นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงานเลี้ยงรับรองคณะผู้บริหารและแขกพิเศษที่มีความสำคัญ ในการประชุม ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74
โดยในการนี้มี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า, นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมถึง อาร์แซน เวนเกอร์ โค้ชชาวฝรั่ง อดีตผู้จัดการทีม อาร์เซนอล และอดีตนักฟุตบอลชื่อดังเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, เอสเตบัน กัมบิอาสโซ่, จอห์น โอบี มิเกล, ดีด้า และ จิลแบร์โต้ ซิลวา และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
ก่อนเริ่มงานทางด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้รับมอบเสื้อสกีนคำว่า ทวีสิน พร้อมหมายเลข 30 จาก จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า
ภายในงานทางรัฐบาลไทยได้จัดให้มีการแสดงเปิดงาน "รำฝรั่งคู่" ชุด วิจิตรนาฏกร เฉลิมพรมงคล โดย ทีมลายรวิ, การแสดงพิเศษ "การขับร้องเพลงประสานเสียง" โดย คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย,การแสดงพิเศษ "หุ่นละครเล็ก"โดย คณะโจหลุยส์,วงดนตรีไทยประยุกต์ บรรเลงเพลงบรรยากาศ โดย วงดนตรี กรุงเทพไล้ท์ ออร์เคสตรา และการแสดงไฮไลท์ "โขน เรื่องรามเกียรติ์" โดย กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ผมต้องขอบคุณ FIFA อีกครั้งที่เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ไทยได้ต้อนรับผู้แทนจากทั่วโลก โดยมองว่าฟุตบอลไม่ได้เป็นเพียงกีฬา แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่คนไทยให้ความสำคัญด้วย
ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ จึงนับเป็นก้าวใหม่ของวงการฟุตบอลอาเซียน และการมีส่วนร่วมในเส้นทางระดับโลกของวงการฟุตบอลโลก ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นคนที่ชื่นชอบฟุตบอล นายกรัฐมนตรีได้เล่นฟุตบอล และติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลมาตลอด ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงเล่นทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะช่วยทำให้ผ่อนคลายจากการทำงานได้
"ถึงช่วงที่เคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย จึงตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการส่งเสริมฟุตบอลระดับล่าง เพื่อให้เยาวชนได้รับโอกาสมากขึ้น ทำให้ในช่วงก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ก่อตั้งสถาบันสอนฟุตบอล เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสจากทุกสาขาอาชีพให้สามารถเล่นฟุตบอล และเติบโตเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยทุกวันนี้มีความภูมิใจที่เยาวชนบางส่วนได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพและเป็นตัวแทนของทีมชาติไทย จึงมองว่าฟุตบอลไม่เพียงแต่เป็นกีฬาเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสทางสังคมและความเท่าเทียมกันของเยาวชน โดยไม่คำนึงถึงเพศ หรือภูมิหลังทางสังคม"
"สำหรับประเทศไทย กีฬาฟุตบอลนับเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนการมีสุขภาพที่ดีและความเท่าเทียม การเล่นฟุตบอลมีให้เห็นตั้งแต่ริมถนนในตัวเมืองที่พลุกพล่านไปจนถึงหมู่บ้านในชนบท ฟุตบอลเป็นส่วนที่เชื่อมโยงสังคมที่นำมาซึ่งความสุขและมิตรภาพระหว่างคนในสังคม รวมทั้งยังช่วยสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ โดยเป็นเวทีที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายแข่งขันกันได้อย่างสนุกสนาน ก้าวข้ามอุปสรรคความท้าทาย โดยใช้ความสามารถส่วนบุคคล ข้ามผ่านทัศนคติที่มีต่อกลุ่มคน ทำให้ผู้หญิงสามารถแสดงความสามารถของตนได้ ซึ่งสังคมภายใต้ฟุตบอลให้คุณค่ากับความสามารถมากกว่าเพศ"
"นอกจากนี้ กีฬาฟุตบอลเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วยส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน และส่งเสริมการเติบโตในทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนการพัฒนาในชุมชน รวมไปถึงช่วยปกป้องเยาวชน โดยมอบพื้นที่ปลอดภัยให้เยาวชนได้เรียนรู้คุณค่าของความเคารพ การไม่แบ่งแยก และเล่นกีฬาอย่างยุติธรรม ช่วยสร้างรากฐานและกำหนดอนาคตของเยาวชนซึ่งจะเป็นอนาคตของประเทศด้วย"
"กีฬาฟุตบอลยังช่วยต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติด้วยการส่งเสริมความหลากหลาย ยอมรับความแตกต่าง และความเคารพ เสริมสร้างความเข้าใจ และบริบทระหว่างวัฒนธรรมที่แตกต่าง และสนับสนุนการอยู่ร่วมกันในสังคม
"การประชุม FIFA Congress เป็นโอกาสสำคัญที่เปิดโอกาสให้กำหนดอนาคตของฟุตบอลในระดับโลก มีการหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ ๆ และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ โดยการประชุมครั้งที่ 74 นี้จะตัดสินเจ้าภาพฟุตบอลโลกหญิงปี 2027 และจุดยืนระดับโลกในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเพศและเชื้อชาติในกีฬาฟุตบอล นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าการประชุมนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนวงการฟุตบอลไปสู่อนาคตที่ครอบคลุม มีพลวัต และยั่งยืนมากขึ้น"
"ในนามประเทศไทย นายกรัฐมนตรีหวังว่า คณะผู้บริหาร FIFA จะมีความสุขตลอดช่วงเวลาที่ได้มาประชุมที่ประเทศไทย และขอให้การประชุมครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ"