ชัยชนะเหนือซีเรีย และแชมป์ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 คือสิ่งที่สร้างความชุ่มชื้นในหัวใจคอฟุตบอลชาวไทย ทั่วทั้งปฐพี แต่เหนืออื่นใด มันมาพร้อม 'ฟอร์มการเล่น' ที่ยอดเยี่ยมจนผู้สันทัดกรณีต่างก็ชื่นชมวิถีและแนวทางการทำทีมของเฮดโค้ชที่รังสรรค์ออกมาได้ดีจริงๆ
มาซาทาดะ อิชิอิ คือผู้อยู่เบื้องหลังภาพอันงดงามที่เกิดขึ้น
ซีเรีย อาจจะไม่ใช่ชาติหัวแถวของทวีป แต่พวกเขาก็มักจะสร้างความเหนื่อยยากให้ช้างศึกเสมอยามเมื่อพบกัน อีกทั้งผู้เล่นชุดปัจจุบันก็โลดแล่นอยู่ในลีกระดับสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาร์เจนติน่า, เบลเยียม, สวีเดน, นอร์เวย์, สโลวาเกีย หรืออิรัก
แม้จะไม่ใช่จัดอยู่ในหมวดเวิลด์คลาสเฉกเช่นอังกฤษ หรือสเปน แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าประเทศเหล่านั้นต่างก็มาตรฐานสูงกว่าศึกลูกหนังในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ดังนั้นคุณภาพผู้เล่นซีเรีย ที่มาตะลุย คิงส์ คัพ 2024 จึงจัดว่ามีความแข็งแกร่งทีเดียว และต้องอย่าลืมว่าเมื่อใดที่ไทย เผชิญหน้ากับชาติจากเอเชียตะวันตกก็มักจะแพ้ทางหรือไม่ก็ฟอร์มฝืดดื้อๆ
ทว่าเกมเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม กลายเป็นว่าทัพช้างศึกไล่โขยกผู้มาเยือนอยู่ฝั่งเดียว จนสถิติหลังการแข่งขันเหนือกว่าทุกกระบวนท่า
ครองบอลเหนือกว่า 57 ต่อ 43 เปอร์เซ็นต์
โอกาสยิงมากกว่า 21 ต่อ 4 ครั้ง
ผ่านบอลมากกว่า 361 ต่อ 275 ครั้ง
มีสิ่งเดียวที่น้อยกว่าคือ ผู้รักษาประตูเซฟน้อยกว่าด้วยจำนวน 0 ต่อ 6 ครั้ง
เปอร์เซ็นต์การเล่นยังไปตกอยู่กับแดนของซีเรีย ถึง 24 เปอร์เซ็นต์ โดยอยู่ฝั่งไทย เพียง 6 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ซึ่งมันพิสูจน์ให้เห็นว่าขุนพลจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาครองเกมเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงใด
ประตูที่อาคันตุกะจากตะวันออกกลางได้นั้นเกิดจากความผิดพลาดเพียงหนเดียวเท่านั้น
รูปเกมลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญแน่นอน หากแต่มาจากการเคี่ยวกรำของเชฟใหญ่ที่ค่อยๆ ปรุงแต่งทีมทีละนิดทีละหน่อยจนค่อยๆ กลมกล่อมจนคู่ต่อกรยังท้อ
308 วัน กับจำนวน 12 เกม ที่ อิชิอิ ได้คลุกอยู่กับทีมชาติ เขาใช้งานผู้เล่นไปทั้งหมด 41 ราย และแน่นอนว่าสิ่งที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนถ่ายแข้งซีเนียร์อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, สารัช อยู่เย็น และ ธีราทร บุญมาทัน กำลังดำเนินไปทีละขั้น
แม้ตัวเลขชนะ 5, เสมอ 4 และแพ้ 3 จะไม่ได้ดูดีนัก แต่ต้องอย่าลืมว่ากุนซือชาวญี่ปุ่น ต้องนำลูกทีมเจอกับญี่ปุ่น, ซาอุดีอาระเบีย, เกาหลีใต้ (2 นัด), อุซเบกิสถาน, โอมาน, จีน และคีร์กีซสถาน ซึ่งมี แรงกิ้ง สูงกว่าทั้งนั้น
กระทั่งล่าสุดกับซีเรีย (ก่อนพบไทย อันดับ 92 ของโลก) ก็ยังถือว่าเหนือกว่าทัพช้างศึกอีกเช่นกัน
ด้วยความที่ อิชิอิ มาหากินในสยามประเทศตั้งแต่ปี 2019 มันจึงทำให้ตัวเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม, ภูมิอากาศ, ภาษา, ลักษณะนิสัย และโดยเฉพาะกับอะไรที่เป็น 'ไทยสไตล์' ดังนั้นเขาจึงมีความยืดหยุ่นสูง เพราะรู้ดีว่าบางข้อ หากเข้มงวดเกินไปกับที่นี่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา
เมล็ดผลที่เทรนเนอร์จากดินแดนอาทิตย์อุทัยบรรจงหว่านลงไปด้วยการปลูกฝังทัศนคติและแท็กติกต่างๆ จึงค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่ตัวนักเตะ ก่อนจะสะท้อนออกมาในสนาม โดยเฉพาะเกมกับซีเรีย ที่ทุกคนต่างทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมจนเหนือกว่าคู่แข่งทุกกระบวนท่า
มันจึงน่าเสียดายเหลือเกินที่ไทย ร่วงคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 โซนเอเชีย รอบที่ 3 แบบสุดชอกช้ำ เพราะถ้าได้ผ่านสู่รอบสอง มันจะเป็นสมรภูมิชั้นยอดที่จะลับเขี้ยวให้แข้งช้างศึกได้ฝึกปรือเพื่อต่อยอดในอนาคต
จากประวัติการทำงานที่ผ่านๆ มาของ อิชิอิ เชื่อมือได้เลยว่าเขาจะพัฒนาทีมได้แน่ๆ ขอเพียงให้อิสระอย่างเต็มที่ แล้วรอดูผลลัพธ์ที่ออกมาเท่านั้น
เมื่อมองฟอร์มการเล่นของไทย ในระยะหลัง คงจะไม่เกินเลยหากจะบอกว่าศึกชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2024 แชมป์คงจะไม่หนีไปจากแผ่นดินขวานทองอีกครั้ง แม้จะมีอินโดนีเซีย ที่อุดมไปด้วยนักเตะโอนสัญชาติก็ตาม
ในเมื่อเรามีแม่ทัพที่เก่งกาจและฉลาดล้ำเช่นนี้ วลี 'ก้าวข้ามอาเซียน' คงจะเกิดขึ้นจริงในเร็ววัน เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ช้างศึกจะต้องวางแผนให้ไกลแล้วไปให้ถึง
มาซาทาดะ อิชิอิ คนนี้ใช่เลย
ชิกกะด้าว