ฟลอร์หญ้าเป็นหนแรกในรอบ 2 เดือน 

ตามผังผู้เล่น มองเหลี่ยมคูไหน ไทย ก็เป็นต่อในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะศักยภาพนักเตะ, ประสบการณ์ในระดับนานาชาติ, ฟอร์มการเล่นในทัวร์นาเมนต์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ 'สร้างปัญหา' ให้กับช้างศึกนั่นคือ 'หญ้าเทียม'

ตลอดทั้ง 90 นาที เห็นได้ชัดเลยว่าการกะจังหวะบอลดูจะติดๆ ขัดๆ ไปหมด ก่อนจะนำมาซึ่งความพ่ายแพ้หนแรกต่อฟิลิปปินส์ ใน อาเซียน คัพ นั่นเอง เท่านั้นไม่พอ นี่ยังเป็นการปราชัยต่อ ดิ อัซกัลส์ เป็นครั้งแรกในรอบ 52 ปี อีกด้วย

[ 2 ] ตีเสมอในช่วงเวลาสำคัญ แต่คว้าโอกาสไม่ได้

ด้วยความที่ต้องเล่นในสนามหญ้าเทียม ซึ่งไม่คุ้นชินอย่างแรง แถมแดนกลางก็เป็นรองแบบชัดเจนในครึ่งแรก มันจึงทำให้ฟิลิปปินส์ เป็นฝ่ายครองเกมบุกใส่ได้มากกว่า หนำซ้ำเปอร์เซ็นต์การครองบอลของไทย ก็เป็นรองอยู่พอสมควร

ตลอดทั้ง 12 เกม ใน อาเซียน คัพ รวมไปถึงแมตช์อื่นๆ ที่เผชิญหน้ากัน ภาพลักษณะนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นเท่าไหร่นัก

ทว่า 45 นาทีแรกที่ ริซัล เมโมเรียล สเตเดี้ยม เป็นทีม ดิ อัซกัลส์ ที่สร้างสรรค์โอกาสได้มากมาย บรรดาตัวรุกของพวกเขาต่างสลับกันเฉิดฉาย แถมยังสามารถตัดแผงมิดฟิลด์ของไทย ทั้งสามรายให้หายไปจากการแข่งขันได้อย่างเหลือเชื่อ

มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฟิลิปปินส์ จะออกนำไปก่อนจาก ซานโดร เรเยส ดาวรุ่งพุ่งแรงวัย 21 ปี ที่กระหน่ำสุดสวยผ่านมือ ปฏิวัติ คำไหม ในนาทีที่ 21 

ทุกๆ อย่างอยู่ในกำมือเจ้าถิ่น เนื่องจากแท็กติกที่ อัลเบิร์ต กาเปญาส วางไว้นั้นสัมฤทธิ์ผลชัดเจน โดยเฉพาะการหยุดเกมในแดนกลางช้างศึกได้ดีชะงัด

แฟนฟุตบอลชาวไทย ทั้งที่อยู่ชิดติดขอบสนาม รวมไปถึงที่ตามเชียร์ทางหน้าจอโทรทัศน์ต่างก็ยอมรับสภาพว่าทรงแบบนี้คงจะจบครึ่งแรกในฐานะผู้ตามแน่นอน

แต่แล้วจากจังหวะสวนกลับในนาทีที่ 45 ที่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ประสานงานอย่างลงตัวกับ พาตริก กุสตาฟส์สัน แล้วบรรจงวางไปให้ ศุภนันท์ ควบจากแดนตนเองมายิงตีเสมอ 1-1 ซึ่งแทบจะเป็นโอกาสเหน่งหนแรกของช้างศึกเลยด้วยซ้ำในครึ่งแรก

ประตูนี้คือประตูในช่วงสำคัญที่ทำให้งานของไทย ง่ายขึ้นกว่าเดิมในอีก 45 นาที ที่เหลือ 

[ 3 ] ประสบการณ์น้อย ทำสมาธิแตกนาทีท้าย

เป็นอีกครั้งที่ มาซาทาดะ อิชิอิ สำแดงเดชอีกครั้ง เพราะรูปเกมในครึ่งแรกและครึ่งหลังนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 

เขารู้ว่าแบ็กซ้าย ทิตาธร อักษรศรี ไม่สามารถเติมเกมได้เลย ทั้งยังถูกเจาะอยู่บ่อยครั้ง ว่าแล้วเลยส่ง นิโคลัส มิคเคลสัน ลงมาเล่นแทน ซึ่งผลตอบรับก็ถือว่ายอดเยี่ยม เนื่องจากทำให้เกมของไทย มีความสมดุลทั้งสองฝั่ง

นอกจากนี้ กุนซือชาวญี่ปุ่น ยังเน้นย้ำให้ 3 ประสานในแดนกลางอย่าง วีระทเพ ป้อมพันธ์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ อัครพงษ์ พุ่มวิเศษ เคลื่อนที่มากกว่าเดิม พร้อมด้วยการโจมตีเกมทางฝั่งซ้ายของฟิลิปปินส์ แบบสม่ำเสมอ

โอกาสการเข้าทำของไทย มีมากมายในครึ่งหลัง เพราะแผงมิดฟิลด์สามารถเอาชนะเจ้าถิ่นได้ จนบอลถูกลำเลียงไปถึง พาตริก กุสตาฟส์สัน ได้บ่อยขึ้น เช่นเดียวกับ สุภโชค สารชาติ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่มีส่วนร่วมมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม แม้จะสร้างสรรค์โอกาสได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ในเมื่อไม่สามารถแปรเปลี่ยนให้มันเป็นประตูได้ สุดท้ายจึงโดนลงทัณฑ์ในที่สุด

