5 จุดสังเกต ทีมชาติไทยแพ้แต่ได้ใจ และ "ศรัทธา" ที่กลับคืนมา!

5 จุดสังเกต ทีมชาติไทยแพ้แต่ได้ใจ และ "ศรัทธา" ที่กลับคืนมา!
ทีมชาติไทย อาจจะยุติเส้นทาง เอเชียน คัพ 2023 ไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่สิ่งที่ มาซาทาดะ อิชิอิ และนักเตะทุกคนได้แสดงออกในสนาม ทำให้เรียก 'ศรัทธา' กลับมาอีกครั้ง ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงคัด 5 ข้อเน้นๆ มาแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!

[ 1 ] จัดตัวอาจจะไม่โดนใจ แต่โดยรวมถือว่าผ่านฉลุย

11 ผู้เล่นชุดแรกที่ออกมาสร้างความประหลาดใจให้แฟนฟุตบอลชาวไทย ได้ร้อง "โอ้ว" กับการไร้ชื่อ สุภโชค สารชาติ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา บนแผนผัง โดยเป็น รุ่งรัตน์ ภูมิจันทึก กับ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ที่ได้เล่นแทน

จากแท็กติกที่ออกมา เดาใจว่า มาซาทาดะ อิชิอิ น่าจะเชื่อมั่นในเกมรับ เขาจึงจัดการเซฟพลังสองพี่น้องชาวศรีสะเกษ เพื่อปล่อยลงมาวาดลาวดลายในครึ่งหลัง 

แน่นอนว่ามันคือ 'ความเสี่ยง' เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าทั้ง สุภโชค และ ศุภณัฏฐ์ คือผู้เล่นที่สามารถพลิกเกมได้ด้วยจังหวะเดียว อีกทั้งยังถือเป็นแข้งคุณภาพที่ยังไงก็ต้องอยู่ในไลน์-อัพ แต่กุนซือชาวญี่ปุ่น เลือกที่จะ 'ซื้อเกมรับ' จึงถือว่ากลยุทธ์ที่เขาวางหมากไม่ได้ผิดใดๆ 

รูปเกมที่ออกมาในครึ่งแรกจึงดูเป็นรองแบบชัดเจน แต่ก็เกือบจะเอาอยู่ มันจึงน่าเสียดายที่ดันมาเสียประตูในในนาทีที่ 37 จนทำให้เล่นยากขึ้นกว่าเดิมในครึ่งหลัง

กระนั้นก็ตาม โดยรวมทั้งหมดถือว่าแท็กติกของ อิชิอิ นั้นช่วยยกระดับการเล่นของไทย ได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เกมกับอุซเบกิสถาน แต่รวมไปถึงนัดอื่นๆ ในรอบแรกด้วย

[ 2 ] สปิริตเต็มเปี่ยม

แม้จะโดนนำไปก่อน แถมคู่ต่อสู้ยังแข็งแกร่งทุกอณู แต่ต้องชื่นชมสปิริตของผู้เล่นไทย ทุกคนที่วิ่งสู้ฟัดและทำตามแท็กติกที่ มาซาทาดะ อิชิอิ วางไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่สามารถยกระดับเกมจนเกือบสร้างเซอร์ไพรส์ได้เหมือนกัน

อย่าลืมว่าก่อนจะลัดฟ้าสู่ประเทศกาตาร์ ปัญหาสารพัดถาโถมเข้าใส่ทัพช้างศึกมากมายจนทุกฝ่ายต่างก็คิดว่าคงไม่สามารถทำผลงานได้ดีใน เอเชียน คัพ 2023 

ดังนั้นการตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ มาเป็นเฮดโค้ช จึงถือเป็นการเลือกที่ถูกทาง เพราะเขาคือกุนซือที่จะเปลี่ยนแปลงทีมให้เป็นไปในทิศบวกแน่ๆ ในอนาคตข้างหน้า

วกกลับมาที่เกมกับอุซเบกิสถาน - ผลพวงจากการเข้ารอบน็อก-เอาต์ด้วยสถิติคลีนชีต แถมยังไม่แพ้ให้ทีมที่มีอันดับโลกสูงกว่าทำให้ทัพช้างศึกพกความมั่นใจก่อนเผชิญหน้าทีมหมาป่าแห่งทูราเนียนส์ 

แน่นอนว่าเราเป็นรองอยู่พอสมควร แถมโดนนำไปก่อนในครึ่งแรก แต่ด้วยหัวใจทระนง นักเตะทุกคนพยายามกลับสู่เกมให้ได้ กระทั่งมาตีเสมอสำเร็จ 

