ค่ำวันนี้ "สิบเก้านาฬิกาตรง" ศึกอภิมหายุทธลูกหนัง ทัวร์นาเมนต์คัดบอลโลก 2026 โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม ซี นัดที่ 5 ระหว่าง ทีมชาติจีน บรรเลงเพลงแข้งซด ทีมชาติไทย จะเริ่มขึ้นแล้ว!
ไม่ต้องห่วงว่าจะรับชมได้ทางไหน เพราะสถานีโทรทัศน์สีเขียวชื่อดังย่านวิภาวดีรังสิต ไทยรัฐ ทีวี หมายเลข 32 จะรับหน้าที่เสิร์ฟความมันให้แฟนบอลไทยอย่างเราได้ชมสด ๆ เหมือนเดิม
"ช้างศึก" ทีมชาติไทย ไร้ทางเลือก ต้องชนะสถานเดียว หรือหากทำได้แค่เสมอ ต้องไปลุ้นในเกมสุดท้าย ทว่าหากเกิดแพ้ "ตกรอบ" ทันทีแบบไม่มีอะไรต้องลุ้นอีกต่อไป
ตามหน้าเสื่อต้องยอมรับว่า ‘จีน’ เหนือกว่าทั้ง การเล่นในถิ่นตัวเอง ความมุ่งมั่นเพื่อ 3 แต้ม เพราะถ้าชนะการันตีลิ่วรอบ 3 ทันที แถมรถเข็นร้านขายลูกชิ้นย่านมณฑลเสิ่นหยางบอกอีกว่า "วันนี้ป้ามีลูกชิ้น (ครึ่งไม้) เองนะคะ"
ลูกทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ เข้าแคมป์เก็บตัวซ้อมตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม ระยะเวลาเป็นจำนวน 8 วันเต็ม ๆ แต่ได้แข้งซ้อมแบบฟูลทีมจริง ๆ เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ด้วยทาง สุภโชค สารชาติ ยังติดภารกิจกับต้นสังกัด ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร จึงมาสมทบเป็นคนสุดท้าย
แต่ด้วยประสบการณ์การณ์ของนักเตะสายเลือดสยาม คงไม่มีปัญหาอะไร หลายคนอาจเคยร่วมงานกับ "เซนเซ อิชิอิ" หรือบางคงอาจไม่เคยร่วมงานกันเลย ทว่ารูปแบบการเล่นของ "ช้างศึก" ยุค "เจแปนเวย์" ยังคงยึดเหนี่ยวมั่นคงแบบไร้กังวล
ถ้าถามเรื่องการจัดทัพ จะส่งใครลงเล่น เอาเป็นว่า ผมเชื่อแบบ 99.99 % กุนซือวัย 57 ปี จะไม่ใช้แข้งหน้าใหม่ และจะยึดขุมกำลังที่เคยร่วมงาน และใช้มาโดยตลอดลงสนามก่อนแน่นอน เพราะเขาเคยสัมภาษณ์ไปแล้วว่า "ต้องการใช้แข้งที่เล่นร่วมกัน และเข้าใจระบบมากที่สุด"
เกมสำคัญแบบนี้ "ผลแพ้ชนะ" สามารถชี้วัดได้เลยว่า ขุนพลจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะยังอยู่ในเส้นทาง ‘ฟุตบอลโลก 2026’ หรือจะร่วงตกรอบ และไปรอคัดใหม่ในครั้งหน้ากับฟุตบอลโลก 2030
โอกาสมาอยู่ตรงหน้า แต่ด้วยการที่เราเล่นเป็นเกมเยือน ผสมกับมีแฟนบอลเจ้าถิ่นเข้ามาข่มขวัญ ‘ช้างศึก’ ถึงสนามกว่า 6 หมื่นคน หากแข้งไทยไม่จัดการความกดดันนี้ให้ดี หรือหลุดสมาธิแม้แต่เสี้ยววินาที อาจโดนนักเตะจีนพร้อมลงโทษได้ตลอดเวลาเป็นแน่
ปัจจัยหลักเมื่อลงสนามไปเล่น เชื่อว่าทีมชาติไทยทุกคนไม่กลัว และเต็มที่แบบร้อยเปอร์เซนต์ แต่สิ่งสำคัญที่อาจเป็นตัวชี้วัดของเกมนี้คือ การใช้โอกาสจบสกอร์ที่ต้องห้ามเปลืองเด็ดขาด รวมทั้งวินัยในเกมรับต้องจดจ่อทั้ง 90 นาที หากทำได้โอกาสซิวชัยกลับบ้านก็มีเช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องสถิติก็คือสถิติ ที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเท่านั้น โดย 5 เกมหลังเราชนะแค่นัดเดียว แต่เกิดขึ้นที่แดนมังกรแดง ศึก "ไชน่า คัพ 2019" ตอนนั้นเราบุกมาเชือด 1-0 ชนิดที่คาดไม่ถึง แต่ฟุตบอลไม่ได้วัดกันที่อดีต แต่วัดกันหน้างานในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นโฟกัสเกมวันนี้เป็นหลัก อย่าไปจมปลักกับอดีต
ความเชื่อ ความศรัทธา และหัวจิตหัวใจนักเตะทีมชาติไทยทุกคน จะรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว เพื่อเป้าหมายเดียวกันนั่นคือ "ชัยชนะ" กลับบ้านเรา และมาตั้งตารอดูกันว่า ตัวแทนนักฟุตบอลของพวกเราจะทำได้หรือไม่ … We Are Thailand!
"กอล์ฟ เบนเทเก้"