นอกจากนี้การที่เสียสมาธิในช่วงท้ายเกม คือสิ่งที่ไทย ต้องปรับปรุง ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่นักเตะเกือบค่อนทีมของชุด อาเซียน คัพ 2024 ยังไร้ประสบการณ์ในเกมระดับนานาชาติ เอาแค่คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอย่าง โจนาธาร เข็มดี กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ ก็มีสถิติลงเล่นให้ช้างศึกไม่เกิน 10 เกม เลยด้วยซ้ำ

นี่คือ 'บทเรียน' ครั้งสำคัญสำหรับการพัฒนาทีมในระยะยาว

[ 4 ] ไร้แนวรุกริมเส้นคือจุดเปลี่ยน

อีกหนึ่ง 'จุดเปลี่ยน' ของเกมนี้คือการที่ไทย ไม่มีนักเตะ 'ตัวรุก' ที่สามารถลงมาพลิกสถานการณ์ของเกมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา มีอาการบาดเจ็บรบกวนจนถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 64

ตัวสำรองที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ส่งลงในเกมแพ้ฟิลิปปินส์ คือ นิโคลัส มิคเคลสัน (ฟูลแบ็ก), เสกสรรค์ ราตรี (กองกลาง), ธีรศักดิ์ เผยพิมาย (กองหน้า), วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (กองกลาง) และ วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ (กองกลาง)

จากรายชื่อทั้ง 5 พบว่ามีเพียง ธีรศักดิ์ กับ วรชิต เท่านั้นที่เป็นสองตัวรุกโดยธรรมชาติ ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ของเกมได้ดีเท่าที่ควร 

ส่วนในราย เสกสรรค์ ที่มักจะถูกส่งลงเล่นริมเส้นนั้นก็ไม่ใช่ตำแหน่งธรรมชาติของดาวรุ่งจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั่นจึงไม่ได้เห็นศักยภาพของเขาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย 

เท่ากับว่าหลังจากที่ สุภโชค ถูกถอดออกในนาทีที่ 79 - ทีมชาติไทย ไม่เหลือนักเตะที่เล่นด้านข้างในแนวรุกเลยสักราย ซึ่งจุดนี้เองทำให้การขึ้นเกมด้านข้างของฟิลิปปินส์ สามารถทำได้สะดวกโยธินขึ้นกว่าเดิม

นี่คือสิ่งที่เป็นปัญหาแน่ๆ ของทัพช้างศึกในเกมที่เหลือ ไม่ว่าจะรอบรองชนะเลิศเลกที่สองหรือหากได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เพราะว่า อนันต์ ยอดสังวาลย์ ก็ดูเหมือนจะไม่ผ่าน ขณะที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะกลับมาซ้อม

จากนี้ไปต้องภาวนาให้ ศุภณัฏฐ์ ไม่เจ็บอะไรมาก รวมไปถึงขอให้ สุภโชค กลับมาคืนฟอร์มเก่งโดยเร็วที่สุด เพราะถ้าขาดมิติริมเส้นแบบนี้ โอกาสที่จะเสียแชมป์ของไทย นั้นมีไม่น้อยเลย

[ 5 ] กาเปญาสปรับโฉมฟิลิปปินส์ 

ชัยชนะเหนือไทย 2-1 ทำให้ฟิลิปปินส์ คือหนึ่งใน 2 ทีม ที่ยังไม่แพ้ใครใน อาเซียน คัพ 2024 ซึ่งจากฟอร์มการเล่นทั้ง 5 เกม ที่ผ่านมาบ่งบอกถึงสปิริตทีมอันยอดเยี่ยมและรวมไปถึงการวางหมากอันแยบยลของ อัลเบิร์ต กาเปญาส กุนซือของพวกเขา

สองเกมแรกอาจจะไล่ตีเสมอเมียนมาร์ และ สปป.ลาว แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา เฮดโค้ชชาวสเปน ตอบแทนความไว้ใจของแฟนๆ ด้วยการเกือบเอาชนะเต็งแชมป์อย่างเวียดนาม แถมปิดท้ายด้วยการบุกเชือดอินโดนีเซีย

ทั้ง 4 เกม ในรอบแรก กาเปญาส วางแท็กติกแตกต่างกันพอสมควร แต่เขาวางแกนหลักให้ ดิ อัซกัลส์ ทั้งแดนหลัง-กลาง-หน้า

คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟอาจจะมีการปรับบ้างตามคู่ต่อสู้ แต่ฟูลแบ็กสองข้าง ยังไงต้องเป็น พอล ทาบินาส ยืนทางขวา ส่วนฟากซ้าย ไมเคิ่ล เคมเตอร์ เป็นหลัก

แผงมิดฟิลด์ ซิโก้ ไบลี่ย์ คือคนคุมจังหวะ โดยมี 3 ประสานวัยรุ่นอย่าง ซานโดร เรเยส (21) ขับเคลื่อนเกมรุกร่วมกับ อเล็กซ์ โมนิส (21) และ ซานติอาโก รูบลีโก้ (19) 

นี่คือผู้เล่นแกนหลักที่ กาเปญาส วางให้เป็นโครงสร้างของทีมชุด อาเซียน คัพ 2024 โดยสลับบางตำแหน่งตามแท็กติกในแต่ละเกม ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือการที่พวกเขายัง 'ไร้พ่าย' ในทัวร์นาเมนต์

ที่สำคัญคือชัยชนะสุดยิ่งใหญ่เหนือไทย เป็นครั้งแรกในรอบ 52 ปี ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับเฮดโค้ชชาวสเปน ผู้เข้ามาเปลี่ยนฟิลิปปินส์ จากสมันน้อยให้กลายเป็น 'ม้ามืด' อย่างแท้จริง

____________________


ที่มาของภาพ : FA Thailand
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport