เคยู สปอร์ต โพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นโอกาสแชมป์ของทัพช้างศึกในคิงส์คัพ เสียงส่วนใหญ่มองไทยผ่านฟิลิปปินส์ คู่แข่งด่านแรกในวันที่ 11 ต.ค.นี้ และจะเข้าชิงได้สำเร็จ
จากการที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยจะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ระหว่างวันที่ 11-14 ต.ค. 2567 ที่ สนามติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา นั้นเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสะท้อนมุมมองของแฟนกีฬาตลอดจนประชาชนทั่วไป KBU SPORT POLL มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตร่วมกับสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา (WISDOM) จึงสำรวจคิดเห็นเรื่อง "ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ กับโอกาสของทัพช้างศึก"
สำหรับการสำรวจดังกล่าวดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 4-6 ต.ค. 2567 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจข่าวสารทางการกีฬาซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวนจำนวน 1,173 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 701 คน คิดเป็นร้อยละ 59.76 เพศหญิง 419 คน คิดเป็นร้อยละ 35.73 และ LTBGTQIA+ 53 คน คิดเป็นร้อยละ 4.51 ซึ่งผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆโดยภาพรวมพบว่า
โอกาสในการเก็บชัยชนะจากการพบกับทีมชาติฟิลิปปินส์ (11 ตุลาคม 2567) ส่วนใหญ่ร้อยละ 37.50 เชื่อว่า มีโอกาสมาก รองลงมา ร้อยละ 33.20 มีโอกาสค่อนข้างมาก, ร้อยละ 11.10 มีโอกาสค่อนข้างน้อย, ร้อยละ 7.00 มีโอกาสน้อย, ร้อยละ 6.90ไม่แน่ใจ และร้อยละ 4.30ไม่มีโอกาสเลย
โอกาสในการเข้ารอบชิงชนะเลิศ (14 ตุลาคม 2567) ส่วนใหญ่ ร้อยละ 32.10 มีโอกาสค่อนข้างมาก, รองลงมาร้อยละ 31.60 มีโอกาสมาก, ร้อยละ 18.40 มีโอกาสค่อนข้างน้อย, ร้อยละ 10.30 มีโอกาสน้อย, ร้อยละ 4.90 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 2.70ไม่มีมีโอกาสเลย
ความพึงพอใจที่มีต่อศักยภาพและความสามารถของนักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมทีมชาติ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 34.70 พอใจในระดับมาก รองลงมา ร้อยละ 32.10 พอใจในระดับมากที่สุด, ร้อยละ 18.50 พอใจในระดับปานกลาง, ร้อยละ 9.30 พอใจในระดับน้อย, ร้อยละ 3.60 พอใจในระดับน้อยที่สุด และร้อยละ 1.80ไม่แสดงความคิดเห็น
ปัจจัยที่จะนำไปสู่ความหวังและโอกาสแห่งสำเร็จของทีมชาติไทย ส่วนใหญ่ ร้อยละ 31.90 ศักยภาพและความพร้อมของนักกีฬา รองลงมา ร้อยละ 28.10, ศักยภาพและความสามารถของหัวหน้าผู้ฝึกสอน ร้อยละ 24.70, สภาพแวดล้อมและระยะเวลาในการเตรียมทีม, ร้อยละ 9.80 แรงเชียร์จากแฟนบอลและการสนับสนุนของผู้เกี่ยวข้อง, ร้อยละ 3.60 ศักยภาพและความสามารถของทีมคู่แข่งขัน และอื่นๆร้อยละ 1.90
ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจดังกล่าวเมื่อพิจารณาถึงโอกาสของทัพช้างศึกกับความสำเร็จ โดยเฉพาะการเข้าชิงชนะเลิศ จะเห็นได้ว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่จะมองไปในทิศทางเดียวกันว่าทีมชาติไทยมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก และจากความหวังและโอกาสดังกล่าวอาจจะเป็นเพราะมีปัจจัยมาเกื้อหนุนในหลากหลายมิติทั้งด้านของสภาพแวดล้อม ในฐานะเจ้าบ้านที่มีแฟนบอลคอยหนุนหลังรวมทั้งศักยภาพและความพร้อมของนักเตะตลอดจนความสามารถของ กุนซือจากแดนปลาดิบอย่าง "มาซาทาดะ อิชิอิ"
อย่างไรก็ตามโอกาสที่ทัพนักเตะทีมชาติไทยจะประสบความสำเร็จสามารถทะยานเข้าชิงและคว้าแชมป์นำถ้วยพระราชทานมาครองได้หรือไม่นั้นนอกจากปัจจัยที่แฟนกีฬาสะท้อนแล้ว การเตรียมความพร้อมของจังหวัดเจ้าภาพเพื่อให้เกมการแข่งขันแห่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของประเทศดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยภายใต้มาตรฐานสากลและสอดคล้องกับการรับรองของฟีฟ่าที่ยกให้การแข่งขันดังกล่าวเป็น A แมตช์ ถือว่าฟุตบอลรายการนี้จะสมบูรณ์และบรรลุเป้าประสงค์ในทุกมิติได้เช่นกัน