"บิ๊กหยิม" ยุทธนา หยิมการุณ นายกสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เตรียมเปิดตัวคณะกรรมการบริหารสมาคมในวันที่ 8 ก.ค.67 นี้ พร้อมแจงแนวทางนโยบายการทำงานของสมาคมเพื่อช่วยยกระดับวงการฟุตบอลไทย ในการสร้างอาชีพทางเลือกให้กับเยาวชนนักกีฬาและผู้ฝึกสอนชาวไทยในอนาคต
"บิ๊กหยิม" ยุทธนา หยิมการุณ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สโมสรคัสตอม ยูไนเต็ด และอดีตผอ.ทีมชาติไทย ในฐานะนายกคนใหม่สมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือ "สบท." ( Thailand Football Coaches Association ) หรือ" TFCA " ซึ่งสมาคมดังกล่าวมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกรมการปกครองปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว และได้มีการประชุมเพื่อเตรียมแผนงานต่างๆไปเมื่อเร็วๆนี้ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางและวัตถุประสงค์ของการก่อนตั้งสมาคม และการดำเนินงานต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางช่วยพัฒนาและยกระดับผู้ฝึกสอนและเยาวชนไทยในตามนโยบายของสมาคม
โดยทาง "บิ๊กหยิม" ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมดังกล่าวว่า "หลังจากได้คลุกคลีในการทำงานด้านฟุตบอลไทยมายาวนาน และหมดวาระหลังมีการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลชุดใหม่ ตนเองก็ยังมีเจตนารมณ์เช่นเดิม ที่ต้องการช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ในมิติต่างๆที่พอจะทำได้ จึงได้ตัดสินใจตอบรับตามคำเชิญที่จะให้เข้ามานั่งเก้าอี้นายกสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่า ณ จุดนี้ส่วนของผู้ฝึกสอนเอง ก็มีความสำคัญไม่น้อย กับการบริหารจัดการช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบัน ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเอง ก็ได้มีการเปิดอบรมหลักสูตรต่างๆ เกี่ยวกับผู้ฝึกสอนออกมาอย่างต่อเนื่องมากมาย แต่ยังไม่มีองค์กรที่จะรองรับเพื่อคอยดูแลให้ความช่วยเหลือหรือต่อยอด ณ จุดนี้ทางสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยพัฒนา ยกระดับคุณภาพ สร้างประสบการณ์ของผู้ฝึกสอนชาวไทย จึงพร้อมที่จะส่งเสริม สนับสนุนผู้ฝึกสอนชาวไทยที่อยู่ภายในองค์กรให้มีอนาคตที่ดี มีทางเลือกที่เพิ่มมากขึ้นในการนำความรู้ความสามารถมาร่วมช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย โดยให้มีการต่อยอดในการทำงานด้านต่างๆ ซึ่งสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยนั้นไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ"
"บิ๊กหยิม" กล่าวต่อว่า "โดยแนวทางในการทำงานของสมาคมในเบื้องต้นที่วางเอาไว้ จะมีการเปิดรับผู้ฝึกสอนในระดับไลน์เซ่นต่างๆเข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคม และจะมีการเปิดศูนย์การทำงาน ซึ่งกำหนดวงเอาไว้ให้ได้ทั้งหมด 10 ศูนย์พยายามที่จะให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในแต่ละศูนย์จะมีผู้ฝึกสอนที่จบหลักสูตรไลน์เซ่นโปร ลดหลั่นกันลงไป เข้าไปดูแลควบคุมรับผิดชอบ เพื่อเปิดรับนักกีฬาเยาวชนที่จะเข้ามาฝึกทักษะฟุตบอลกับศูนย์ต่างๆ แบบกินนอน หรือไปกลับตามแต่ความเหมาะสม ควบคู่ไปกับการเรียนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับวุฒิการศึกษาเหมือนเรียนภาคปกติ แต่จะใช้เวลาเรียนสั้นกว่าประมาณ1-2 ปี และสามารถนำวุฒิการศึกษาไปใช้สมัครศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไปได้ตามปกติ"
"ขณะเดียวกันนักกีฬาที่มีสามารถในการเล่นฟุตบอล ทางศูนย์ฝึกก็จะต่อยอดในการประสานงานด้านต่างๆเพื่อเล่นฟุตบอลอาชีพกับสโมสรทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศให้กับนักกีฬาด้วย ส่วนคนที่ไม่สามารถไปต่อในการเล่นฟุตบอลอาชีพ ก็มีทางเลือกอื่นๆให้ อาทิเช่น การเป็นนักโภชนาการ, การเป็นนักวิเคราห์เกม การเป็นนักสเกาท์ หรืออื่นๆเป็นต้น ซึ่งเป็นอีกหลายทางเลือกให้กับนักกีฬาที่เข้ามาอยู่ในศูนย์ ที่ทุกแขนงล้วนก็มีความสำคัญกับการพัฒนาวงการฟุตบอลทั้งสิ้น"
นายกสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยังกล่าวอีกว่า "การทำงานของสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ หรือกำไรใดๆ แต่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยไปด้วยกันในมิติตามแนวทางของสมาคมที่วางเอาไว้ ก็หวังว่าผู้ฝึกสอนชาวไทยจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยไปด้วยกัน โดยในอนาคตทางสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะพยายามนำโครงการต่างๆที่ดีและเป็นประโยชน์ มาส่งเสริมและดูแลบุคคลกรของวงการฟุตบอลไทยในส่วนนี้กันต่อไปเรื่อยๆ โดยพร้อมประสานการทำงานร่วมกับของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศ ( กกท.) เพื่อสร้างสรรค์พัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวหน้า และแข่งขันสู้กับประเทศต่างๆไปด้วยกัน"
ทั้งนี้ทางสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือ "สบท." จะมีการเปิดตัวกรรมการบริหารชุดใหม่ในวันจันทร์ที่ 8 ก.ค. 67 เวลา10.00 น. ที่สโมสรกรมศุลกากร ( คลองเตย ) จะขอเรียนเชิญสื่อมวลชน และผู้สนใจเข้าร่วมงานมาณ ที่นี่้ด้วย เพื่อรับทราบแนวทางการดำเนินงานของสมาคมต่อไป