เหมาลำไป! ทีมชาติไทย บินลุยจีนทำศึกคัดบอลโลก-ถึงค่ำซ้อมทันที (ภาพชุด)

เหมาลำไป! ทีมชาติไทย บินลุยจีนทำศึกคัดบอลโลก-ถึงค่ำซ้อมทันที (ภาพชุด)
ทีมชาติไทย บินลัดฟ้าด้วยเที่ยวบินเหมาลำ มุ่งตรงสู่แผ่นดินมังกร แฟนบอลร่วมส่งเนืองแน่น ส่งใจแรงเชียร์ให้คว้าชัยกลับมาให้ได้ ด้าน มาซาทาดะ อิชิอิ เตรียมจับลูกทีมซ้อมต่อทันทีเมื่อเดินทางถึง หวังให้คุ้นชินสภาพอากาศที่เมืองจีนมากที่สุด ก่อนเตะแมตช์สำคัญฉะ ทีมชาติจีน วันพฤหัสบดีที่ 6 มิ.ย.นี้ คัดบอลโลกนัดที่ 5 กลุ่ม ซี ไทยรัฐ ทีวี ยิงสด 1 ทุ่มตรง

ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ 'มาซาทาดะ อิชิอิ' โดยมี 'มาดามแป้ง' นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่กำลังเตรียมความพร้อมก่อนลุยศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กับ 2 เกมสำคัญของกลุ่ม ซี ที่จะไปเยือน จีน และเปิดบ้านพบกับ สิงคโปร์

ล่าสุด เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2567 กุนซือชาวญี่ปุ่น พร้อมกับทัพนักเตะ 'ช้างศึก' เดินทางมาถึงท่าอากาศนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อบินลัดฟ้าด้วยเที่ยวบินเหมาลำ สายการบินการบินไทย เที่ยวบิน TG8066 มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน โดยมีแฟนบอลชาวไทยตามไปส่งแน่นขนัด ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักพร้อมส่งใจให้นักเตะไทยคว้า 3 แต้มกลับบ้านให้ได้

โดยกำหนดการของทัพ "ช้างศึก" จะลงฝึกซ้อมต่อทันทีในช่วงค่ำเวลา 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม Shenyang Urban Construction University โดยเฮดโค้ชวัย 57 ปี ต้องการให้ลูกทีมปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ รวมถึงเป็นการรีแลกซ์ร่างกายจากการนั่งบนเครื่องบินราว 6 ชั่วโมงเศษ ก่อนจะมีเวลาลงซ้อมอีก 3 วัน พร้อมลงปะทะทีมชาติจีน ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายนนี้

ทั้งนี้ สถานการณ์ 'ช้างศึก' ปัจจุบันรั้งอันดับ 3 ลงเตะ 4 นัด มี 4 แต้ม ตามจ่าฝูงเกาหลีใต้ 6 แต้ม และตามอันดับ 2 จีน อยู่ 3 แต้ม โดย 2 นัดท้ายต้องคว้าชัยทั้งหมด และลุ้นให้ จีน ไม่ชนะ เกาหลีใต้ ในเกมนัดสุดท้าย แต่หากจีน ชนะนัดสุดท้ายแต้มจะเท่ากับไทย ต้องมาวัดผลต่างประตูได้เสีย และหากกรณีคะแนนเท่ากัน ผลต่างประตูยังเท่ากัน ให้วัดด้วยจำนวนประตูที่ยิงได้

สำหรับ ทีมชาติไทย ทีมอันดับ 101 ของโลก มีโปรแกรมบุกไปเยือน จีน ทีมอันดับ 88 ของโลก ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567 ที่สนามเสิ่นหยาง โอลิมปิก เซ็นเตอร์ เมืองเสิ่นหยาง เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐ ทีวี หมายเลข 32


ที่มาของภาพ : SIAMSPORT
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport