4 ข้อต้องระวัง! ทีมชาติไทย พบ เกาหลีใต้

4 ข้อต้องระวัง! ทีมชาติไทย พบ เกาหลีใต้
26 มีนาคม 2024 ทีมชาติไทย จะเปิดบ้านรับมือเกาหลีใต้ ในเวลา 19:30 น. ซึ่งด้วยความที่นัดแรกเราบุกไปเสมอพวกเขาได้ถึงถิ่น ดังนั้นทัพโสมขาวจึงหมายมั่นปั้นมือที่จะเอาชัยเหนือช้างศึกให้จงได้ ดังนั้นลูกทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ จึงต้องเตรียมรับมือกับพายุเกมบุกที่จะถาโถมตั้งแต่วินาทีแรก และนี่คือ 4 ข้อที่ต้องระวังไว้ให้ดี!!

[ 1 ] การโยนจากริมเส้นไปเสาไกล

   มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทย เป็นจอมแท็กติกอยู่แล้ว และด้วยการทำงานแบบละเอียดยิบของเขา ทำให้ทัพช้างศึกสามารถหยุดการโจมตีจากริมเส้นของเกาหลีใต้ ได้อยู่หมัดในเกมแรกที่เผชิญหน้ากัน

   อย่างไรก็ตาม เกมที่ ราชมังคลากีฬาสถาน จะแตกต่างออกไปแน่นอน เพราะทีมโสมขาวจะไม่ประมาทอีกแล้ว พวกเขาจะเน้นหนักยิ่งกว่าเก่า เนื่องจากเสียหน้าพอสมควรกับการเสมอในบ้านตนเอง

   เกมริมเส้นที่เป็นหนึ่งในจุดเด่นของเกาหลีใต้ จะถูกนำกลับมาใช้แน่นอน แต่จะประณีตในทุกๆ จังหวะ อีกทั้งการที่พวกเขาเตรียมส่ง โช กู-ซอง หัวหอกผู้มีส่วนสูง 1.88 เมตร ลงเป็นตัวจริง มันจึงทำให้งานหนักจะไปตกอยู่กับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟของไทย ที่จะต้องประกบศูนย์หน้า มิดต์เยลันด์ ให้ดีที่สุด

   นอกจากนี้ จังหวะเข้าทำของเกาหลีใต้ มักจะชอบโยนจากริมเส้นด้านใดด้านหนึ่งไปที่เสาไกล โดยให้ผู้เล่นที่เติมขึ้นมาโหม่งเข้ากลางเพื่อให้แนวรุกโฉบยิงประตู ตรงจุดนี้แหละที่ไทย ต้องระมัดระวังแบบห้ามพลาดเป็นอันขาด

[ 2 ] อี คัง-อิน และคิลเลอร์พาส

   อี คัง-อิน คือหนึ่งในนักเตะพรสวรรค์สูงของวงการลูกหนังโลก เขาถูก บาเลนเซีย ยักษ์ใหญ่แห่ง ลา ลีกา สเปน ดึงตัวไปอยู่ในอะคาเดมี่ของสโมสรตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ ก่อนจะฟูมฟักจนเติบใหญ่ไปพร้อมเท้าซ้ายสุดมหัศจรรย์

   ปัจจุบัน แนวรุกวัย 23 ปี คือหนึ่งในแกนหลักของ ปารีส แซง-แชร์กแมง ร่วมกับ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศส 

   ด้วยโปรไฟล์ทั้งหมดทั้งมวล มันก็พอจะบอกได้ว่า อี คัง-อิน เก่งกาจเพียงใด

   ในเกมเสมอไทย ที่ โซล เวิลด์ คัพ เสตเดี้ยม 1-1 เขาถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะมาจากเรื่องในแคมป์ช่วง เอเชียน คัพ 2023 ที่มีปัญหากับ ซน ฮึง-มิน จนทำให้เจ้าตัวถูกลงโทษ แต่ในเมื่อทุกอย่างเคลียร์จบ สถานการณ์คลี่คลาย เขาจึงกลับมาออกสตาร์ตเป็นตัวจริงแน่ๆ ในแมตช์บุก ราชมังคลากีฬาสถาน

   นอกจากจะมีทักษะลูกหนังเอกอุ หมอยังเป็นนักเตะที่วิสัยทัศน์ในการเล่นกว้างไกล, ยิงประตูคมกริบ แต่เหนืออื่นใดคือลูกจ่ายประเภท 'คิลเลอร์พาส' ที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในชั่วพริบตา

   เพลย์เมเกอร์จาก เปแอสเช เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก และสถิติการสร้างสรรค์โอกาส 11 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของเกาหลีใต้ ใน เอเชียน คัพ 2023 ก็บ่งชี้ได้ชัดเจนว่าเขาคือฟันเฟืองสำคัญในแดนบนของทัพโสมขาวจริงๆ

[ 3 ] ความ เวิลด์คลาส ของ ซน ฮึง-มิน

   นักฟุตบอลหลายล้านคนทั่วโลก ลีกของประเทศต่างๆ จากทั่วทุกทวีปต่างก็มีข้อแตกต่างกัน ทว่าเรื่องของฝีเท้าการเล่น ในปัจจุบันความเหลื่อมล้ำถูกขยับเข้ามาใกล้กันมากกว่าเดิม

   ข้อแตกต่างของชาติใหญ่ๆ คือเรื่องของศักยภาพตัวผู้เล่น, พละกำลัง, แท็กติกของโค้ช และปัจจัยอื่นๆ ที่เกิดจากภายในของประเทศนั้นๆ ว่าพัฒนากันถูกมาตรฐานสากลมากน้อยเพียงใด

   ดังนั้นการจะผลิตนักเตะเก่งๆ ที่สามารถพลิกสถานการณ์การแข่งขันได้ด้วยจังหวะเดียวนั้นจึงยากมากๆ

   ทีมชาติหรือว่าสโมสรชั้นนำของโลก พวกเขาจะมีผู้เล่นประเภท 'เวิลด์คลาส' อยู่ในทีม เพราะแข้งลักษณะนี้สามารถชี้วัดเกมได้ด้วยจังหวะเดียว

   ไม่ว่าจะผู้รักษาประตู, ฟูลแบ็ก, กองกลาง, ปีกหรือศูนย์หน้า แต่ละตำแหน่งนั้นวัดความเป็นระดับโลกแตกต่างตามหน้าที่รับผิดชอบของตนเอง

   สำหรับ ซน ฮึง-มิน เขาคือแนวรุกที่เข้าขั้น 'เวิลด์คลาส' ไปเป็นที่เรียบร้อย กับมาตรฐานระดับสูงในการเล่นที่ยุโรป มาเกินกว่าสิบปี ทั้งยังได้รับเกียรติให้เป็น 'กัปตันทีม' ท็อตแน่ม ฮอท สเปอร์ส ซึ่งถือเป็นคนเอเชีย คนแรกที่ได้สวมปลอกแขนในอังกฤษ แบบถาวรเช่นนี้

   ข้อแตกต่างของหัวหน้าทีมไก่เดือยทองกับนักเตะทั่วไปคือจังหวะจบสกอร์ - หมอนี่อาจจะดูไม่หวือหวา แต่เมื่อถึงพื้นที่ทำการ เขาสามารถส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้จากทุกวินาที

   ประตูขึ้นนำ 1-0 ที่ยิงผ่าน ปฏิวัติ คำไหม คือตัวอย่างชั้นยอดในความเฉียบขาดของ ซน ฮึง-มิน เพราะการซัดเรียดไปเบียดเสาเช่นนั้นถือเป็นสิ่งที่ยากมากๆ แต่เขากลับทำให้ดูเหมือนง่ายดาย

   ดังนั้นเกมในวันอังคารที่ 26 มีนาคม แนวรับไทย คงต้องระมัดระวังอย่างให้หมอนี่มีพื้นที่เล่นเป็นอันขาด

[ 4 ] การเพรสซิ่งแบบหนักหน่วง

   จุดแข็งที่เป็นมาตั้งแต่ช้านานของเกาหลีใต้ คือเรื่องของ 'ความฟิต' พวกเขาเลื่องชื่อกระฉ่อนนามกับพละกำลังที่ล้นเหลือ วิ่งไม่มีหมด บดขยี้ไม่มีเม้ม

   มันคือวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดกันรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าคุณจะพรสวรรค์สูงเพียงใด แต่ถ้าขึ้นชื่อว่าเติบใหญ่จากประเทศนี้ เรื่องของพละกำลังและวินัยจะนำมาเป็นสิ่งแรกเสมอ

   ฟุตบอลยุคปัจจุบัน เรื่องความฟิตคือสิ่งสำคัญมากๆ โดยเฉพาะการ 'เพรสซิ่ง' ที่ไม่ว่าจะสโมสรหรือทีมชาติ มักจะถูกนำมาใช้ให้เห็นกันแบบแพร่หลาย

   แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, อาร์เจนติน่า, สเปน และคงต้องรวมญี่ปุ่น เข้าไปด้วย ทีมเหล่านี้คือตัวอย่างระดับโลกที่ชัดเจนในเรื่องการเพรสซิ่งฝั่งตรงข้าม เพื่อเอาบอลมาครอง แล้วโจมตีในฉับพลัน

   เกาหลีใต้ เองก็เป็นหนึ่งในทีมลักษณะนี้ แต่ในเกมกับไทย ด้วยความติดประมาท และรวมไปถึงแท็กติกอันแยบยลของ มาซาทาะ อิชิอิ มันจึงทำให้ทัพช้างศึกบุกไปเก็บแต้มใหญ่ออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ

   ทว่าเกมนี้จะแตกต่างออกไปแน่นอน พวกเขาจะบีบพื้นที่ตั้งแต่แดนบนของขุนพลขวานทองและจะไม่ปล่อยให้นักเตะไทย ได้ครองบอลเกิน 1 นาที โดยจะเพรสซิ่งสูง แล้วใช้ความเฉียบขาดในพื้นที่สุดท้ายเพื่อปิดสกอร์ให้สำเร็จ

   อิชิอิ เองก็คงจะคำนวณไว้แล้วเช่นกันว่าเกาหลีใต้ จะต้องมามุกนี้แน่ แต่เขาจะหาทางแก้แท็กติกของคู่ต่อสู้ด้วยวิธีใด คำตอบรออยู่ในวันอังคารที่ 26 มีนาคม เท่านั้น


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport