เคบียู สปอร์ต โพล โดย ม.เกษมบัณฑิต เผยผลสำรวจแฟนบอลไทย เสียงส่วนมากแสดงความเชื่อมั่น มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชแดนปลาดิบ จะพาทัพช้างศึกเฮ บุกปราบมังกรจีนถึงถิ่น ในแมตช์สำคัญ ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบ 2 โซนเอเชีย วันพฤหัสบดี ที่ 6 มิ.ย.นี้ โดยเสียงส่วนใหญ่ยังพอใจกับรายชื่อผู้เล่นที่เรียกมาติดธงทำหน้าที่ใน 2 แมตช์สำคัญชี้ชะตาเข้ารอบต่อไปครั้งนี้ กับ จีน และ สิงคโปร์
จากการที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยจะลงสนามแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย กลุ่มซี ตามโปรแกรม 2 นัดสุดท้าย ซึ่งจะพบกับทีมชาติสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันพฤหัสบดี ที่ 6 มิ.ย. 2567 และทีมชาติสิงคโปร์ ในวันอังคาร ที่ 11 มิ.ย.นี้นั้น เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสะท้อนมุมมองของแฟนกีฬาตลอดจนประชาชนทั่วไปในมิติที่เกี่ยวกับความหวังของทีมชาติไทย KBU SPORT POLL (เคบียู สปอร์ต โพล) มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต โดยความร่วมมือของศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์กับหลักสูตรการบริหารนวัตกรรมการสื่อสาร คณะนิเทศศาสตร์ จึงสำรวจคิดเห็นเรื่อง "ฟุตบอลโลก 2026 กับความหวังของทัพช้างศึก" ขึ้นมา
สำหรับการสำรวจดังกล่าว ดำเนินการผ่านระบบออนไลน์และสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ระหว่างวันที่ 1-3 มิ.ย. 2567 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจข่าวสารทางการกีฬาซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจำนวนจำนวน 1,053 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 708 คน คิดเป็นร้อยละ 67.24 และเพศหญิง 345คน คิดเป็นร้อยละ 32.76 ซึ่งผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆโดยภาพรวมพบว่า โอกาสในการเก็บชัยชนะจากการพบกับทีมชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 6 มิ.ย. 2567 ส่วนใหญ่ร้อยละ 31.20 มีโอกาสค่อนข้างมาก รองลงมาร้อยละ 28.60 มีโอกาสมาก, ร้อยละ 24.90 มีโอกาสค่อนข้างน้อย, ร้อยละ 8.00 มีโอกาสน้อย, ร้อยละ 4.10 ไม่มีโอกาสเลย และร้อยละ 3.20 ไม่แน่ใจ
โอกาสในการเก็บชัยชนะจากการพบกับทีมชาติสิงคโปร์ ในวันที่ 11 มิ.ย. 2567 ส่วนใหญ่ร้อยละ 34.80 มีโอกาสมาก รองลงมาร้อยละ 31.00 มีโอกาสค่อนข้างมาก, ร้อยละ 19.30 มีโอกาสค่อนข้างน้อย, ร้อยละ7.70 มีโอกาสน้อย, ร้อยละ 4.40 ไม่มีมีโอกาสเลย และร้อยละ 2.80ไม่แน่ใจ
ความพึงพอใจที่มีต่อศักยภาพและความสามารถของนักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมการแข่งขันส่วนใหญ่ร้อยละ 29.10 พอใจในระดับมาก รองลงมา ร้อยละ 27.60 พอใจในระดับปานกลาง, ร้อยละ 20.40 พอใจในระดับมากที่สุด, ร้อยละ 8.50 พอใจในระดับน้อย, ร้อยละ 7.40 พอใจในระดับน้อยที่สุด และ ร้อยละ 7.00 ไม่แสดงความคิดเห็น
ปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของทีมชาติไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 27.60 ศักยภาพและความพร้อมของนักกีฬา รองลงมา ร้อยละ 25.30 ศักยภาพและความสามารถของหัวหน้าผู้ฝึกสอน, ร้อยละ 22.10 ระยะเวลาในการเตรียมทีม, ร้อยละ 14.90 ศักยภาพและความพร้อมของทีมคู่แข่งขัน, ร้อยละ 7.40 แรงเชียร์จากแฟนบอลและการสนับสนุนของผู้เกี่ยวข้อง และอื่นๆร้อยละ 2.70
ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจดังกล่าวเมื่อพิจารณาถึงความสำคัญกับการแข่งขันที่มีต่อทีมชาติไทย โดยเฉพาะการสร้างโอกาสเพื่อกรุยทางไปสู่รอบลึกๆในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชียกับอีก 2 นัดที่เหลือพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เชื่อว่า การพบกับนักเตะจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงแม้สภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมจะเป็นรอง แต่ด้วยศักยภาพและผลงานของนักกีฬาภายใต้ฝีมือของกุนซือของโค้ชจากแดนปลาดิบแฟนกีฬาเชื่อว่าทัพไทยมีโอกาสค่อนข้างมากกับการจะเก็บชัยเหนือคู่แข่งขัน ขณะเดียวกันการพบกับสิงคโปร์ในนัดต่อไปเมื่อวิเคราะห์ในภาพรวมจะด้วยฝีเท้าที่เหนือกว่ารวมทั้งผลงานที่ทีมช้างศึกเคยชนะมาก่อนกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จึงเชื่อมั่นว่าทีมชาติไทยจะมีโอกาสมากกับการเก็บ 3 แต้มมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงความพึงพอใจที่มีต่อศักยภาพของนักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมทีมถึงแม้ว่าแฟนบอลส่วนใหญ่จะมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก แต่หากมองย้อนกลับไปในวันที่ผู้ฝึกสอนได้ประกาศรายชื่อนักเตะก็อาจจะมีกระแสที่เห็นต่างกับรายชื่อบางรายที่ประกาศออกมาอยู่บ้าง ทั้งนี้เป็นเพราะโดยภาพรวมแฟนบอลยังเห็นว่ามีนักเตะที่ฝีเท้าเด่นและพร้อมจะเป็นตัวแทนมากกว่าผู้ที่ได้รับคัดเลือกบางรายก็อาจจะเป็นได้ และที่น่าสนใจเมื่อเจาะไปที่ปัจจัยที่จะนำไปสู่โอกาสของความสำเร็จแฟนกีฬาต่างชี้ไปที่ศักยภาพและความสามารถของนักกีฬาและหัวหน้าผู้ฝึกสอนมาในลำดับต้นๆ ผศ.ดร.รัฐพงศ์ ทิ้งท้าย