การเผชิญหน้าเกาหลีใต้ 2 เกม ติดต่อกันถือเป็นงานที่สาหัสสากรรจ์สำหรับทีมชาติไทย โดยแท้ แต่งานหินมหาโหดครั้งนี้มันยังมี 'ประโยชน์' ที่ทัพช้างศึกจะได้ตามมาอีกเพียบ ดังนั้น 'SIAMSPORT' จึงขอสรุปมาเป็นข้อๆ ให้คุณได้อ่านกัน!!
*** ทีมชาติไทย พบเกาหลีใต้ (นัดแรก) ณ โซล เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม เวลา 18:00 น. (นัดที่สอง) ที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันอังคารที่ 26 มีนาคม เวลา 19.30 น. ทั้ง 2 เกม ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐทีวี (หมายเลข 32) ***
[ 1 ] 'ได้' เผชิญหน้ากับแข้งระดับโลก
แม้เกาหลีใต้ จะรั้งอันดับ 22 ของ ฟีฟ่า แรงกิ้ง ทว่าพวกเขาขยับมาตรฐานของตนเองไปอยู่ในกลุ่มทีมระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยผลงานการต่อกรกับประเทศใหญ่ๆ ได้แบบไม่เป็นรอง ตัวอย่างชัดเจนในศึก เวิลด์ คัพ 2022 ที่เสมออุรุกวัย และยังเอาชนะโปรตุเกส ได้อีกต่างหาก
ตัวผู้เล่นของทัพโสมขาวชุดปัจจุบันก็อุดมไปด้วยนักเตะที่เล่นในลีกยุโรป โดยไม่ได้เป็นตัวสำรอง หากแต่ยังเป็นกำลังสำคัญของสโมสรต่างๆ
ซน ฮึง-มิน สตาร์เบอร์หนึ่งของเอเชีย เป็นถึงกัปตันทีม สเปอร์ส, อี คัง-อิน แนวรุกพรสวรรค์สูงก็เล่นร่วมกับ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, คิม มิน-แจ คือเซนเตอร์ฮาล์ฟผู้พา นาโปลี คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ได้เป็นหนแรกในรอบ 33 ปี ก่อนจะย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค
นี่คือก๊วนนักเตะที่ได้รับการยอมรับจากทั่วทั้งยุโรป ว่า 'ของจริง'
ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ผู้เล่นไทย จะได้จากการเผชิญหน้ากับแข้งระดับโลกแบบตัวต่อตัว ซึ่งประสบการณ์ตรงนี้แหละจะทำให้พวกเขาได้กลับมาเพื่อพัฒนาตนเองต่อๆ ไปในอนาคต
[ 2 ] 'ได้' ปลุกกระแสฟุตบอลไทย
แน่นอนว่าโอกาสที่ชาติซึ่งมีแรงกิ้งอยู่ในท็อป 50 ของโลกจะมาแข่งขันกับไทย นั้นมีน้อยมากๆ นอกเสียจากพวกเขาเลือกที่จะเชิญทีมช้างศึกไปอุ่นเครื่อง เหมือนเช่นญี่ปุ่น เมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา หรือไม่ก็จับสลากทัวร์นาเมนต์ในทวีปอย่างที่มาร่วมกลุ่มเกาหลีใต้ เช่นนี้
ด้วยมาตรฐานของทีมที่มีอันดับโลกสูงๆ พวกเขาย่อมเหนือกว่าไทย ซึ่งยังอยู่ต่ำกว่าท็อป 100 มันจึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่แฟนๆ จะได้เห็นการเล่นของชาติใหญ่ๆ แบบชิดติดขอบสนาม
ห้วงเวลา 6-7 ปี ที่ผ่านมา ผลงานของทัพช้างศึกดร็อปลงอย่างน่าใจหาย ไม่ว่าจะทีมชุดใหญ่หรือเยาวชนต่างก็เผชิญกับช่วงที่ย่ำแย่ แม้กระทั่งการแข่งขันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ถูกเพื่อนบ้านขยับเข้าใกล้ขึ้นเรื่อย จนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่อันดับโลกเป็นรองเวียดนาม แบบน่าเจ็บปวดใจ
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กระแสฟุตบอลไทย ตกลงเรื่อยๆ ผู้ชมเข้าไปชมเกมลีกน้อยลงชัดเจน ซึ่งมันกระทบถึงทีมชาติแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง จากที่ความจุเต็มอัฒจันทร์ กลายเป็นเหลือที่ว่างอย่างหนาตา มันจึงพาให้บรรดาสปอนเซอร์ค่อยๆ ลดวงเงินในการสนับสนุน และแน่นอนว่ามันกระเทือนไปทั้งระบบ
อย่างไรก็ตาม การที่เกาหลีใต้ จะมาเยือนราชมังคลากีฬาสถานในวันอังคารที่ 26 มีนาคม นั้นถือเป็นการดีที่กระแสฟุตบอลไทย จะกลับมาคึกคักอีกครั้งกับการต้อนรับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่จะมาเล่นต่อหน้าคอลูกหนังตัวเป็นๆ
[ 3 ] 'ได้' เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพ
จุดแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีใต้ ในทุกยุคสมัยคือ 'วินัย' ที่ไม่มีหย่อนยาน และนี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาค่อยๆ พัฒนาจากทีมระดับทวีปสู่ระดับโลกในปัจจุบัน
