9 ข้อ! บทสรุป ทีมชาติไทย ชนะ สิงคโปร์ 3-1 แต่จบเส้นทางคัดบอลโลก

9 ข้อ! บทสรุป ทีมชาติไทย ชนะ สิงคโปร์ 3-1 แต่จบเส้นทางคัดบอลโลก
แม้ว่าไทย จะเปิดบ้านเอาชนะสิงคโปร์ ไปได้ 3-1 ทว่าไม่เพียงพอต่อการผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 โซนเอเชีย รอบที่สอง เนื่องจากเฮดทูเฮดเป็นรองจีน ซึ่งทำให้ทัพช้างศึกต้องรอคอยความหวังไปอีก 4 ปี และนี่คือ '9 ข้อ' ที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้ร่วมแสดงความคิดเห็นกัน!!

1 การคัมแบ็กของ ชนาธิป

   มาซาทาดะ อิชิอิ เปลี่ยนแปลงสองผู้เล่นจากเกมบุกเสมอจีน 1-1 ด้วยการส่ง เอเลียส ดอเลาะ กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ แทนที่ สุพรรณ ทองสงค์ และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ 

   การคัมแบ็กสู่การเป็นตัวจริงของ ชนาธิป ถือว่าถูกใจแฟนฟุตบอลชาวไทย เป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่คือนักเตะที่สามารถพลิกสถานการณ์ของเกมได้ในชั่วพริบตา และประตูขึ้นนำ 1-0 เขาก็เป็นคนแอสซิสต์ด้วย ขณะที่ เอเลียส นั้นน่าจะลงมาเพื่อปะทะ อิ๊กห์ซาน ฟานดี้ ศูนย์หน้าสิงคโปร์ ที่มีความแข็งแกร่ง

2 เริ่มเพรสซิ่งเมื่อสายไป 

   โทษฐานที่เกาหลีใต้ เอาชนะจีน ไปด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้ไทย ต้องเก็บชัยให้ได้ โดยมีเงื่อนไขคือการยิง 3 ประตู เพื่อแซงนำลูกได้-เสีย แต่รูปเกมที่ออกมาคือทัพช้างศึกไม่มีการวิ่งเพรสซิ่งเพื่อเอาบอลไปทำประตูตั้งแต่นาทีแรกของการแข่งขัน เพราะกว่าจะมาเริ่ม ก็หลังจากถูกตีเสมอแล้วนั่นเอง

   ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากแท็กติกที่ มาซาทาดะ อิชิอิ วางไว้ บวกกับความฟิตของนักเตะที่อาจจะไม่สามารถวิ่งบดบี้ขยี้ได้ตลอดทั้งเกม แต่ด้วยศักยภาพของผู้เล่นและลีกในประเทศที่เหนือกว่า หากว่าเพรสซิ่งหนักกว่านี้ บางทีผลที่ออกมาน่าจะไม่ใช่สกอร์ 3-1

3 สปีดบอลที่ต้องเร็วกว่านี้

   ก่อนจะโดนตีเสมอ 1-1 สปีดบอลของไทย ค่อนข้างช้า ซึ่งมันทำให้สิงคโปร์ มีเวลาลงมาเล่นเกมรับกันได้ถนัด ซึ่งพวกเขาก็วางแท็กติกมาตั้งรับเพื่อรอจังหวะสวนกลับ กระทั่งมาประสบผลกับการตีเสมอ และทำให้ทัพช้างศึกเล่นได้ยากกว่าเดิม

   แต่พอถูกยิงประตูเจ๊า ทีมชาติไทย เหมือนตื่นจากภวังค์ เพราะหลังจากนั้นพายุเกมบุกก็ถาโถมทันที ทัพช้างศึกเดินเกียร์ห้าดาหน้ารุกแหลก ก่อนจะมายิงเพิ่มอีกสองประตู แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไป

4 เปลี่ยนตัวช้าไป (ไม่) หน่อย

   กว่าที่ ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกความหวังสูงสุดและบรรดาตัวสำรองคนอื่นๆ จะได้ลงสนามก็ปาไปนาทีที่ 65 ของการแข่งขัน ซึ่งนั่นคือหลังจากโดนสิงคโปร์ตีเสมอเสียด้วยซ้ำ 

   เป็นอีกครั้งที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ถูกตั้งคำถามถึงการปรับแผนการเล่นที่ช้าเกินไป เช่นเดียวในเกมที่เสมอจีน 1-1 ที่เขาไม่ส่งทั้งศูนย์หน้าจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, ชนาธิป สรงกระสินธ์ รวมไปถึง เอเลียส ดอเลาะ ลงสนาม 

