คำถามจากแฟนลูกหนังไทยคัดบอลโลกปี2026 ยังสำคัญมั๊ย?

   จากการประกาศยกเลิกโปรแกรมลงเตะฟีฟ่าเดย์ เดือน มี.ค.66 ของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เนื่องจากการปรับปฏิทินฟุตบอลลีกในประเทศ เพื่อให้ไทยลีก 1 แข่งขันต่อเนื่อง โดยจะเพิ่มเกมกลางสัปดาห์ 2 นัดคือวันที่ 14-16 มี.ค.66 และวันที่ 28-30 มี.ค. โดยให้เหตุผลว่าเป็นการร่นระยะเวลาจบบอลลีกให้เร็วขึ้นจากเดิมจะปิดเดือน พ.ค.66 แต่ขยับมาจบในวันที่ 22 เม.ย.66 เพื่อหลีกทางให้ซีเกมส์ 2023 ระหว่างวันที่ 28 เม.ย. - 16 พ.ค.66 มีเวลาเตรียมทีมมากขึ้นนั่นเอง

   ทว่าจากการตัดสินใจยกเลิกโปรแกรมฟีฟ่าเดย์เดือน มี.ค.66 หนนี้ จะส่งผลให้ทัพ "ช้างศึก" แทบการันตีไปอยู่ในโถ 2 ของการจับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมชาติไทย ไปอยู่โถ 2 นั้น เนื่องจากจะมีโปรแกรมเตะประมาณ 16 นัดเท่านั้น ประกอบด้วย ชิงแชมป์อาเซียน 2022 (8 นัด หากเข้าถึงรอบชิงฯ), อุ่นในฟีฟ่าเดย์ มิ.ย.66 (2 นัด), อุ่นนอกปฏิทินฟีฟ่าเดย์ ก.ค.66 (2 นัดถ้ามี), อุ่นในฟีฟ่าเดย์ ก.ย.66 (2 นัด) และอุ่นเครื่องในฟีฟ่าเดย์ ต.ค.66 (2 นัด) เท่านั้น

   ทั้งนี้ การเก็บคะแนนสะสมที่มีการคิดคะแนนอันดับโลกและค่าสัมประสิทธิ์แตกต่างกัน อุ่นเครื่องนอกปฏิทินฟีฟ่าเดย์ (5 คะแนน), อุ่นเครื่องในปฏิทินฟีฟ่าเดย์ (10 คะแนน), ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ระดับทวีป (25 คะแนน), ฟุตบอลเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย (35 คะแนน), ฟุตบอลเอเชียนคัพ รอบสุดท้าย (ตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป) (40 คะแนน) โดยศึกเอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ถูกเลื่อนออกไปเตะต้นปี 2024

  ล่าสุด แฟนบอลชาวไทย ต่างแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์อย่างคับคั่ง โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือไม่เห็นด้วยและงงกันเป็นแทบกับการจัดการแบบนี้ เนื่องจากแทนที่จะให้ทีมชาติไทย มีโปรแกรมลงเตะช่วงฟีฟ่าเดย์ทุกนัด เพื่อที่จะพาตัวเองเก็บคะแนนแรงกิ้งเพิ่มขึ้นและขยับขึ้นไปติด 1 ใน 19 อันดับของทวีปเอเชีย จากปัจจุบันที่รั้งอันดับ 21 ของเอเชีย จะส่งผลดีในการจบสลากคัดบอลโลก 2026 อีกด้วย หากไทยได้อยู่ในโถ 2

   นอกจากนี้ยังมีแฟนลูกหนังสายเลือดไทย ยังอยากรู้อีกว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มองว่าซีเกมส์สำคัญกว่าฟุตบอลโลกหรือไม่ จึงมีหลายคนตำหนิและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างในโลกโซเชียล ณ เวลานี้

 สำหรับการจับสลากแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง จะมีขึ้นในเดือน ต.ค.66 โดยแบ่งออกเป็น 9 กลุ่ม ๆละ 4 ทีม คัดเอาทีมแชมป์และรองแชมป์ผ่านเข้าสู่รอบ 18 ทีมสุดท้ายเพื่อชิงตั๋วฟุตบอลโลก ซึ่งการจัดสรรทีมวางจะจัดสรรจากอันดับโลก แบ่งเป็นทีมอันดับ 1-8 ของทวีปอยู่ในโถที่ 1, อันดับ 9-18 อยู่ในโถที่ 2, อันดับ 19-27 จะอยู่ในโถที่ 3, อันดับที่ 28-36 อยู่ในโถที่ 4 ทั้งนี้ทีมชาติไทย (อันดับ 21 ของเอเชีย) จะอยู่ในโถที่ 3