นอกเหนือไปจากความเข้มข้นของระเบียบและวินัย ทัพโสมขาวยังมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสูงลิ่ว ด้วยวัฒนธรรมของประเทศที่เน้นย้ำถึงเรื่องระบบอาวุโส มันจึงทำให้ผู้เล่นในทีมแทบไม่มีการแตกแถวเลย แม้ล่าสุดใน เอเชียน คัพ 2023 จะมีข่าวทะเลาะกันระหว่าง ซน ฮึง-มิน กับ อี คัง-อิน ก็ตาม แต่นั่นก็ได้รับการแก้ไขแบบฉับพลันทันท่วงที
เกาหลีใต้ ก็ไม่ได้ต่างจากญี่ปุ่น ที่มีความเป๊ะในแบบฉบับของตนเอง พวกเขามีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งนักเตะไทย ก็คงจะได้เรียนรู้หลายๆ อย่างจากการเจอกับทัพโสมขาว เพราะไม่ว่าจะเกมเยือนหรือเกมเหย้า เราจะได้เห็นวิธีการจัดการในทุกมิติ ซึ่งทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเก็บเกี่ยวจากสิ่งๆ นี้แล้วนำมาปรับใช้ได้มากน้อยเพียงใด
[ 4 ] 'ได้' แต้มใหญ่ หากมีผลเสมอหรืออาจหาญถึงชนะ
การเผชิญหน้ากับชาติที่แรงกิ้งสูงกว่าถึง 79 อันดับ (เกาหลีใต้ 22, ไทย 101) แม้โอกาสจะยากมากถึงมากที่สุดที่ทัพช้างศึกจะได้แต้มจากเกาหลีใต้ แต่ในโลกของฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
มาซาทาดะ อิชิอิ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือกุนซือจอมแท็กติกที่สามารถวางหมากต่อกรกับทีมที่เหนือกว่าได้แบบไม่เป็นรอง ผลงานใน เอเชียน คัพ 2023 คือตัวอย่างชั้นยอดที่การันตีคุณภาพของอดีตเฮดโค้ช สมุทรปราการ ซิตี้
เมื่อปี 2016 เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น เคยนำ คาชิมะ แอนท์เลอร์ส ทะลุสู่รอบชิงชนะเลิศ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ มาแล้ว ซึ่งนั่นคือหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการฟุตบอล เพราะเป็นหนแรกที่ทีมจากเอเชีย มาไกลถึงเพียงนี้
เท่านั้นไม่พอ อิชิอิ ยังสำแดงเดชด้วยการนำทัพกวางเขาเหล็กเสมอกับ เรอัล มาดริด ใน 90 นาที โดยทีมราชันชุดขาว ณ ขณะนั้นอุดมไปด้วยแข้งระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า, ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เชโล่ และอีกมากมาย
ดังนั้นเชื่อได้เลยว่ากุนซือคนนี้ย่อมมีแผนเด็ดไว้เผชิญหน้าเกาหลีใต้ แน่ๆ แต่แท็กติกที่เขาวางไว้จะสัมฤทธิ์ผลได้หรือไม่ คงต้องให้เรื่องในสนามเป็นคนให้คำตอบ ซึ่งถ้าไทย สามารถเสมอกับทีมโสมขาวได้สำเร็จ เราก็จะได้คะแนนสะสมเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และนั่นหมายความว่าโอกาสที่จะทำอันดับเข้าไปอยู่ ท็อป 100 ก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว
[ 5 ] 'ได้' แสดงให้คู่แข่งเห็นว่าเราก็มีดีเช่นกัน
ทุกวันนี้ ไทยลีก กำลังเติบโตไปในทิศบวก แม้ว่าจะยังมีความมหัศจรรย์จากผู้ตัดสินให้เห็นอยู่บ้าง แต่ภาพรวมนั้นถือว่ายังคงเดินหน้าด้วยดี
เหตุนี้เองทำให้โควตาการเข้าไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ของสโมสรจากสยามประเทศนั้นเป็นรองเพียงญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และจีน เท่านั้นในโซนตะวันออก
จากมาตรฐานที่ค่อยๆ ดีขึ้นของ ไทยลีก มันจึงดึงดูดนักเตะจากต่างแดนให้ย้ายมาค้าแข้งที่นี่ ซึ่งผู้เล่นเหล่านี้นี่เองที่ช่วยยกระดับการแข่งขันให้สูงขึ้น
ปัจจุบัน แข้งเกาหลีใต้ โลดแล่นใน ไทยลีก นั้นมีมากถึง 10 คน ซึ่งเป็นตัวเลขรองจากบราซิล ประเทศเดียวเท่านั้น (ไม่นับโควตาอาเซียน)
จากสถิติที่เกิดขึ้นนั้นบ่งชี้ได้ชัดเจนว่า ไทยลีก ก็เป็นลีกที่ผู้เล่นจากแดนโสมให้ความสนใจไม่น้อย ซึ่งการที่เกาหลีใต้ จะเจอกับทัพช้างศึกในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก มันก็จะเป็นอีกเกมที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นถึงศักยภาพของนักเตะไทย เช่นกัน
แม้มันจะเป็นแมตช์ที่ยากยิ่ง แต่ถ้าเล่นได้ตามแท็กติกและพยายามผิดพลาดให้น้อยที่สุด บางทีผลการแข่งขันสุดเซอร์ไพรส์อาจจะเกิดขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งถ้าทำสำเร็จ มันก็จะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าทีมชาติไทย ก็มีดีเช่นกัน