   การเปลี่ยนตัวในเกมชนะสิงคโปร์ 3-1 ก็เป็นผล เพราะผู้ทำประตูสองลูกก็คือนักเตะสำรองอย่าง ปรเมศย์ อาจวิไล และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ นั่นเอง

5 ผลงานของ ศุภชัย กับทีมชาติ

   ศุภชัย ใจเด็ด เจ้าของรางวัล 'ดาวซัลโว' ไทยลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน แน่นอนว่ามันการันตีถึงความยอดเยี่ยมที่มี แต่กับทีมชาติ ฟอร์มการเล่นของเขายังไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนยามรับใช้ต้นสังกัด

   โอกาสยิงเหน่งๆ 2 ครั้ง ในครึ่งแรก หากว่าแปรเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ ทัพช้างศึกน่าจะสบายกว่านี้ในครึ่งหลัง และถ้าผลงานของหัวหอกวัย 25 ปี ยังเป็นเช่นนี้อยู่ มาซาทาดะ อิชิอิ น่าจะเปิดใจลองใช้คนอื่นๆ บ้างก็คงดี

6 ศุภณัฏฐ์ อนาคตไกล แต่ต้องเล่นสม่ำเสมอกว่าที่เป็นอยู่

   ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา คือนักเตะที่เก่งกาจและมีอนาคตลูกหนังอันยิ่งใหญ่รออยู่ ทว่าการที่ไม่ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอกับ โอเอช ลูเวิน ทำให้พัฒนาการของเขาถูกชะลอไปพอสมควร ในเกมกับสิงคโปร์ แม้เจ้าตัวจะเป็นผู้ทำประตูแรก แต่โอกาสอีก 2-3 ครั้ง ตลอดทั้ง 90 นาที นั้นควรจะต้องแปรเปลี่ยนให้เป็นสกอร์

   เข้าใจว่า มาซาทาดะ อิชิอิ เชื่อมั่นในลูกทีมคนนี้ เพราะร่วมงานกันสมัยอยู่ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่การที่ตัวนักเตะมีจำนวนเกมที่น้อยมากๆ ในลีกเบลเยียม มันจึงทำให้จังหวะความเฉียบคมน้อยลงไปเยอะมากๆ 

7 ใช้โอกาสเปลืองเกินไป

   ตลอดทั้ง 90 นาที ทีมชาติไทย เหนือกว่าทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการครองบอลที่ 57 ต่อ 43 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่น่าตกใจคือโอกาสในการทำประตูที่ทัพช้างศึกทำได้ถึง 34 ครั้ง โดยเป็นการยิงตรงกรอบ 13 หน แต่กลับได้มาเพียง 3 ลูก เท่านั้น

   นี่เป็นอีกครั้งที่ปัญหาเรื่องการจบสกอร์ในพื้นที่สุดท้ายที่ไทย ยังทำได้ไม่ดีพอ และเมื่อไม่สามารถทำได้สำเร็จ ก็ต้องกลับไปเริ่มกันใหม่ในอีก 4 ปีข้างหน้า

8 ซันนี่ ช่วยได้เยอะมาก

   ส่วนหนึ่งที่สิงคโปร์ แพ้ไทยไปเพียง 1-3 ต้องชื่นชม ฮัสซัน ซันนี่ จอมหนึบวัย 40 ปี ของพวกเขาที่ช่วยเซฟสำคัญได้ไม่ต่ำกว่า 5 หน (เซฟ 9 ครั้ง) โดยเฉพาะการยืนตำแหน่งที่ทำได้ยอดเยี่ยมจนสามารถป้องกันการทำประตูของช้างศึกได้หลายต่อหลายจังหวะ

9 อิชิอิ กับแท็กติกเกมบุกและความเชื่อมั่นในทีมชุดเดิม

   มาซาทาดะ อิชิอิ คือกุนซือที่ปราดเปรื่อง เขาชาญฉลาดในการวางกลยุทธ์เมื่อเผชิญหน้ากับทีมที่แข็งแกร่งกว่า ทว่าการเจอกับทีมที่ด้อยกว่า ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม เพราะตลอดทั้ง 90 นาที ที่ ราชมังคลากีฬาสถาน ดูเหมือนว่าทีมชาติไทย จะไม่ได้เดินเกมบุกแบบเต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร

   นอกจากนี้ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น เป็นคนที่เชื่อมั่นในทีมชุดเดิมจนเกินไปอาจจะทำให้นักเตะที่ฟอร์มดีหลายๆ คนได้รับโอกาสน้อยไปนิด ตรงจุดนี้ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต บางทีอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport