จากการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯภายใต้การนำของ นางนวลพรรณ ล่ำซำ ที่เข้ามาบริหารจัดการในฐานะนายกสมาคมจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา 6 เดือนของการเข้ารับตำแหน่งเกิดปรากฎการณ์เกี่ยวกับวงการฟุตบอลไทยในหลากหลายมิติ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสะท้อนมุมมองของประชาชนที่มีต่อผลงานในการบริหารจัดการ KBU SPORT POLL (เคบูยู สปอร์ต โพล) โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ร่วมกับสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา (WISDOM) จึงสำรวจคิดเห็นเรื่อง "6 เดือนกับผลงานสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"

สำหรับการสำรวจดังกล่าวดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 2-4 ก.ย. 2567 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารทางการกีฬาซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 1,241 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 731 คน คิดเป็นร้อยละ 58.91 เพศหญิง 403 คน คิดเป็นร้อยละ 32.47 และ LTBGTQLA+ 107 คน คิดเป็นร้อยละ 8.62 ซึ่งผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆโดยภาพรวมพบว่า

ความพึงพอใจที่มีต่อการบริหารจัดการของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.80 พึงพอใจระดับมาก รองลงมา ร้อยละ 29.90 พึงพอใจระดับปานกลาง, ร้อยละ 14.90 พึงพอใจระดับมากที่สุด, ร้อยละ 9.00 พึงพอใจระดับน้อย และ ร้อยละ 1.40 พึงพอใจระดับน้อยที่สุด

ผลงานที่เข้าตาประชาชน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 27.80 ความมุ่งมั่นตั้งใจของนายกสมาคม รองลงมา ร้อยละ 25.40 การเตรียมพัฒนาและยกระดับไทยลีก, ร้อยละ 22.90 การเตรียมพัฒนาและยกระดับทีมชาติ, ร้อยละ 14.50 การจัดประชุมฟีฟ่าคองเกรส, ร้อยละ 7.30 การสื่อสารและการสร้างภาพลักษณ์องค์กร และอื่นๆร้อยละ 2.10

ความคาดหวังที่มีต่อการพัฒนาและยกระดับวงการฟุตบอลไทย ส่วนใหญ่ ร้อยละ 28.60 การวางรากฐานและโครงสร้างการพัฒนาระดับเยาวชน, รองลงมา ร้อยละ 24.30 การพัฒนาและเตรียมทีมชาติทุกระดับอย่างเป็นระบบ, ร้อยละ 21.70 การพัฒนาและยกระดับไทยลีกสู่มาตรฐานสากล, ร้อยละ 15.10 ความอิสระในการบริหารจัดการ, ร้อยละ 7.90 การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผู้ตัดสิน และอื่นๆร้อยละ 2.40

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่าจากผลการสำรวจดังกล่าวจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา  6 เดือนของการบริหารจัดการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯภายใต้การนำของ “นางฟ้าลูกหนัง” นวลพรรณ ล่ำซำ นั้นอาจจะเป็นเพราะกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬามหาชนที่ทุกภาคส่วนให้ความสนใจในความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องและเมื่อมีสภากรรมการชุดใหม่เข้ามาบริหารผนวกกับความมุ่งมั่นและตั้งใจของนายกสมาคมทำให้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่พึงพอใจผลงานอยู่ในระดับมาก

ผศ.ดร. รัฐพงศ์ เผยอีกว่า เมื่อพิจารณาถึงผลงานที่เข้าตาประชาชนตลอดจนความคาดหวังที่มีต่อการพัฒนาและยกระดับวงการฟุตบอลไทยจะเห็นว่านอกจากความตั้งใจของผู้นำแล้วกลุ่มตัวอย่างยังสะท้อนหรือส่งสัญญาณให้สมาคมดำเนินการการพัฒนาและยกระดับไทยลีกรวมทั้งพัฒนาทีมชาติทุกระดับอย่างเป็นระบบและที่น่าสนใจสำหรับหัวใจของการพัฒนาคือการวางรากฐานและโครงสร้างการพัฒนาระดับเยาวชน

"อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่ผู้ตอบแบบสอบถามมีส่วนร่วมและสะท้อนออกมานั้นถึงแม้จะไม่ครอบคลุมในทุกมิติของการพัฒนาก็ตาม แต่ถ้าสมาคมฯตระหนักและให้ความสำคัญด้วยการนำฐานข้อมูลไปใช้ประกอบสำหรับการขับเคลื่อนการบริหารจัดการก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงการฟุตบอลไทยได้เช่นกัน"