สีหน้าและแววตาของผู้เล่นทุกคนสะท้อนออกมาอย่างดีว่าพวกเขาได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างหนักหน่วง เพื่อที่จะสร้างความสุขให้แฟนฟุตบอลชาวไทย 

พอโดนนำอีกครั้ง ก็ไม่ได้รวน หากแต่พยายามอย่างหนักเพื่อหาช่องทำประตู ซึ่งก็หวิดจะสำเร็จเหมือนกัน ทว่าด้วยคุณภาพของอุซเบกิสถาน สุดท้ายจึงเป็นฝ่ายแพ้พ่ายไปเมื่อจบ 90 นาที

ถึงจะปราชัย แต่ก็เล่นได้ใจเต็มๆ และถ้านำข้อเสียมาปรับแก้ แล้วพัฒนาอย่างต่อเนื่องแบบจริงจัง รับประกันเลยว่าทีมชาติไทย จะไปได้ไกลกว่ารอบ 16 สุดท้ายอย่างแน่นอน

[ 3 ] ต้องส่งออกนักเตะสู่ต่างแดน

ในเกมปราชัยต่ออุซเบกิสถาน 1-2 มีนักเตะที่ยังรักษามาตรฐานของตนเองได้อย่างต่อเนื่องเพียงสองราย นั่นคือ นิโคลัส มิคเคลสัน และ สุภโชค สารชาติ ที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม

ไม่ใช่ว่าฟอร์มของผู้เล่นคนอื่นๆ ตกลงไป เพียงแต่ต้องยอมรับว่าคุณภาพของทัพหมาป่าแห่งทูราเนียนส์ นั้นอยู่ในระดับท็อปของเอเชีย ดังนั้นการเจอคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า ก็ต้องพยายามทำให้ได้ตามแท็กติกที่วางไว้

ไทยลีก อาจจะกำลังไปได้ดี แต่ถ้ามองในแง่ของมาตรฐาน ต้องยอมรับว่าเรายังอยู่ห่างจากประเทศที่ฟุตบอลพัฒนาไปไกลโพ้นอยู่หลายขุม โดยเฉพาะเรื่องของจังหวะการเล่นที่ดูจะช้ากว่าอย่างน้อยก็หนึ่งสเต็ป

ตัวอย่างชัดเจนคือ ธีราทร บุญมาทัน ที่ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่เมืองไทย เคยมีมา ผลงานของเขาที่ญี่ปุ่น พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถกลับมายกระดับให้ทีมชาติได้มากมาย

แต่พอกลับมาค้าแข้งที่สยามประเทศอีกครั้ง จังหวะการเล่นของอดีตแชมป์ เจลีก 2019 ดูจะช้าลงไปพอควร ผิดกับ มิคเคลสัน และ สุภโชค ที่สามารถเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์คับขัน

ในราย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา นั้นยังไม่ได้รับโอกาสมากนักที่เบลเยียม ดังนั้นต้องรอให้เวลาเพาะบ่อมากกว่านี้ เขาจึงจะเปล่งประกายก็ที่เป็นอยู่

หากว่ามีนักเตะย้ายไปค้าแข้งในลีกที่มาตรฐานสูง สิ่งที่ได้กลับมา คือประโยชน์ต่อทีมชาติล้วนๆ เพราะนอกจากจะขยับการเล่นให้สูงขึ้น มันยังเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนรุ่นต่อๆ ไปได้มีความหวังในการเจริญรอยตามในอนาคต

[ 4 ] รอบน็อก-เอาต์ คือเป้าหมายระยะยาว

ต่อจากนี้ไป วลี 'ก้าวข้ามอาเซียน' ควรจะยกเลิกการใช้งานอย่างเป็นทางการสักที เพราะถ้ายังวนเวียนอยู่กับสิ่งเดิมๆ คงไม่มีทางที่จะเดินหน้าแน่

จาก 2019 ต่อด้วย 2023 ที่ทีมชาติไทย ผ่านเข้ารอบน็อก-เอาต์ได้สำเร็จ และเป็นหนที่สองติดต่อกันที่ทำสำเร็จ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดีกับการพัฒนาในระยะยาว

ถ้าสามารถรักษามาตรฐานการมีส่วนร่วมใน เอเชียน คัพ โดยการผ่านรอบแบ่งกลุ่มเป็นอย่างน้อย หากทำได้อีกสัก 3-4 ครั้งติดๆ กัน ทัพช้างศึกก็จะค่อยๆ ขยับตัวเองไปสู่การเป็นทีมชั้นนำของเอเชีย ได้ไม่ยาก และเมื่อนั้น 'ความฝัน' ของ เวิลด์ คัพ ก็จะใกล้เข้ามาอีกนิด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่จะเดินไปให้ถึงจุดนั้น มันต้องมีแผนงานในเรื่องโครงสร้างฟุตบอลภายในประเทศระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องเยาวชนและอบรมโค้ช ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เนื่องจากมันคือ 'ราก' ของความสำเร็จ หากไม่มีสองสิ่งนี้ คุณก็ยากที่จะไปถึงปลายทาง

[ 5 ] ศรัทธากลับมาอีกครั้ง

ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ประเทศกาตาร์ ไม่มีใครคิดว่าทีมชาติไทย จะมาได้ไกลเพียงนี้ ด้วยเหตุผลนานาประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการภายใน, เฮดโค้ช, โปรแกรมลีกที่ไม่สอดคล้อง, เกมอุ่นเครื่องที่บินไปยุโรป ซะอย่างนั้น, ผู้เล่นหลักก็ไม่พร้อมรบ และอื่นๆ อีกมากมาย

เท่านั้นไม่พอ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ก็ดันแพ้จีน 1-2 คาบ้านตัวเอง รวมถึงเกมชนะสิงคโปร์ 3-1 ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าทัพช้างศึกมีจุดบอดหลายสิ่งอย่าง

กองหลังพลาดง่าย, มิดฟิลด์ขยับน้อย ส่วนแดนหน้ามีเพียง ธีรศิลป์ แดงดา ที่พอจะฝากความหวังได้ นี่คือรายละเอียดส่วนหนึ่งที่คอลูกหนังต่างก็ออกมาวิพากษ์-วิจารณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย

หลายๆ เสียงถึงขั้นออกมาประกาศขายตั๋วฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกที่เจอกับเกาหลีใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยสตาร์ดังที่ค้าแข้งในยุโรป แต่ด้วยความที่ฟุตบอลไทย เชียร์ไปก็กลับมาลูปเดิมๆ พวกเขาจึงท้อใจที่จะสนับสนุน

มันเป็นกระแสดิ่งเหวลงมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะในระดับเยาวชน ทัพช้างศึกก็ไปไม่ถึงดวงดาว แม้กระทั่งในทัวร์นาเมนต์ระดับอาเซียน แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเลย

ประมาณว่ามองไปทางใดก็มีแต่ความมืดมิด

แต่สิ่งๆ นั้นได้มลายหายไปกับผลงานของทีมชาติไทย ใน เอเชียน คัพ 2023 - เล่นแบบมีทรง, สปิริตในทีมดีเยี่ยม, โค้ชแก้เกมเก่ง, นักเตะมุ่งมั่น และมันนำมาซึ่งฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทั้ง 4 เกม ตั้งแต่รอบแรกมาจนถึงรอบ 16 ทีม สุดท้าย

แม้จะแพ้อุซเบกิสถาน ไปอย่างน่าเสียดาย แต่มันคือประสบการณ์อันล้ำค่าที่จะนำมาต่อยอดสู่อนาคต (หากร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง)

ด้วยผลงานที่ดีเช่นนี้เอง ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกที่จะเปิดราชมังคลากีฬาสถานต้อนรับเกาหลีใต้ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ จะเป็นอีกครั้งที่ทุกที่นั่งในสนามจะเต็มในพริบตาไป และพวกเขาจะเข้ามาให้กำลังใจนักเตะกันแบบเต็มเหนี่ยว เพราะว่า 'ศรัทธา' ได้คืนมาแล้ว

ก็ได้แต่หวังว่าความมหัศจรรย์ต่างๆ นาๆ ที่มีให้เห็นเป็นประจำทุกสัปดาห์จะหมดไป เพราะในเมื่อกู้วิกฤติกลับมาสำเร็จ ก็ควรจะรักษามันไว้ให้นานๆ เนื่องจากสิ่งๆ นี้ไม่ได้สร้างกันง่ายๆ แต่เมื่อใดที่ผู้คนเสื่อมศรัทธา เมื่อนั้นความเงียบงันก็จะหวนคืนสู่ฟุตบอลไทย เช่นกัน


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport